ทักทายกันอีกรอบ วันนี้ตั้งใจจะมาเขียนหัวข้อเกี่ยวกับการเตรียมสอบภาษาเยอรมันบ้างค่ะ
เปิด Self-Enhancement Session ด้วยภาษาเยอรมันก่อนเลยยยยยยย ฮา
ในวันนี้ที่เขียนกระทู้ ตัวเราเองสอบผ่าน Telc B2 เรียบร้อยแล้วนะคะ กว่าจะถึงวันนี้ บอกเลยค่ะหืดขึ้นคอ
แต่ยังไงจะขอมาบอกเล่าประสบการณ์กันเตรียมตัวทั้งหมดนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนค่ะ
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่าตัวเรามาเยอรมันปี 2022 สอบผ่าน B2 ปี 2024 ก่อนหน้านี้ผ่าน Goethe B1 เรียบร้อยแล้วนะคะ จากที่ไทยตั้งแต่ปี 2017
ต้องบอกก่อนว่าเมื่อย้อนกลับไป เป็นช่วงนี้ตัวเองกำลังเรียนปริญญาตรีอีกใบที่ราม ทำงานไปด้วย แล้วก็เตรียมตัวมาต่อโทค่ะ เลยเป็นช่วงที่กำลังนัวสุดชีวิต คือไม่ได้ตั้งใจอย่างเต็มที่กับการเตรียมตัวเรียนรวมถึงสอบภาษา (ตอนนั้นแค่คิดไว้ว่ามีไว้เพื่อทำวีซ่า คือไปอ่าน Requirement การทำวีซ่ามา เลยคิดเอาเองค่ะว่าถ้าได้ภาษาเยอรมันอาจจะง่ายขึ้นแค่นั้น) จำได้ว่าพอสอบ B1 เสร็จ เรานี่ปักธงไว้ในใจเรียบร้อยว่าต้องผ่าน B2 แต่ตอนนั้นหลักความเป็นจริงคือพอสอบ B1 เสร็จ มีสอบจบปริญญาตรีอีกใบ แล้วก็สอบภาษาอังกฤษต่ออีกยาวเหยียด เลยทำให้กินเวลานานขนาดนั้นค่ะ แต่ใดใดตัวเรามีการเรียนภาษาเยอรมันมาตลอดนะคะ เรื่อยๆเลย แต่เพิ่งมาตั้งใจเรียนภาษาเยอรมันจริงจังแบบเพื่อสอบให้ผ่านและใช้ทำงานได้ก็คือตั้งแต่ช่วง June 2023 ซึ่งเป็นช่วงเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโทพอดีค่ะ เริ่มมีเวลาว่างบ้าง แล้วก็เรียนมาต่อเนื่อง
แม้ว่าเราจะสอบผ่าน B1 แต่พอมาถึงเยอรมันจริงๆ มันไม่มีความหมายอะไรเลยค่ะ เหมือนมาเรียนเอาใหม่อีกรอบที่นี่
ตอนนั้นเราแบบเริ่มจากการลงคอร์สติวสอบ B2 (เราเรียนที่ VHS) แล้วค้นพบว่า จริงๆแล้วภาษาเรายังไม่แข็งเท่าไหร่ หลังจากนั้นเลยลงคอร์สธรรมดา B2.2 กับ คอร์สเน้นไวทยากรณ์กับการเขียน B2 มาอย่างต่อเนื่อง กับที่ VHS นะคะ จนสุดท้ายกว่าเราจะสอบผ่านจริงก็คือเมื่อประมาณ June 2024 สิริรวมก็คือเกือบ 1 ปีค่ะ บอกเลยว่าเป็นช่วงวัดใจมาก เพราะบังคับตัวเองทำการบ้าน เข้าห้องเรียนสุดชีวิต แต่ความโชคดีของเราจริงๆคือเราเจอครูที่ดีทุกคนเลยค่ะ ที่ VHS
เอาล่ะ หลังจากเกริ่นมานาน เข้าเรื่องกันได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นขอเริ่มจากรูปแบบการสอบ Telc B2 ก่อน
โดยหลักๆจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท คือ
1.พาร์ทการเขียน (ฟัง อ่าน เขียน )
2.พาร์ทการพูด ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 อย่าง ก็คือ
2.1. พรีเซนต์ อันนี้เรานำเสนองานเดี่ยวนะคะ แต่เตรียมตัวได้ หัวข้อโดยทั่วไปก็จะแบบเป็นให้เล่าเรื่องการท่องเที่ยว หนังสือเล่มโปรด หนังเรื่องโปรด etc
2.2 ให้ discuss กับพาร์ทเนอร์แบบสุ่ม
2.3 ให้วางแพลนกับพาร์ทเนอร์แบบสุ่ม
*ซึ่งเบอร์ 2.2 กับ 2.3 คือคนเดียวกันนะคะ
ส่วนตัวเรา เราคิดว่าพาร์ทการเขียนเป็นพาร์ทที่ง่ายกว่า เพราะทุกอย่างมันขึ้นกับตัวเราค่ะ ส่วนการพูดจะมีการอาศัยดวงนิดนึง เพราะpartnerมีผลมากๆ
