Gen Z ไม่ได้เรื่อง หรือว่า Gen X , Boomer อีโก้เยอะ ไม่ยอมปรับตัว

ก่อนอื่นผมขอบอกว่าผมเป็น Gen Y นะครับ
ก่อนหน้านี้ผมเห็นข่าวนึงเรื่องผู้ประกอบการ Gen X และ Boomer เอาคน Gen Z ออก เพราะทำงานไม่ได้
ไม่มีความอดทน ไม่ชอบงานหนัก ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีความเคารพผู้ใหญ่ หรือ พอได้วิชาไปก็ลาออก เลยเน้นไปจ้าง Gen Y มากกว่า
เพราะ Gen ตรงกลางครับ คือ เป็น Gen ที่เติบโตมาคาบเกี่ยวกับอนาล็อค กับ ดิจิตอล เราจึงปรับตัวเก่ง
เพราะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ และ เข้ากับเด็กได้ดี พูดง่ายๆเราฟังเพลงวงชาตรีได้ ในขณะก็ฟังฮิปฮอปแบบยังโอมได้เหมือนกัน

กระทู้นี้เลยขอพูดแทน Gen Z หน่อย ในฐานะคน Gen Y

1.ไม่มีความอดทน ไม่ชอบงานหนัก

ทำงานที่ไหนแป๊ปๆออก ขาดความภักดีองค์กร ผู้ใหญ่บางคนมองว่า เหมือนเข้ามาเอาวิชา พอได้วิชาแล้วไปทำที่อื่น
ต้องเข้าใจครับ Gen Z เขาไม่ได้โตมาโดยความคิดแบบ เชิดชูองค์กร ทำงานหนักเพื่อองค์กร
หรือความฝันแบบคนยุค 70-80 คือ มีครอบครัว มีลูก2คน มีบ้าน มีรถ เลี้ยงหมาหรือแมว1ตัว
 แต่เขาเติบโตมาแบบอิสระครับ อย่าลืมว่า คนที่เกิดมาหลังปี1998 พอถึงปี 2005 (เขาอายุ 5-8ขวบ) ก็คือยุคดิจิตอล อินเตอร์เน็ต
เต็มรูปแบบแล้วนะครับ เขาไม่รู้จักครับเทปคาสเซ็ท วีดีโอ เครื่องโรเนียวคืออะไร เขาไม่รู้จักครับ

ซึ่ง20ปีที่ผ่านมา ค่านิยมเปลี่ยนไปเยอะ บ้าน รถ Gen Z เขาก็ไม่ได้มองว่าเป้นสิ่งที่ต้องมี
บางคนไม่อยากมีมองว่าเป็นภาระในการผ่อน เด็กยุคนี้นั่งรถไฟฟ้าเก่ง
เขามองว่าเขาไปไหนสะดวกสบายโดยไม่ต้องขับรถ ในขณะที่ Gen X หรือ Boomer เกิดในกทม
แต่ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลยก็มี เมื่อเดือนก่อนผมพายายผมนั่งรถไฟฟ้าไปไหว้พระวัดปากน้ำ 
โดยนั่นเป็นการนั่งรถไฟฟ้าครั้งแรกในชีวิต

