:: รีวิว BNK48 Original Stage : Whisper Roar สเตจคุณภาพจากวงไอดอลประสบการณ์ 7 ปี ที่มัดรวมทุกความเป็น T-Pop ไว้ในโชว์เดียว ::
21 ธันวาคม 2024 The Street Ratchada
รอบ 18.00 - 20.00 น.
ประตูเธียเตอร์ชั่วคราวถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของ Staff ที่กำลังรอตรวจความถูกต้องของตั๋วกับคนที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน เพื่อรับชมการแสดง นี่คือครั้งแรกของผมกับการเห็นเวทีของ The Street Ratchada พอกวาดสายตาไปบนเวทีก็มีคำว่า Whisper Roar ขึ้นค้างไว้รอต้อนรับแฟนคลับทุกคน พร้อมกับเสียงเพลงคลอก่อนเริ่มการแสดง
รอบนี้คนรับหน้าที่ประกาศกฏก่อนเริ่มโชว์ คือ "แจนรี่" เมมเบอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของวงไปแล้ว เพราะรับงานหลายยูนิตพร้อมกัน จนบางทีก็กลัวว่าน้องจะเหนื่อยเกินไป แต่ในมุมนึงก็คิดว่า ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ จะตอนไหนที่น้องจะได้รีดศักยภาพของตัวเองออกมา พอคิดไปแบบนั้นเสียงประกาศก็จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ และเรียกชื่อน้องจากแฟนคลับที่เข้ามารับชมในรอบเดียวกัน
[ PART 1 ]
M00. - OVERTURE
M01. - อยากให้เธอรอ (For Your Dream)
M02. - สัญญานะ [Original Stage Ver.]
M03. - New Better Day (ดีกว่าเมื่อวาน)
M04. - Bloom
ถ้าเราเปรียบให้ BNK48 Original Stage คือ หนังสือหนึ่งเล่ม พาร์ทแรกของโชว์คงเปรียบได้กับ "บทนำ" ที่ทำหน้าที่ดึงดูดผู้อ่านให้อยากเปิดหน้าต่อไป และเพลงที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีมาก คือ อยากให้เธอรอ (For Your Dream) จาก พี่บอย โกสิยพงษ์ ยอมรับเลยว่า ความเป็น Disney ที่ถูกใส่เข้ามาตั้งแต่ต้นเพลง บวกกับการมี ฮูพ มาทำหน้าที่เจ้าหญิงคนแรกบนเวทีเป็นอะไรที่ดึงดูดสายตามาก ชอบการผสมแนวการเต้นระหว่าง Street Jazz กับ Pom Pom Cheer ที่ครูกานต์ออกแบบไว้ คือ ไม่ใช่แค่เหมือนดูละครเวที แต่เหมือนได้บูส Energy ดี ๆ เพื่อส่งไปหาเพลงต่อไป อย่างเพลง สัญญานะ [Original Stage Ver.] ที่ใช้พร็อพประกอบการเชียร์ได้สนุกมากด้วย อาจจะมีจังหวะติดขัดบ้างนิดหน่อยระหว่างโชว์ แต่มวลรวมความสนุกไม่ดร็อปเลยตลอดทั้งเพลง
ส่วนเพลงใหม่อีก 2 เพลง คือ New Better Day (ดีกว่าเมื่อวาน) กับ Bloom เป็นอะไรที่รสชาติสดใหม่ดีจริง ๆ โดยเฉพาะเพลง Bloom จากพี่อัตตา และท่าเต้นโคตรปังจากครูนนท์ ที่รับหน้าที่ปิดท้ายพาร์ทนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เวลาใครรีวิวสเตจ แล้วมาจัดอันดับว่าชอบเพลงไหน มักจะมีเพลง Bloom ติดหนึ่งใน 5 หรือ หนึ่งใน 3 เพลงที่ชอบด้วยเสมอ เอาจริง ๆ แนวเพลงแบบ Kawaii Future Bass เรามักจะได้ยิน ได้ฟังจากเกม หรืออนิเมะ แต่พอแนวเพลงนี้ถูกนำมาใช้กับไอดอลเป็นอะไรที่ถูกต้องมาก เข้าใจเลยว่า ทำไมครูนนท์ ถึงเลือกท่าเต้นแบบเอาหลายอารมณ์มาผสมกัน ไม่ได้เลือกเต้นแบบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบโชว์ เพราะท่อนที่ร้องว่า "ดอกไม้แย้มบาน" ทำงานกับผู้ชมดีมากจริง ๆ สังเกตได้จากเสียงเชียร์ และพลังของเมมเบอร์ที่ส่งลงมา ถ้าผมถูกสุ่มเป็นผู้โชคดีให้เลือกเพลงมาแสดงซ้ำบนสเตจ เพลงนี้คงติดอันดับเพลงแรก ๆ ที่เลือกแน่นอน