ต้องบอกก่อนว่าเราสอบเขียนครั้งเดียวผ่านนะคะ ส่วนการพูดเราสอบ 2 ครั้ง (และผ่านรอบที่ 2 จริงๆสอบ 3 ครั้งด้วยค่ะ รอบที่ 2 คือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เดี่ยวมาเล่าให้ฟัง)
แอบแปะ Overview ข้อสอบให้ดูก่อนค่ะ (สอบปี 2024)
อ้างอิง
https://www.sprachzertifikate-duesseldorf.de/_downloads/certificates/telc/pdf/telc-deutsch-b2-uebungstest.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ
https://www.telc.net/sprachpruefungen/zertifikatspruefung/deutsch/telc-deutsch-b2/
ต่อจากนี้จะเล่าเจาะทีละพาร์ทนะคะ
พาร์ทการเขียน
1.พาร์ทการเขียน (ฟัง อ่าน เขียน )
-พาร์ทการฟัง
บอกได้เลยว่าเป็นพาร์ทเราไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ แต่ว่า pratice makes perfect อันนี้เราเริ่มฝึกตั้งแต่ December 2023 ฝึกทุกวันค่ะ บังคับตัวเองให้ทำข้อสอบวันละตอน หาจาก Youtube ทั่วไป เราฝึกไปเรื่อยๆจนถึงตอนสอบช่วง March 2024 นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยเพิ่มเติม Easy German หรือแม้กระทั่ง DW
หลักการของเราเวลาฟัง ถ้าเจอศัพท์ที่ไม่เข้าใจ จดไว้แล้วออกมาหาค่ะ
บอกเลยว่าช่วยได้เยอะ ความยากของพาร์ทนี้คือเนื้อหาครอบจักรวาลมาก แต่อย่างที่บอกไปค่ะ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องช่วยได้จริงๆค่ะ
-พาร์ทการอ่าน
พาร์ทนี้ก็เป็นอีกพาร์ทที่ครอบจักรวาล และปัญหาของเราคืออ่านช้า แต่ทุกๆอย่างแก้ได้ด้วยการฝึกฝน เราทำวิธีคล้ายกับการฟังคือฝึกอ่านจับเวลาค่ะ นอกจากนี้ถ้าไม่เข้าใจศัพท์ตรงไหนก็คือจดออกมา อันนี้เราจดออกมาแล้วก็จำบริบทที่เขาใช้มาด้วยค่ะทีเดียว
-พาร์ทการเขียน
พาร์ทนี้เรายอมรับตรงๆค่ะ ว่าเรามีการจำแพทเทิลบางส่วนและศัพท์บางตัวจากบ้านไปเลย คือยังไงข้อสอบก็ออกแบบเดิมอยู่แล้ว คอมเพลนหรือไม่ก็ขอข้อมูลเพิ่มเติม วิธีการเขียนก็จะเดิมๆ เช่น รู้สึกผิดหวัง ต้องการขอเงินคืน ถ้าไม่ได้เงินคืนเราจะเขียนรีวิวแย่ให้ ส่วนตัวเราเรามีการตั้งธงในใจไว้เลยค่ะ ว่าเราจะเขียนอะไร ช่วยได้เยอะ
ตัวนี้ถ้าแนะนำเพิ่มเติมจริงๆ เราว่าต้องหาคนตรวจค่ะ ส่วนตัวเรามีการลงเรียนคอร์สภาษาเยอรมันอยู่แล้ว เราก็จะรบกวนครูตรวจให้ หรือถ้าในกรณีที่ง่ายๆ จะบอกว่า Chat GPT ก็พอช่วยได้นะคะ ในขั้นพื้นฐาน แต่ถ้าระดับสูงขึ้นยังไงก็ต้องให้คนตรวจค่ะ แม่นยำกว่า
2.พาร์ทการพูด
พาร์ทนี้เรามีใช้แอพเรียนภาษาค่ะ ตัวที่เราใช้คือ Tandem บอกก่อนว่าการใช้แอพเนี่ย มีทั้ง ข้อดีและข้อเสียนะคะ ตอนแรกเราคุยแบบ 5-6 คน ตอนนี้เหลือคนมีคุณภาพแค่คนเดียวค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า เราทำการเคลียก่อนนะคะ ว่าเราจะเรียนภาษา ดังนั้นจะไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน แล้วความโชคดีของเราคือเราเจอคนดีมากๆ คนที่แบบพร้อมจะตอบ พร้อมจะแก้ข้อผิดพลาดให้เรา สรุปคือออกไปเจอแต่ละทีก็คือมีการคุยแบบ 4-5 ชั่วโมงต่อเนื่อง จนเราเตรียมสมุดไปจดได้เลยค่ะ ขนาดนั้นเลย