บ้าน รถ คือตัวแทนของการสร้างฐานะของคนรุ่นก่อน แต่ยุคนี้เขาไม่อาย หากอายุ30 ยังไม่มีบ้าน หรือ มีรถ
แต่เขาเติมเต็มชีวิตด้วยการท่องเที่ยวครับ น้องผมเนี่ย อายุ24 มันไปมาทั่วแล้ว เบตง เชียงใหม่ ภูกระดึง บุรีรัมย์
ลาว เขมร มาเลเซีย อินเดีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี คือเห็นเที่ยว เที่ยว เที่ยว เอาประสบการณ์
ผมเกิดมาอายุ40 ต่างประเทศมีประเทศเดียวที่เคยไปคือเวียดนาม ในไทยเที่ยวไกลสุดคือเชียงใหม่2ครั้ง
นอกนั่นวนแถวๆ หัวหิน ชะอำ พัทยา อยุธยา แค่นั้น
น้องผมก็ไม่มีรถ แบคแพคเอา นั่งรถไฟเก่งมาก จองตั๋ว จองอะไร ทำวีซ่า
ทำเองไม่เคยฝากคนอื่นทำ
ค่านิยมของคนรุ่นก่อน คือ ครอบครัว ลูก
เชื่อมั้ยครับ ผมถามคน Gen Z หลายคน เขามองว่าการมีคู่คือภาระ
ยิ่งมีลูกคือภาระ การเลี้ยงเด็ก1คน ชีวิต ความอิสระ ของเขา
จะหายไป20ปี แต่ Gen Z คนที่อยากมีแฟน มีครอบครัว ก็มี
แต่เขาอยากมีแบบ อยู่เป็น "เพื่อนเที่ยว" ด้วยกัน
คือ ไปกินข้าว ดูหนัง เที่ยวตจว. และ xxx กันได้
แชร์ทุกข์สุขกัน แต่ไม่ต้องมีลูก หรือ ถ้าเลี้ยง เลี้ยงแมวเลี้ยงหมาแทน คนความคิดแบบนี้ก็เจอเยอะ
คือ จุดมุ่งหมาย Gen Z มันแคบลง ไม่ได้มองว่าต้องมีบ้าน รถ ครอบครัว คือพ้อยด์หลัก
ในเมื่อพ้อยด์มันเล็กลง เช่นปีนี้ ปลายปีอยากเที่ยวญี่ปุ่น เก็บเงิน3-4หมื่น ก็ถึงเป้าหมายง่ายกว่า
ผ่อนบ้านหลังละ5ล้าน หรือ เก็บเงินล้านเพื่อแต่งงาน
เป้าหมายเขาเล็กลง เช่น แค่ฉันอยากต่อกันดั้มให้เสร็จ หรือ ชั้นอยากเล่นเกมส์นี้ที่ออกใหม่
เดือนหน้าฉันอยากแบคแพคขึ้นดอย
มันก็เลยดูเหมือนเขาขาดเป้าหมายใหญ่ แต่นี่แหละชีวิตของคน Gen Z

พูดถึงเรื่องความอดทน อีกเรื่องนึงครับที่อยากบอก
คน Gen X คน Boomer เขาจะภักดีกับองค์กร การเลื่อนขั้น เงินเดือน โบนัส ที่องค์กรให้
คือ รายได้ทางเดียวของคน Gen นี้ อยู่จนเกษียณ แล้ว ได้บำนาญ บำเหน็จ ต่างๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นยังงั้น
แต่ Gen Z ไม่ใช่ครับ น้องผมเห็นมันชอบเที่ยว มันเก็บเงินไปเที่ยวไปไหนต่อไหนได้
มันไม่ได้ทำงานประจำครับ แต่งานมันมี4จ็อบครับ 
1.เป็นไกค์ 2.อินฟลู ขายของใน ตต. 3.พ่อค้าเสื้อมือสอง 4.สอนภาษา
คือทุกอย่างมันอยากทำหรือไม่ก็แล้วแต่อารมณ์มัน
ทุกอย่างมันจะทำหรือไม่ มันบริหารเวลาทำเอง อยากทำก็ทำ เหนื่อยก็พักนอนง่อยเฉยๆ
คือ คน Gen นี้เขามองเรื่อง Work Life and Balance
น้องผมบอก โลกยุคนี้ ขายอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ถ้ามียอดผู้ติดตามสัก หมื่นคน นะ
คุณจะขายอะไรก็ขายได้ เขามีวิธีการหาตังแบบคนยุคใหม่
เขาจึงไม่ต้อง ขายเวลาของตัวเอง ไปกับการเข้างานเช้า ออก ตอนเย็น
ดังนั้น บริบทมันต่างกันครับ ถ้าเอาเรื่องความอดทน หรือ ภักดี ต่อองค์กร มาพูด