[ PART 2 ]
M05. บัวลอยไข่หวาน / Hoop, Mean, Peak, Janry, Wawa
M06. รักครั้งแรก (First Love) / Eve, Grace, Patt, Emmy
M07. เสียงของใบไม้ [Original Stage ver.] / Nall, Saonoi
M08. ฉันต้องนอนร้องไห้ (Cry) / Janry
M09. Believers [Original Stage Ver.] / Popper, Emmy
หวานสมชื่อ หวานสมคำร่ำลือ กับเพลง "บัวลอยไข่หวาน" จาก พี่เก่ง ธชย และท่าเต้นจากพี่วิทย์ AF นี่คือโชว์ที่พูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่ควรอยู่แค่ในเธียเตอร์ แต่คนนอกควรได้เห็นสิ่งนี้ ทั้งชุดที่ถูกหยิบมาใช้ ไลน์การเต้นที่ถูกคิดมาอย่างดี ผสมทั้ง Hip Hop และการตั้งวงรำที่ Present ความเป็นไทยได้แบบร่วมสมัยมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องเป็น 5 คนนี้ เพราะคาแรคเตอร์แต่ละคนชัดมากจริง ๆ อีกอย่างที่ชอบคือกิมมิคท่าจบที่มีการโปรยกลิตเตอร์จากมือลงมา อันนี้สวยมาก จริง ๆ ไม่มีก็ไม่แย่อะไร แต่พอใส่มาด้วย กลายเป็นภาพจำของโชว์นี้ไปเลย
ต่อมา คือ เพลง รักครั้งแรก (First Love) จาก พี่กอล์ฟ Super Baker และพี่บิว Lemon Soup ที่เลือกใช้แนวเพลง Synth Pop ผสมความเป็น Dance เข้าไปด้วย เพลงออกมาน่ารัก สดใส ดูแล้วนึกถึงยูนิต Candy ของ Team NV มวลโดยรวมคือดูไปเขินไปจริง ๆ "เกรซ" มีเสน่ห์มากกก มองแล้วละสายตาไม่ได้เลย ครูนิตา ออกแบบท่าเต้นเก่งมาก มีจังหวะให้ทั้ง 4 คน คอนเนกต์กันตลอดทั้งโชว์เลย
ต่อมา คือ พาร์ทโชว์เสียงร้อง ไล่เรียงไปตั้งแต่ "เสียงของใบไม้" ที่ได้ แนล กับ สาวน้อย มาร้องคู่กันบนเวที อันนี้อาจจะเป็นที่ความอินส่วนตัว แต่พอจังหวะที่ทั้งคู่จับมือร้องเพลงด้วยกัน ภาพการต่อสู้เพื่อความฝันบนเส้นทางไอดอลของทั้งสองคนเหมือนภาพฉายซ้ำที่วิ่งเข้ามาในหัวเลย จังหวะไฮโน๊ต คือ สุดยอดมาก ได้รับเสียงปรบมือจากแฟนคลับไปเต็ม ๆ ต่อมาคือ เพลง "ฉันต้องนอนร้องไห้" จากพี่ฟองเบียร์-ปฏิเวธ ซีนเด่นประจำสเตจของ "แจนรี่" เพลงที่โชว์พลังเสียงของน้องแบบทำถึงมาก ขอชื่นชมทั้ง Visual Stage Designer และการจัดแสงบนเวทีที่ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่เกิดมาเพื่อน้องจริง ๆ และมาปิดท้ายพาร์ทนี้กันด้วย "Believers" ที่ได้ "ป๊อปเป้อ" กับ "เอ็มมี่" มาร้องคู่กันบนเวที โชว์นี้ชอบตรงที่ทั้งคู่แยกสไตล์การร้องไปคนละแบบ แต่พอถึงจังหวะต้องช่วยกันก็ทำออกมาได้ลงตัวมาก เหมือนจับเด็กเทพ 2 GEN มาเจอกัน กลายเป็นความเทพคูณสองไปเลย
[ PART 3 ]
M10. It’s Life [Original Stage ver.]