อีก 1 ความโชคดีของเราคือ minijob ที่เราทำ เราใช้ภาษาเยอรมัน 100 % และคนที่อ่อนที่สุดต้องได้ C1 ซึ่งตรงนี้ตัวเราก็งงเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมเขาถึงเลือกเรา เพราะตอนแรกที่เข้าไปทำงาน January 2024 เราฟังแทบไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ แต่ใจสู้มาก จนหลังๆพยายามแล้วนิสัยที่เคยทำกลับมาค่ะ นั่นก็คือ มีอะไรถามเลย สงสัยตรงไหน ถาม native speaker อันนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งโชคดีของเราอีกอย่าง ที่เพื่อนร่วมงานดีกับเรามาก ตั้งใจสอน เราก็เลยมั่นใจการพูดมากขึ้นค่ะ หลังๆมาก็คือฟังเข้าใจมากขึ้น ช่วงแรกๆเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ค่ะ ไม่ได้หยิ่งหรืออะไรนะ พูดไม่รู้เรื่องค่ะ บอกตรงๆ 55555
ตัวช่วยเพิ่มเติม เรามีการเปลี่ยนภาษาเกมส์ที่เราเล่นเป็นประจำเป็นภาษาเยอรมันด้วยนะคะ เพื่อสร้างความเคยชิน ตอนแรกที่เล่น งงๆ ตอนนี้ชินละค่ะ
ท้ายที่สุด เหลาเพิ่มเติม
- การสอบ Telc B2 จริงๆมีหลายที่ที่เปิดสอบนะคะ จริงๆคือ VHS ก็มีแต่เราสอบข้างนอกค่ะ สิ่งที่ต่างกันคือราคานะคะ (ต่างกันเล็กน้อย) และวันที่สอบ และแน่นอนว่าถ้าวันสอบชนเสาร์ จะเต็มไวหน่อยค่ะ ปกติคนเลยนิยมสอบวันธรรมดากัน โดยปกติการสอบเขียนจะเริ่ม 10.00 ส่วนการสอบพูดจะเริ่มประมาณ 13.30 -14.00 โดยจากประสบการณ์ของเรา ถ้าสอบแค่พูด มารายงานตัวแค่ช่วงบ่ายได้เลย ไม่ต้องรอตั้งแต่เช้าค่ะ อีกทั้งการสอบพูด เป็นการสุ่มจากตัวอักษรนามสกุลค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นอันนี้เป็นแค่ประสบการณ์ในสนามสอบของเราเท่านั้นนะคะ ที่อื่นอาจจะไม่เหมือนกัน
- สำคัญมาก**** สำหรับสอบของคนที่จะสอบแค่พาร์ทเดียว เราต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เก็บคะแนนส่วนที่ผ่านค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสอบพาร์ทเขียนและพาร์ทพูด เราผ่านแค่การเขียน พอเราสมัครรอบต่อไป เราสมัครแค่การพูดก็พอค่ะ ไม่ต้องสอบทั้งหมด โดยที่ต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ ว่าเราขอใช้คะแนนส่วนพาร์ทเขียนที่สอบผ่านแล้วมารวมด้วย เพราะในวันที่เราสอบ เราต้องนำผลสอบรอบที่ผ่านไปให้เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารเก็บไว้ ตัวนี้เราพลาดมาแล้วค่ะ เพราะเราไม่ได้บอกเจ้าหน้าที่อีกทั้งในสนามสอบของเรา สอบทั้งเขียนกับพูด หรือว่าส่วนเดียวราคาเท่ากัน เรางก เราเลยแบบสอบทั้งหมดค่ะ แต่สุดท้ายคะแนนรวมไม่ได้ สุดท้ายทำให้ต้องเสียเงินสอบอีกรอบนึง ดังนั้นอันนี้ระวังนะคะ ไม่อยากให้ใครพลาด
- พาร์ทเสี่ยงดวงมากคือพาร์ทพูด เพราะว่าทุกอย่างคือการสุ่ม เราโชคไม่ค่อยดีค่ะ รอบแรกเจอ partner ที่สำเนียงฟังยากมาก แล้วพูดออกนอกเรื่อง ตอนนั้นการพูดเรายังถูๆไถๆ เลยทำให้ตบกลับเข้าที่ยังไม่ดีค่ะ สุดท้ายขาดไปคะแนนนึงผ่าน เจ็บใจมาก สุดท้ายรอบสอง เราเจอ partner ที่ดีมาก ทำให้ซัพพอร์ตซึ่งกันและกันได้ดีค่ะ อันนี้คือสวดมนต์เยอะๆเลยค่ะ