ผมเคยถาม Gen X กับ Gen Z ว่าถ้าถูกหวย 60 ล้าน จะทำอะไร
Gen X บอกต่อยอดนู่นนี่นั่น โดย ยังทำงานที่เดิม
ผมบอก พี่ลาออกแล้วอยู่บ้านก็สบายแล้ว เขาบอก ไม่เอา คนไม่มีงานทำ "ดูไม่มีค่า"
คนอื่นมองดูแล้ว เรากระจอก โหลยโท่ย

Gen Z น้องที่ถาม เขาบอกว่า จะต้องไปทำอะไร นอนอยู่บ้านเล่นเกม ไปเที่ยวเกาหลี
ถ้าทำอะไรสักอย่าง หาที่ดินสร้างอพาร์ทเม้น ปล่อยเช่า 
หาทำเลดีๆ ให้เซเว่นเช่าที่ เราไม่ต้องทำอะไร ทุกเดือนเงินโอนเข้าบัญชี สบายแล้ว
หรือ ซื้อเหรียญคริปโตเก็บ ผมบอก ถ้าเงินหมดล่ะ น้องบอก หมดก็หมด หมดก็หาใหม่
ผมบอก แล้วเดินไปเดินมา จะไม่ดูไม่มีคุณค่าเหรอ
มันบอก ผมไม่สนใจคนอื่นจะคิดยังไง

และ อีกอย่าง ทำไมคน Gen Z ไม่นิยมทำงานแบบภักดีองค์กร
เขามองว่า การที่เขาทุ่มเทแรง เวลา ทำให้องค์กร ผลตอบแทนคือเงินเดือน แต่ในขณะองค์กรรวยเอา รวยเอา แต่สุดท้ายเขาทุ่มเทแค่ไหน
ต่อให้เขาทำยอดให้บริษัท รวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน เขาก็ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือน หรือ แค่โบนัส เหมือนเดิม
เหมือนเขาทำให้คนอื่นรวย จะต้องอดทนไปทำไม
สุดท้าย เขาขายเวลาตัวเอง ใช้เวลาวัยหนุ่ม-สาวที่แข็งแรงไปกับการทำงาน
เข้าเช้า ออก เย็น กลับบ้านมาดูละคร แล้วก็นอน
พอ 50 60 ร่างกายโรยรา เขาหมดไฟที่จะทำอะไรแล้ว
 
แต่ ถ้าเขาทำอะไรสักอย่างเอง ถ้าเขาเจ๊ง เขาก็เจ๊งเอง
แต่ถ้าสำเร็จ เขาก็รวยเอง เอาเงินไปเที่ยว หาความอิสระให้ชีวิต
อยากทำ อยากเที่ยว ก็ทำเลยตอนหนุ่มตอนสาว  
 
อันนี้ต้องขอบอกครับ ว่าเขารู้ตัวเอง ว่าสิ่งใดใช่ ไม่ใช่ สำหรับเขา
การทำงานหนัก แต่ค่าตอบแทนคือค่าจ้าง เงินเดือน  ขายเวลา ขายสุขภาพตัวเอง
คือ Gen นี้เขา Move On เร็วครับ อะไรไม่ใช่เขาไม่แคร์ เขาพร้อมหาสิ่งใหม่ทำได้
อยู่ๆทำงาน อยู่ๆเกิดสนใจทำ Arttoy เขาอยากเรียนรู้เลยออกไปทำ การทดลองทำ
หรือ ออกไปแค่เรียนรู้ค้นหาตัวเอง
คน Gen Z เป็นแบบนี้ครับ อย่างที่บอกเขามีช่องทางนับร้อยในการหาเงิน
ไม่จำเป็นต้องอดทนต่อสิ่งใดนานๆ ถ้าเขารู้สึกไม่ใช่ และ ไม่ตอบโจทย์
เขาก็จะไปครับ
 