M11. WHISPER ROAR
M.12 ไม่อยากนอน
เดินทางมาถึงพาร์ทที่ 3 ก่อนจะไปต่อกันที่ช่วงอังกอร์ ถ้าจะยกประโยคของเฌอมาพูดที่บอกว่า คอนเซปต์ของสเตจนี้ คือ ประตูของเรามีหลายบาน แต่ละบานเปิดออกไป จะเจออะไรที่แตกต่างกัน ประตูบานที่ 3 ของ Original Stage ก็ทำหน้าที่เซอร์ไพรส์เราด้วยเพลง It’s Life ในแบบที่เด็ก ๆ โตแล้วจริง ๆ ทั้งจริต ทั้งไลน์เต้น เลเวลความอยากดูซ้ำ ให้ระดับเดียวกับเพลง Bloom เลย ขอบคุณการตีความใหม่ ที่ทำให้เวอร์ชันนี้เต็มไปด้วยความสนุก และตื่นเต้นครับ
ลำดับต่อมา คือ เพลง WHISPER ROAR จากพี่กอล์ฟ F.Hero ใครที่ดูเฉพาะโชว์แบบ Public แล้วคิดว่าเท่แล้ว ดีแล้ว ต้องมาดูในเธียเตอร์ให้ได้นะครับ เพราะทั้งคอสตูม อินเนอร์ความเท่ และความแซ่บ เมมเบอร์อัพเลเวลกันทุกรอบที่โชว์ใหม่จริง ๆ ยิ่งเต้นยื่งเข้ามือ จังหวะแร็ปคือใส่สุดมาก ตอนฟัง ครูติ๊ก เล่าว่าตอนออกแบบท่าเต้นมีเมมเบอร์เข้ามาช่วยด้วย พอเห็นในสเตจแล้ว เข้าใจเลยว่า การที่เมมเบอร์ได้มีส่วนเลือกสไตล์การเต้นที่เข้ากับตัวเองมันสำคัญยังไง
สุดท้ายในพาร์ทนี้ คือ เพลง "ไม่อยากนอน" จากพี่บอย-ตรัย x พี่ก้อ ณฐพล กับแนวเพลง City Pop และท่าเต้นที่ขอยกให้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ชอบบนสเตจนี้ ไม่ว่าจะมองไปที่ใครก็มีสไตล์เป็นของตัวเองจริง ๆ ใครชอบเพลงช้า ที่เต้นได้ เพลงนี้แนะนำเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
[ ENCORE ]
EN1. เมโลดี้นี้
EN2. เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.]
EN3. (Song of the Day) เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.]