- สมัครสอบได้อย่างช้าสุดคือก่อนสอบ 1 เดือน ผลสอบรอ 3-4 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นของเราออกตอน 4-5 สัปดาห์ค่ะ มีรอบนึงชนวันหยุดยาว โดยที่เจ้าหน้าที่จะส่งอีเมลมาบอกค่ะ ส่วนการรับผล รับเอง หรือว่า ให้สถาบันส่งมาก็ได้ค่ะ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- ในกรณีที่สอบผ่านบางส่วน วันประกาศผลจะได้มาแค่ใบแจ้งผลสอบค่ะ ถ้าสอบผ่านถึงได้เป็น Zertifikat มา
- พาร์ทไหนเตรียมได้แนะนำให้เตรียมไปก่อนค่ะ เช่นการพูดพาร์ทแรกพรีเซนต์กับการเขียน ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ
- อันนี้เราฟังเขามานะคะ ครูหลายท่านแนะนำให้พรีเซนต์เรื่องการท่องเที่ยวค่ะ เพราะง่ายสุด เนื่องจากถ้าเราจำเรื่องราวไม่ได้ เราสามารถสร้างเรื่องได้ค่ะ ถ้าเป็นหนังสือหรือหนังที่ชอบ อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่คู่สนทนาเราอาจจะเคยดู แล้วบางครั้งอาจจะถามคำถามยากค่ะ รวมถึงหัวข้อบุคคลสำคัญ บางคนเลือกพูดอะไรที่ซาบซึ้งเกิน ร้องไห้ในห้องสอบก็มีค่ะ สมาธิหลุดเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ความถนัดนะคะ
- สุดท้าย เราเรียนภาษาเยอรมันที่ VHS นะคะ เรียนทั้งคอร์สธรรมดา คอร์สเตรียมสอบ และ คอร์สเฉพาะ เช่นเน้นการเขียน เน้นไวทยากรณ์ เราขอบอกเลยว่า สำหรับเรานะ เราประทับใจทุกคอร์ส เราโชคดีที่เจอครูดีทุกคอร์สเลยค่ะ ตั้งใจสอนมาก อีกทั้งครูบางคนเป็นครูสอนหลายๆสถาบันด้วยนะคะ อีกทั้งบางท่านเป็นกรรมการการสอบ Telc บอกเลยว่าได้คุณภาพและชั่วโมงบินสูงมากกกกก แต่ละท่าน และราคาค่าเรียนก็คุ้ม เพื่อนที่เรียนก็โอเค เก่งทุกคน ซัพพอร์ตกันได้ดีค่ะ อีกทั้งเราพยายามไปเรียนทุกครั้ง ทำการบ้านส่งทุกรอบค่ะ รู้สึกว่าไปไวมากๆ
แอบแปะ อันนี้กรณีสอบผ่านบางส่วน จะได้ใบผลสอบแบบนี้มาค่ะ
ถ้าสอบผ่านแล้วจะได้ใบหน้าตาประมาณนี้
ตอนได้จับจริงนี่หายเหนื่อยเลยนะคะ สมกับความพยายาม
หมายเหตุ วันสอบของเราเป็น Aug 2024 เพราะเราลืมบอกให้เจ้าหน้าที่รวมคะแนนค่ะ เลยทำให้ต้องสอบใหม่ จริงๆคือผ่านตั้งแต่ June 2024
สุดท้ายนี้รอบนี้เราใช้เวลาเตรียมตัวสอบแบบจริงจังทั้งหมดประมาณ 6 เดือนค่ะ ก่อนหน้านี้ตามที่บอกนะคะ เรามีการเรียนมาเรื่อยๆ แต่ว่าเพิ่งมาจริงจัง โดยสอบการเขียนผ่านตั้งแต่ครั้งแรกเลย อันนี้ งง เพราะถ้าใครตามอ่านกระทู้จะเห็นว่าเราซัดภาษาอังกฤษ IELTS ไป 9 ค่ะ
ท้ายสุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังเตรียมสอบ ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ขอให้โชคดีนะคะ
ส่วนเราขอตัวไปสู้กับภาษาต่อค่ะ เอาจริง ตัวเราไม่เคยคาดหวังกับภาษาเยอรมันเลยค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้
ใดใด เมื่อมีโอกาสแล้ว เราก็จะตั้งใจต่อค่ะ
อ้อ แล้วก็สำหรับเกณฑ์คะแนนที่ผ่าน
ทั้งสอบพูดและเขียนต้องได้ขั้นต่ำพาร์ทละ 60% คือการเขียนต้องได้ขั้นต่ำ 135 คะแนน พาร์ทพูด 45 ค่ะ
มีอะไรมาคุยกันได้ ถามกันได้ เช่นเคยนะคะ