2.ไม่มีมารยาท พูดไม่มีหางเสียง มือไม้แข็ง

ตอบ ผมขอตอบแทน Gen Z นะครับ จากที่คลุกคลีกับเด็กและผู้ใหญ่มามาก เอาจริงคุยกับเด็กง่ายกว่าครับ
ต้องยอมรับอย่างผู้ใหญ่ที่เกิดมาในยุคอนาล็อคนั้น เขาเติบโตมาจากการเป็นผู้น้อย แล้วกลายเป็นผู้ใหญ่
เขาให้ความสำคัญกับการเคารพ และ มารยาทมาก คนมีมารยาท มือไม้อ่อน พูดครับ ค่ะ จะเป็นที่ชื่นชอบ

แต่สำหรับ Gen Y อย่างผม ผมไม่สนใจตรงนั้นเลย เรื่องเล็กน้อยมาก
จะพูดมีหางเสียง จะไหว้ ไม่ไหว้ ตัวผม ผมไม่ถือเป็นสาระสำคัญ
การทำงานกับ Gen Z สำหรับผมง่ายมากครับ แค่ทำตัวให้เขารู้สึกเท่ากันกับเขา ไม่วางอำนาจกับเขา
ผมใช้งานเขาได้ ช่วยงานเขาได้ และ รับฟังเขา นั่นแหละครับ รับฟังปัญหาของเขา
แต่ผู้ใหญ่กว่าผม ไม่ครับ มองว่าเป็นเด็ก ไม่จำเป็นต้องฟัง
คำสั่งลงมาต้องทำ ซึ่ง Gen Z เขาเป็น Gen ที่มีความอิสระ และ ชอบแชร์ ครับ
เขาจะอึดอัด ถ้าเขาไม่ได้พูด แต่สำหรับเรา Gen Y รับมาแล้วทำ ไม่โต้แย้ง เพราะเคยคิดโต้แย้ง แต่มันมีปัญหา
โดยผู้ใหญ่เขาจะมองว่า เราไม่น่ารัก เลยไม่ไปขัดเขาดีกว่า
แต่ Gen Z รับมา เขารู้สึกว่าสิ่งนี้ มันไม่ใช่แบบนี้ เขาแค่อยากจะพูด เขาอยากจะแชร์ครับ
เขาไม่ได้ ปีนเกลียว หรือ ไร้มารยาท เขาแค่ ถาม ไม่ใช่ เถียง
ผู้ใหญ่ ทำไมไม่คิดฟังเขามั่งครับ แค่ฟังเขาพูด เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง

แต่ปัญหาส่วนมากคือ ผู้ใหญ่ไม่เคยรับฟังเด็ก
หรือ ปรับตัวเข้าหาเด็กเลยต่างหากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
"แต่ปัญหาส่วนมากคือ ผู้ใหญ่ไม่เคยรับฟังเด็ก
หรือ ปรับตัวเข้าหาเด็กเลยต่างหากครับ"

แล้วเด็กๆ ไม่คิดจะปรับกันมั่งเลยเหรอครับ

คุณมาทำงานให้องค์กร และถ้าผู้ใหญ่คือผู้มีอำนาจและควบคุมองค์กร คุณจะให้เค้ามาปรับเข้าหาคุณเหรอครับ เค้าคงทำให้อยู่หรอกมั้ง

ถ้าอยากทำแบบนั้น แนะนำให้ไปตั้งบริษัททำกันเองครับ
ความคิดเห็นที่ 1
คน เจน Y น่ะแหล่ะ ที่จ้างคน Gen Z แล้วบ่น

พวก Gen X , Boomer น่ะ เกษียณกันเกือบหมดแล้ว คนที่เจอ เจน Z ตรงๆเลย คือ Gen Y โดยเฉพาะ เจน Y ต้นๆ ที่ต่อจาก Gen X น่ะแหล่ะคุณเอีย

