ณ เวลานี้ เขาก็รวมตัวกันตั้งรัฐบาลกันไปแล้วถึงสองครั้ง
ณ เวลานี้ ที่รัฐบาล “ข้ามขั้ว” กำเนิดมาปีเศษแล้ว
จึงมิใช่แค่ถามว่า “ทำไมต้องข้ามขั้ว” แต่ต้องเพิ่มเติมว่า “ข้ามขั้วแล้วได้อะไร”
เมื่อตัดสินใจตั้งรัฐบาลแบบนี้แล้ว ได้ทำเรื่องเหล่านี้บ้างหรือยัง
ได้ลองผลักดัน พยายามทำเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่
ได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถบ้างหรือไม่
หรือไม่ทำ ไม่คิดทำ จงใจลืมที่จะทำ ทำแบบกล้าๆกลัวๆ ลักปิดลักเปิด ทำแล้วถอยเพราะกลัว
นิรโทษกรรม (วันนี้ แม้กระทั่งแค่รายงาน กมธ ก็ถอยอีกแล้ว)
แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา (ถอยแล้ว)
แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ (โยนให้ สว และประชามติ ไม่ทันมีรัฐธรรมนูญใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า)
ผลักดันใช้ระเบียบราชทัณฑ์ นำนักโทษคดี 112 และคดีการเมืองมาคุมขังนอกเรือนจำ (ไม่เคยทำเลย)
ยกเลิกเกณฑ์ทหารภาคบังคับ (เงียบ)
ฯลฯ
สุดท้าย ที่ไปตั้งรัฐบาลกันแบบนี้ จึงมิใช่ แค่ปัญหา “ข้ามขั้ว”
จึงมิใช่เสียสละกลืนเลือด เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า
แต่ “ข้ามขั้ว” แต่ “กลืนเลือด" (ที่รสชาติหวานละมุน)
เพื่อให้ตนเองได้เป็นรัฐบาล โดยยอมรับทุกเงื่อนไข
ภายใต้ “แอก” และการขี่คอของพรรคร่วมรัฐบาล ส.ว. องค์กรอิสระ และชนชั้นนำ
สุดท้าย 4 ปี จะไม่ได้อะไรเลย
นอกจาก การได้เป็นรัฐบาล แบ่งเค้กกระทรวง
พาคุณทักษิณกลับประเทศไทย (และกำลังหาทางพายิ่งลักษณ์กลับ - จขกท.เสริม)
และปกป้องมิให้นายกรัฐมนตรีโดนภัยจากคดีความ จนรัฐบาลไม่กล้าคิดทำอะไรเลย
สุดท้าย ที่อ้างกันว่า
“เข้าไปมีอำนาจก่อนเพื่อค่อยๆเปลี่ยน”
“ทำให้พวกเขาไว้ใจก่อน ถ้านิ่งเมื่อไร เดี๋ยวทำแน่”
“พี่เจ็บมาก่อน พี่รู้ดี”
ก็จะกลายเป็นเพียงข้ออ้าง โฆษณาชวนเชื่อ (หลอก ค.แดงได้ผลซะด้วย - จขกท.เสริม)
นี่ไม่ใช่ การ “เสียสละ” ยอมโดนด่า เข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
แบบที่ปัญญาชนของพรรคเพื่อไทยอ้างกัน
แต่เป็นการ “เต็มใจ” สนธิกำลังสร้างพลังสกัดการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
ปิยบุตร แสงกนกกุล
.
ดูสิ จะมีกองเชียร์เพื่อไทยสักคนไหมที่แย้งความจริงนี้ได้
อยากฟังคำแย้งจากกองเชียร์พรรคเพื่อไทย
ณ เวลานี้ ที่รัฐบาล “ข้ามขั้ว” กำเนิดมาปีเศษแล้ว
จึงมิใช่แค่ถามว่า “ทำไมต้องข้ามขั้ว” แต่ต้องเพิ่มเติมว่า “ข้ามขั้วแล้วได้อะไร”
เมื่อตัดสินใจตั้งรัฐบาลแบบนี้แล้ว ได้ทำเรื่องเหล่านี้บ้างหรือยัง
ได้ลองผลักดัน พยายามทำเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่
ได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถบ้างหรือไม่
หรือไม่ทำ ไม่คิดทำ จงใจลืมที่จะทำ ทำแบบกล้าๆกลัวๆ ลักปิดลักเปิด ทำแล้วถอยเพราะกลัว
นิรโทษกรรม (วันนี้ แม้กระทั่งแค่รายงาน กมธ ก็ถอยอีกแล้ว)
แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา (ถอยแล้ว)
แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ (โยนให้ สว และประชามติ ไม่ทันมีรัฐธรรมนูญใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า)
ผลักดันใช้ระเบียบราชทัณฑ์ นำนักโทษคดี 112 และคดีการเมืองมาคุมขังนอกเรือนจำ (ไม่เคยทำเลย)
ยกเลิกเกณฑ์ทหารภาคบังคับ (เงียบ)
ฯลฯ
สุดท้าย ที่ไปตั้งรัฐบาลกันแบบนี้ จึงมิใช่ แค่ปัญหา “ข้ามขั้ว”
จึงมิใช่เสียสละกลืนเลือด เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า
แต่ “ข้ามขั้ว” แต่ “กลืนเลือด" (ที่รสชาติหวานละมุน)
เพื่อให้ตนเองได้เป็นรัฐบาล โดยยอมรับทุกเงื่อนไข
ภายใต้ “แอก” และการขี่คอของพรรคร่วมรัฐบาล ส.ว. องค์กรอิสระ และชนชั้นนำ
สุดท้าย 4 ปี จะไม่ได้อะไรเลย
นอกจาก การได้เป็นรัฐบาล แบ่งเค้กกระทรวง
พาคุณทักษิณกลับประเทศไทย (และกำลังหาทางพายิ่งลักษณ์กลับ - จขกท.เสริม)
และปกป้องมิให้นายกรัฐมนตรีโดนภัยจากคดีความ จนรัฐบาลไม่กล้าคิดทำอะไรเลย
สุดท้าย ที่อ้างกันว่า
“เข้าไปมีอำนาจก่อนเพื่อค่อยๆเปลี่ยน”
“ทำให้พวกเขาไว้ใจก่อน ถ้านิ่งเมื่อไร เดี๋ยวทำแน่”
“พี่เจ็บมาก่อน พี่รู้ดี”
ก็จะกลายเป็นเพียงข้ออ้าง โฆษณาชวนเชื่อ (หลอก ค.แดงได้ผลซะด้วย - จขกท.เสริม)
นี่ไม่ใช่ การ “เสียสละ” ยอมโดนด่า เข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
แบบที่ปัญญาชนของพรรคเพื่อไทยอ้างกัน
แต่เป็นการ “เต็มใจ” สนธิกำลังสร้างพลังสกัดการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย
โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
ปิยบุตร แสงกนกกุล