[Self-Enhancement Session] แชร์ประสบการณ์และเคล็ดลับการเตรียมสอบภาษาเยอรมันที่เยอรมัน 🇩🇪 เราสอบผ่าน Telc B2 แล้ววววววว
เปิด Self-Enhancement Session ด้วยภาษาเยอรมันก่อนเลยยยยยยย ฮา
ในวันนี้ที่เขียนกระทู้ ตัวเราเองสอบผ่าน Telc B2 เรียบร้อยแล้วนะคะ กว่าจะถึงวันนี้ บอกเลยค่ะหืดขึ้นคอ
แต่ยังไงจะขอมาบอกเล่าประสบการณ์กันเตรียมตัวทั้งหมดนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนค่ะ
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกก่อนว่าตัวเรามาเยอรมันปี 2022 สอบผ่าน B2 ปี 2024 ก่อนหน้านี้ผ่าน Goethe B1 เรียบร้อยแล้วนะคะ จากที่ไทยตั้งแต่ปี 2017
ต้องบอกก่อนว่าเมื่อย้อนกลับไป เป็นช่วงนี้ตัวเองกำลังเรียนปริญญาตรีอีกใบที่ราม ทำงานไปด้วย แล้วก็เตรียมตัวมาต่อโทค่ะ เลยเป็นช่วงที่กำลังนัวสุดชีวิต คือไม่ได้ตั้งใจอย่างเต็มที่กับการเตรียมตัวเรียนรวมถึงสอบภาษา (ตอนนั้นแค่คิดไว้ว่ามีไว้เพื่อทำวีซ่า คือไปอ่าน Requirement การทำวีซ่ามา เลยคิดเอาเองค่ะว่าถ้าได้ภาษาเยอรมันอาจจะง่ายขึ้นแค่นั้น) จำได้ว่าพอสอบ B1 เสร็จ เรานี่ปักธงไว้ในใจเรียบร้อยว่าต้องผ่าน B2 แต่ตอนนั้นหลักความเป็นจริงคือพอสอบ B1 เสร็จ มีสอบจบปริญญาตรีอีกใบ แล้วก็สอบภาษาอังกฤษต่ออีกยาวเหยียด เลยทำให้กินเวลานานขนาดนั้นค่ะ แต่ใดใดตัวเรามีการเรียนภาษาเยอรมันมาตลอดนะคะ เรื่อยๆเลย แต่เพิ่งมาตั้งใจเรียนภาษาเยอรมันจริงจังแบบเพื่อสอบให้ผ่านและใช้ทำงานได้ก็คือตั้งแต่ช่วง June 2023 ซึ่งเป็นช่วงเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโทพอดีค่ะ เริ่มมีเวลาว่างบ้าง แล้วก็เรียนมาต่อเนื่อง
แม้ว่าเราจะสอบผ่าน B1 แต่พอมาถึงเยอรมันจริงๆ มันไม่มีความหมายอะไรเลยค่ะ เหมือนมาเรียนเอาใหม่อีกรอบที่นี่
ตอนนั้นเราแบบเริ่มจากการลงคอร์สติวสอบ B2 (เราเรียนที่ VHS) แล้วค้นพบว่า จริงๆแล้วภาษาเรายังไม่แข็งเท่าไหร่ หลังจากนั้นเลยลงคอร์สธรรมดา B2.2 กับ คอร์สเน้นไวทยากรณ์กับการเขียน B2 มาอย่างต่อเนื่อง กับที่ VHS นะคะ จนสุดท้ายกว่าเราจะสอบผ่านจริงก็คือเมื่อประมาณ June 2024 สิริรวมก็คือเกือบ 1 ปีค่ะ บอกเลยว่าเป็นช่วงวัดใจมาก เพราะบังคับตัวเองทำการบ้าน เข้าห้องเรียนสุดชีวิต แต่ความโชคดีของเราจริงๆคือเราเจอครูที่ดีทุกคนเลยค่ะ ที่ VHS
เอาล่ะ หลังจากเกริ่นมานาน เข้าเรื่องกันได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นขอเริ่มจากรูปแบบการสอบ Telc B2 ก่อน
โดยหลักๆจะแบ่งเป็น 2 พาร์ท คือ
1.พาร์ทการเขียน (ฟัง อ่าน เขียน )
2.พาร์ทการพูด ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 อย่าง ก็คือ
2.1. พรีเซนต์ อันนี้เรานำเสนองานเดี่ยวนะคะ แต่เตรียมตัวได้ หัวข้อโดยทั่วไปก็จะแบบเป็นให้เล่าเรื่องการท่องเที่ยว หนังสือเล่มโปรด หนังเรื่องโปรด etc
2.2 ให้ discuss กับพาร์ทเนอร์แบบสุ่ม
2.3 ให้วางแพลนกับพาร์ทเนอร์แบบสุ่ม
*ซึ่งเบอร์ 2.2 กับ 2.3 คือคนเดียวกันนะคะ
ส่วนตัวเรา เราคิดว่าพาร์ทการเขียนเป็นพาร์ทที่ง่ายกว่า เพราะทุกอย่างมันขึ้นกับตัวเราค่ะ ส่วนการพูดจะมีการอาศัยดวงนิดนึง เพราะpartnerมีผลมากๆ