ไปบอกพวกคุณเถอะ พวก บูมเมอร์น่ะเกษียณหมดแล้ว พวก Gen X ก็ เออรี่กันไปเยอะแล้ว

ที่มีปัญหากับ Gen Z มากสุด ก็ Gen Y น่ะแหล่ะ

คน Gen X น่ะเขาสั่งงานคน Gen Y แล้ว พวก Gen Y น่ะแหล่ะ มีปัญหากับพวก Gen Z
ความคิดเห็นที่ 38
ไม่เอาเรื่องใครถูกผิด ผมก็แปลกใจในลักษณะการตั้งคำถาม+แนวคิด ของจขกท.ที่เหมือนจะเอาตัวเองเป็นศูย์กลางอย่างหนึ่ง

1. “Gen เก่าๆไม่คิดจะปรับตัวเหรอ?”
ถามแบบแฟร์ๆ เวลาคุณใช้คำว่าการปรับตัวเรามักใช้กับอะไรครับ? เรามักใข้กับประชาขนส่วนน้อยทีปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมใช่ไหม?
ผมเลยอยากใข้คุณจขกท.ตอบหน่อยว่า “จำนวนผู้ทึ่อยู่ในระบบการทำงานมา 10, 20, 30 ปี กับกลุ่มเจน Z ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ฝั่งไหนคือคนส่วนน้อย?“

คุณจขกท.ว่าคำถามนี้มันตลกๆดีไหมครับ ที่จะถามว่า ”ทำไมคน 80-90% ไม่รู้จักปรับตัวให้สมาชิกใหม่เลยอ่ะ?“

ผมยังไม่บอกว่าใครถูกผิดอะไรนะครับ ผมแค่อยากถามถึงลักษณะคำถามนี้เฉยๆ


2. และในขณะเดียวกัน จขกท.กลับบอกว่า ”Gen Z อะไรทืไม่ใข่เขา ไม่เอาครับ“ เออ ผมเลยงง ตอนแรกคุณบ่นว่าทำไม GenX ไม่ปรับตัว แต่แล้วคุณกลับบอกให่เข้าใจ GenZ เพราะเจนZ ไม่ืทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
… สรุปนิยามคำว่า “ไม่ปรับตัว” ของจขกท.นี่คืออะไรนะครับ?

หรือจขกท.กำลังจะบอกว่านิสัยของ Gen Z ถูกแล้ว จึงไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องปรับ?

ถ้าจขกท.จะคิดอย่างนั้นก็ได้นะครับ บอกแล้วผมไม่ได้จะตัดสินใครถูกผิด แต่ผมแค่อยากถามต่อในข้อ

3. จขกท.คิดว่า เจนถัดไปอีก 3-4 เจนหลังจขกท.เขาจะคิดเหมือนจขกท.ทุกอย่างไหมครับ?
แล้วในวันนั้น Gen Z ที่“ไม่ใช่ฉันฉันไม่เอา” กับเจนถัดไป จะเกิดอะไรขึ้นครับ???


อยากให้จขกท ลองตอบ 3 ข้อนี้ดูครับ


….

ปล. จริงๆผมจะบอกให้นะ มันไม่เกี่ยวกับเจนหรอก มันเกี่ยวกับแค่ภาระและวัยทีไม่เท่ากัน ไอ้ตอนคนเจน X มันเพิ่งจบมันก็ย้ายงานเหมือนกันนั่นแหละ แค่ตอนโตมามันมีลูกแถมเงินเดือนสูงมันเลยย้ายยาก
เอาไว้วันเจน z อายุ45 เงินเดือนสองแสน แต่ค่าใช้จ่ายฟิกเดือนแสนห้า ผมจะรอดูว่าคนเจน z คนนั้นไม่พอใจบริษัทก็บาออกเลยแบบไม่สนว่าจะมีเงินเดือนหน้าไหมดูนะครับ
ความคิดเห็นที่ 8
เพ้ออะไร