EN4. ไกลไม่ไกล
ปิดท้ายความสนุกของสเตจรอบนี้กันที่ช่วงอังกอร์ จริง ๆ ก่อนจะเริ่มก็มีจังหวะฮาเหมือนกัน คือ ต่างคนต่างรอ เมมก็รอแฟนคลับอังกอร์ แฟนคลับก็รอเว้นช่วงให้เมมเบอร์ได้เปลี่ยนชุด แต่เว้นกันนานไปหน่อย จนน้องต้องตะโกนมาบอกให้อังกอร์ถึงจะเริ่มกัน และก็ตะโกนกันไม่นานจริง ๆ เมมเบอร์ก็พร้อมโชว์เลย
พาร์ทนี้เมมเบอร์ขึ้นเวทีมาด้วยคอสตูมสีแดง-ดำ ที่สวยสะดุดตามาก ฟีลแบบชวนมาสนุกกับ After Party เปิดสเตจด้วย เพลง "เมโลดี้นี้" อีกหนึ่ง Original Song จาก พี่รัฐ Tattoo Colour หรือ Ruzzy ที่เลือกแนวเพลง Electro Pop มาใช้งาน จริง ๆ ฟังจากชื่อเหมือนจะเป็นเพลงดึงซึ้ง แต่พอมาดูจริง นี่คืออีกหนึ่งเพลงที่ทำให้เห็นการเติบโตของน้อง ๆ ที่ต่อให้โตยังไง ก็ยังไม่ทิ้งความน่ารักสดใสไป ถูกต้องมากที่เลือกมาใช้ช่วงอังกอร์
ต่อมา คือ เพลง เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.] ที่ได้ครูหยก มาออกแบบท่าเต้นให้ อันนี้ขอชมเลยว่า ม่วนจอยกันสุด ๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมครูถึงใช้คำว่า ตอกบัตรออกงาน เพราะเมมเบอร์แต่ละคน พอเพลงนี้ขึ้น คือใส่สุดกันเหมือนจะไม่มีเพลงต่อไป แฟนคลับด้านล่างก็เชียร์อัพสนุกมาก ยิ่งเต้นแรง ยิ่งเชียร์ดัง สนุกถึงขนาดที่ว่า ตอนเลือก Song of the Day แฟนคลับที่ถูกสุ่มให้เลือก เลือกได้เพลงยูนิต แต่เมมเบอร์บนเวทีขอเต้นเพลงรวม แฟนคลับเลยขอ เด็กดื้อย์ กันอีกรอบ แล้วน้องก็จัดให้จริง ๆ ยกให้เป็นช่วงที่สนุกที่สุดของสเตจนี้เลย
ปิดท้ายโชว์ที่เพลง "ไกลไม่ไกล" จาก พี่ติ๊ก Playground เพลงจบ Original Stage ที่จัดบล็อกกิ้งได้ลงตัวมาก เมมเบอร์ได้โชว์การร้อง มีจังหวะสื่อสารถึงแฟนคลับ มีจังหวะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โมเมนต์ที่ชอบมาก คือ ช่วงท้ายที่ให้เมมเบอร์ทำท่าเหมือนจะวางไมค์ (สัญลักษณ์ของการจบการศึกษาจาการเป็นไอดอล) แต่ไม่ได้วางจริง เพราะหันไปจับมือแล้วได้รับกำลังใจจากเมมเบอร์ด้วยกัน อันนี้ทัชใจในสิ่งที่ครูนนท์ กับ ครูวรรณ ต้องการสื่อสารจริง ๆ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ "ไอดอล" ต้องการได้รับเพื่อจะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปก็คือกำลังใจ และพลังงานบวกจากแฟนคลับ และเมมเบอร์ด้วยกันนั่นเอง
[ บทสรุป ]
สุดท้ายนี้ ถ้าจะมีอะไรใน ปี 2024 ที่สามารถจัดว่าเป็น Masterpiece ของ BNK48 ได้ การเกิดขึ้นของ BNK48 Original Stage คือสิ่งที่อยากให้มีต่อไป และมีเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับแฟนคลับ แต่สำหรับคนนอก ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสความเป็น T-Pop ของ #BNK48 ในมุมนี้ด้วย ขอบคุณเมมเบอร์ทุกคนที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดซ้อมตั้งแต่เช้าถึงดึกทุกวันเพื่อสเตจนี้ ขอบคุณทีม Music Producer ทีม Choreographer และทีมคอสตูม รวมถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคน ขอให้ BNK48 Original Stage ถูกค้นพบมากขึ้นในปี 2025 นะครับ
#BNK48 #CherprangAreekul
#BNK48_WhisperRoar #BNK48OriginalStage
ที่มา
https://www.facebook.com/share/p/14H689N6ab/
รีรีวิว BNK48 Original Stage : Whisper Roar จากเพจ Ota Story : วันนี้ผมอยากบอกว่า
21 ธันวาคม 2024 The Street Ratchada
รอบ 18.00 - 20.00 น.