ต้องบอกก่อนว่าเราสอบเขียนครั้งเดียวผ่านนะคะ ส่วนการพูดเราสอบ 2 ครั้ง (และผ่านรอบที่ 2 จริงๆสอบ 3 ครั้งด้วยค่ะ รอบที่ 2 คือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เดี่ยวมาเล่าให้ฟัง)
แอบแปะ Overview ข้อสอบให้ดูก่อนค่ะ (สอบปี 2024)
อ้างอิง https://www.sprachzertifikate-duesseldorf.de/_downloads/certificates/telc/pdf/telc-deutsch-b2-uebungstest.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ https://www.telc.net/sprachpruefungen/zertifikatspruefung/deutsch/telc-deutsch-b2/
ต่อจากนี้จะเล่าเจาะทีละพาร์ทนะคะ
พาร์ทการเขียน
1.พาร์ทการเขียน (ฟัง อ่าน เขียน )
-พาร์ทการฟัง
บอกได้เลยว่าเป็นพาร์ทเราไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ แต่ว่า pratice makes perfect อันนี้เราเริ่มฝึกตั้งแต่ December 2023 ฝึกทุกวันค่ะ บังคับตัวเองให้ทำข้อสอบวันละตอน หาจาก Youtube ทั่วไป เราฝึกไปเรื่อยๆจนถึงตอนสอบช่วง March 2024 นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยเพิ่มเติม Easy German หรือแม้กระทั่ง DW
หลักการของเราเวลาฟัง ถ้าเจอศัพท์ที่ไม่เข้าใจ จดไว้แล้วออกมาหาค่ะ
บอกเลยว่าช่วยได้เยอะ ความยากของพาร์ทนี้คือเนื้อหาครอบจักรวาลมาก แต่อย่างที่บอกไปค่ะ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องช่วยได้จริงๆค่ะ
-พาร์ทการอ่าน
พาร์ทนี้ก็เป็นอีกพาร์ทที่ครอบจักรวาล และปัญหาของเราคืออ่านช้า แต่ทุกๆอย่างแก้ได้ด้วยการฝึกฝน เราทำวิธีคล้ายกับการฟังคือฝึกอ่านจับเวลาค่ะ นอกจากนี้ถ้าไม่เข้าใจศัพท์ตรงไหนก็คือจดออกมา อันนี้เราจดออกมาแล้วก็จำบริบทที่เขาใช้มาด้วยค่ะทีเดียว
-พาร์ทการเขียน
พาร์ทนี้เรายอมรับตรงๆค่ะ ว่าเรามีการจำแพทเทิลบางส่วนและศัพท์บางตัวจากบ้านไปเลย คือยังไงข้อสอบก็ออกแบบเดิมอยู่แล้ว คอมเพลนหรือไม่ก็ขอข้อมูลเพิ่มเติม วิธีการเขียนก็จะเดิมๆ เช่น รู้สึกผิดหวัง ต้องการขอเงินคืน ถ้าไม่ได้เงินคืนเราจะเขียนรีวิวแย่ให้ ส่วนตัวเราเรามีการตั้งธงในใจไว้เลยค่ะ ว่าเราจะเขียนอะไร ช่วยได้เยอะ
ตัวนี้ถ้าแนะนำเพิ่มเติมจริงๆ เราว่าต้องหาคนตรวจค่ะ ส่วนตัวเรามีการลงเรียนคอร์สภาษาเยอรมันอยู่แล้ว เราก็จะรบกวนครูตรวจให้ หรือถ้าในกรณีที่ง่ายๆ จะบอกว่า Chat GPT ก็พอช่วยได้นะคะ ในขั้นพื้นฐาน แต่ถ้าระดับสูงขึ้นยังไงก็ต้องให้คนตรวจค่ะ แม่นยำกว่า
2.พาร์ทการพูด
พาร์ทนี้เรามีใช้แอพเรียนภาษาค่ะ ตัวที่เราใช้คือ Tandem บอกก่อนว่าการใช้แอพเนี่ย มีทั้ง ข้อดีและข้อเสียนะคะ ตอนแรกเราคุยแบบ 5-6 คน ตอนนี้เหลือคนมีคุณภาพแค่คนเดียวค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า เราทำการเคลียก่อนนะคะ ว่าเราจะเรียนภาษา ดังนั้นจะไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน แล้วความโชคดีของเราคือเราเจอคนดีมากๆ คนที่แบบพร้อมจะตอบ พร้อมจะแก้ข้อผิดพลาดให้เรา สรุปคือออกไปเจอแต่ละทีก็คือมีการคุยแบบ 4-5 ชั่วโมงต่อเนื่อง จนเราเตรียมสมุดไปจดได้เลยค่ะ ขนาดนั้นเลย