ทุกยุค ทุกสมัย

มีคนขี้เกียจ มีคนขยัน มีคนฉลาด คนเก่งปะปนกันไป
ความคิดเห็นที่ 6
เราเจน x เราก็ว่าเจน z เป็นแบบที่เขาบอกจริงๆ เคยเจอแบบ มาถึงมั่นใจตัวเองมาก บอกจะทำโน่นทำนี่ มาเป็นฉากๆ พูดไรไม่ฟัง ชอบเอาแต่พี่ฟังผมๆ แต่พอทำจริงฝีมือไม่ถึง พอพลาดมางอแง พี่ช่วยผมหน่อย คือความมั่นเมิงตอนแรกไปไหนหมดแล้ววะ  เจองี้บ่อยๆมันก็น่าเบื่อไหมล่ะ

เวลาทำไรก็โลกตัวเองเป็นศูนย์กลาง จะทำงานด้วยกันต้องเข้าใจผม เออ รู้โว้ย แต่ตัวเองคิดจะเข้าใจคนอื่นเขาบ้างไหมล่ะ ทำงานเป็นทีม แต่ทำไรมองแต่ตนเอง แบบนี้สิดี แบบนี้ไม่เอา อันนี้ก็ไม่ ๆๆๆๆ คือไม่เคยมองกว้างๆ ผลกระทบแบบหลายๆแกน พอผิดพลาดบอก ที่นี่ไม่เหมาะกับผม แล้วย้ายที่ทำงานเลย เออ ไปเถอะ บาย เจองี้บ่อยๆก็ไม่อยากจะรับแล้ว

กลับกัน เจน y ที่ประนีประนอมมากกว่า เน้นมองภาพรวม ทำให้งานมันเดินไปข้างหน้าได้ คนแบบนี้สิที่ทำงานต้องการมากกว่า

แต่เจน z ดีๆก็มี พออธิบายผลกระทบ+วิธีคิดก็เข้าใจแล้วยอมรับ ยอมปรับวิธีทำงานแบบเปิดรับมากขึ้น ทุกวันนี้ปั้นเสร็จดันไปเติบโตบริษัทอื่นเลย เพราะเงินและโอกาสดีกว่ามาก (ซึ่งก็ไปได้ดีกว่ารุ่นตัวเองในที่ใหม่กันทั้งนั้น) น้องๆก็โทรมาขอบคุณเวลาที่ขึ้นตำแหน่งไว บอกถ้าพี่ไม่สอนวิธีคิดวันนั้น ผม/หนูคงไม่มาถึงตรงจุดนี้ ไอ่เราก็ดีใจแทนน้องมันอะนะ ก็บอกว่าอยู่ที่ตัวเองที่กล้าเปิดใจรับฟังต่างหาก (เจนนี้มันก็กล้าขอบคุณเหมือนกันแฮะ อันนี้สิที่ต่างจากเจนอื่นชัดเจน) อย่างน้อยเป็นเจนที่มีศักยภาพแล้ว ถ้าจะปรับทัศนคติมองภาพรวมเป็นอีกนิด รุ้จักถอยเป็น ยอมเสียเปรียบเพื่อให้ก้าวต่อไปกระโดดได้ไกลกว่า แบบนี้ไปไกลกว่าพี่แน่นอน

แต่ก็นั่นแหละ เจอมาหลายคน เรื่องเยอะก็ปล่อย ถ้าจะมั่นก็เรื่องของเมิงเหอะ ก็ให้มันอยู่แบบมั่นๆของมันไปน่ะแหล่ะ ทำไรไว้ผลมันก็ได้แบบนั่นเองอะนะ ไม่สนใจเหมือนกันค่ะ

นี่ก็เข้ามาบ่นเหมือนกัน เหอ เหอ เหอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่