อีก 1 ความโชคดีของเราคือ minijob ที่เราทำ เราใช้ภาษาเยอรมัน 100 % และคนที่อ่อนที่สุดต้องได้ C1 ซึ่งตรงนี้ตัวเราก็งงเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมเขาถึงเลือกเรา เพราะตอนแรกที่เข้าไปทำงาน January 2024 เราฟังแทบไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ แต่ใจสู้มาก จนหลังๆพยายามแล้วนิสัยที่เคยทำกลับมาค่ะ นั่นก็คือ มีอะไรถามเลย สงสัยตรงไหน ถาม native speaker อันนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งโชคดีของเราอีกอย่าง ที่เพื่อนร่วมงานดีกับเรามาก ตั้งใจสอน เราก็เลยมั่นใจการพูดมากขึ้นค่ะ หลังๆมาก็คือฟังเข้าใจมากขึ้น ช่วงแรกๆเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ค่ะ ไม่ได้หยิ่งหรืออะไรนะ พูดไม่รู้เรื่องค่ะ บอกตรงๆ 55555
ตัวช่วยเพิ่มเติม เรามีการเปลี่ยนภาษาเกมส์ที่เราเล่นเป็นประจำเป็นภาษาเยอรมันด้วยนะคะ เพื่อสร้างความเคยชิน ตอนแรกที่เล่น งงๆ ตอนนี้ชินละค่ะ
ท้ายที่สุด เหลาเพิ่มเติม
- การสอบ Telc B2 จริงๆมีหลายที่ที่เปิดสอบนะคะ จริงๆคือ VHS ก็มีแต่เราสอบข้างนอกค่ะ สิ่งที่ต่างกันคือราคานะคะ (ต่างกันเล็กน้อย) และวันที่สอบ และแน่นอนว่าถ้าวันสอบชนเสาร์ จะเต็มไวหน่อยค่ะ ปกติคนเลยนิยมสอบวันธรรมดากัน โดยปกติการสอบเขียนจะเริ่ม 10.00 ส่วนการสอบพูดจะเริ่มประมาณ 13.30 -14.00 โดยจากประสบการณ์ของเรา ถ้าสอบแค่พูด มารายงานตัวแค่ช่วงบ่ายได้เลย ไม่ต้องรอตั้งแต่เช้าค่ะ อีกทั้งการสอบพูด เป็นการสุ่มจากตัวอักษรนามสกุลค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นอันนี้เป็นแค่ประสบการณ์ในสนามสอบของเราเท่านั้นนะคะ ที่อื่นอาจจะไม่เหมือนกัน
- สำคัญมาก**** สำหรับสอบของคนที่จะสอบแค่พาร์ทเดียว เราต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เก็บคะแนนส่วนที่ผ่านค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสอบพาร์ทเขียนและพาร์ทพูด เราผ่านแค่การเขียน พอเราสมัครรอบต่อไป เราสมัครแค่การพูดก็พอค่ะ ไม่ต้องสอบทั้งหมด โดยที่ต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ ว่าเราขอใช้คะแนนส่วนพาร์ทเขียนที่สอบผ่านแล้วมารวมด้วย เพราะในวันที่เราสอบ เราต้องนำผลสอบรอบที่ผ่านไปให้เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารเก็บไว้ ตัวนี้เราพลาดมาแล้วค่ะ เพราะเราไม่ได้บอกเจ้าหน้าที่อีกทั้งในสนามสอบของเรา สอบทั้งเขียนกับพูด หรือว่าส่วนเดียวราคาเท่ากัน เรางก เราเลยแบบสอบทั้งหมดค่ะ แต่สุดท้ายคะแนนรวมไม่ได้ สุดท้ายทำให้ต้องเสียเงินสอบอีกรอบนึง ดังนั้นอันนี้ระวังนะคะ ไม่อยากให้ใครพลาด
- พาร์ทเสี่ยงดวงมากคือพาร์ทพูด เพราะว่าทุกอย่างคือการสุ่ม เราโชคไม่ค่อยดีค่ะ รอบแรกเจอ partner ที่สำเนียงฟังยากมาก แล้วพูดออกนอกเรื่อง ตอนนั้นการพูดเรายังถูๆไถๆ เลยทำให้ตบกลับเข้าที่ยังไม่ดีค่ะ สุดท้ายขาดไปคะแนนนึงผ่าน เจ็บใจมาก สุดท้ายรอบสอง เราเจอ partner ที่ดีมาก ทำให้ซัพพอร์ตซึ่งกันและกันได้ดีค่ะ อันนี้คือสวดมนต์เยอะๆเลยค่ะ
- สมัครสอบได้อย่างช้าสุดคือก่อนสอบ 1 เดือน ผลสอบรอ 3-4 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นของเราออกตอน 4-5 สัปดาห์ค่ะ มีรอบนึงชนวันหยุดยาว โดยที่เจ้าหน้าที่จะส่งอีเมลมาบอกค่ะ ส่วนการรับผล รับเอง หรือว่า ให้สถาบันส่งมาก็ได้ค่ะ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- ในกรณีที่สอบผ่านบางส่วน วันประกาศผลจะได้มาแค่ใบแจ้งผลสอบค่ะ ถ้าสอบผ่านถึงได้เป็น Zertifikat มา
- พาร์ทไหนเตรียมได้แนะนำให้เตรียมไปก่อนค่ะ เช่นการพูดพาร์ทแรกพรีเซนต์กับการเขียน ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ
- อันนี้เราฟังเขามานะคะ ครูหลายท่านแนะนำให้พรีเซนต์เรื่องการท่องเที่ยวค่ะ เพราะง่ายสุด เนื่องจากถ้าเราจำเรื่องราวไม่ได้ เราสามารถสร้างเรื่องได้ค่ะ ถ้าเป็นหนังสือหรือหนังที่ชอบ อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่คู่สนทนาเราอาจจะเคยดู แล้วบางครั้งอาจจะถามคำถามยากค่ะ รวมถึงหัวข้อบุคคลสำคัญ บางคนเลือกพูดอะไรที่ซาบซึ้งเกิน ร้องไห้ในห้องสอบก็มีค่ะ สมาธิหลุดเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ความถนัดนะคะ
- สุดท้าย เราเรียนภาษาเยอรมันที่ VHS นะคะ เรียนทั้งคอร์สธรรมดา คอร์สเตรียมสอบ และ คอร์สเฉพาะ เช่นเน้นการเขียน เน้นไวทยากรณ์ เราขอบอกเลยว่า สำหรับเรานะ เราประทับใจทุกคอร์ส เราโชคดีที่เจอครูดีทุกคอร์สเลยค่ะ ตั้งใจสอนมาก อีกทั้งครูบางคนเป็นครูสอนหลายๆสถาบันด้วยนะคะ อีกทั้งบางท่านเป็นกรรมการการสอบ Telc บอกเลยว่าได้คุณภาพและชั่วโมงบินสูงมากกกกก แต่ละท่าน และราคาค่าเรียนก็คุ้ม เพื่อนที่เรียนก็โอเค เก่งทุกคน ซัพพอร์ตกันได้ดีค่ะ อีกทั้งเราพยายามไปเรียนทุกครั้ง ทำการบ้านส่งทุกรอบค่ะ รู้สึกว่าไปไวมากๆ
แอบแปะ อันนี้กรณีสอบผ่านบางส่วน จะได้ใบผลสอบแบบนี้มาค่ะ
ถ้าสอบผ่านแล้วจะได้ใบหน้าตาประมาณนี้
ตอนได้จับจริงนี่หายเหนื่อยเลยนะคะ สมกับความพยายาม
หมายเหตุ วันสอบของเราเป็น Aug 2024 เพราะเราลืมบอกให้เจ้าหน้าที่รวมคะแนนค่ะ เลยทำให้ต้องสอบใหม่ จริงๆคือผ่านตั้งแต่ June 2024
สุดท้ายนี้รอบนี้เราใช้เวลาเตรียมตัวสอบแบบจริงจังทั้งหมดประมาณ 6 เดือนค่ะ ก่อนหน้านี้ตามที่บอกนะคะ เรามีการเรียนมาเรื่อยๆ แต่ว่าเพิ่งมาจริงจัง โดยสอบการเขียนผ่านตั้งแต่ครั้งแรกเลย อันนี้ งง เพราะถ้าใครตามอ่านกระทู้จะเห็นว่าเราซัดภาษาอังกฤษ IELTS ไป 9 ค่ะ
ท้ายสุด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังเตรียมสอบ ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ขอให้โชคดีนะคะ
ส่วนเราขอตัวไปสู้กับภาษาต่อค่ะ เอาจริง ตัวเราไม่เคยคาดหวังกับภาษาเยอรมันเลยค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้
ใดใด เมื่อมีโอกาสแล้ว เราก็จะตั้งใจต่อค่ะ
อ้อ แล้วก็สำหรับเกณฑ์คะแนนที่ผ่าน
ทั้งสอบพูดและเขียนต้องได้ขั้นต่ำพาร์ทละ 60% คือการเขียนต้องได้ขั้นต่ำ 135 คะแนน พาร์ทพูด 45 ค่ะ
มีอะไรมาคุยกันได้ ถามกันได้ เช่นเคยนะคะ