ประตูเธียเตอร์ชั่วคราวถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของ Staff ที่กำลังรอตรวจความถูกต้องของตั๋วกับคนที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน เพื่อรับชมการแสดง นี่คือครั้งแรกของผมกับการเห็นเวทีของ The Street Ratchada พอกวาดสายตาไปบนเวทีก็มีคำว่า Whisper Roar ขึ้นค้างไว้รอต้อนรับแฟนคลับทุกคน พร้อมกับเสียงเพลงคลอก่อนเริ่มการแสดง
รอบนี้คนรับหน้าที่ประกาศกฏก่อนเริ่มโชว์ คือ "แจนรี่" เมมเบอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของวงไปแล้ว เพราะรับงานหลายยูนิตพร้อมกัน จนบางทีก็กลัวว่าน้องจะเหนื่อยเกินไป แต่ในมุมนึงก็คิดว่า ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ จะตอนไหนที่น้องจะได้รีดศักยภาพของตัวเองออกมา พอคิดไปแบบนั้นเสียงประกาศก็จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ และเรียกชื่อน้องจากแฟนคลับที่เข้ามารับชมในรอบเดียวกัน
[ PART 1 ]
M00. - OVERTURE
M01. - อยากให้เธอรอ (For Your Dream)
M02. - สัญญานะ [Original Stage Ver.]
M03. - New Better Day (ดีกว่าเมื่อวาน)
M04. - Bloom
ถ้าเราเปรียบให้ BNK48 Original Stage คือ หนังสือหนึ่งเล่ม พาร์ทแรกของโชว์คงเปรียบได้กับ "บทนำ" ที่ทำหน้าที่ดึงดูดผู้อ่านให้อยากเปิดหน้าต่อไป และเพลงที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีมาก คือ อยากให้เธอรอ (For Your Dream) จาก พี่บอย โกสิยพงษ์ ยอมรับเลยว่า ความเป็น Disney ที่ถูกใส่เข้ามาตั้งแต่ต้นเพลง บวกกับการมี ฮูพ มาทำหน้าที่เจ้าหญิงคนแรกบนเวทีเป็นอะไรที่ดึงดูดสายตามาก ชอบการผสมแนวการเต้นระหว่าง Street Jazz กับ Pom Pom Cheer ที่ครูกานต์ออกแบบไว้ คือ ไม่ใช่แค่เหมือนดูละครเวที แต่เหมือนได้บูส Energy ดี ๆ เพื่อส่งไปหาเพลงต่อไป อย่างเพลง สัญญานะ [Original Stage Ver.] ที่ใช้พร็อพประกอบการเชียร์ได้สนุกมากด้วย อาจจะมีจังหวะติดขัดบ้างนิดหน่อยระหว่างโชว์ แต่มวลรวมความสนุกไม่ดร็อปเลยตลอดทั้งเพลง
ส่วนเพลงใหม่อีก 2 เพลง คือ New Better Day (ดีกว่าเมื่อวาน) กับ Bloom เป็นอะไรที่รสชาติสดใหม่ดีจริง ๆ โดยเฉพาะเพลง Bloom จากพี่อัตตา และท่าเต้นโคตรปังจากครูนนท์ ที่รับหน้าที่ปิดท้ายพาร์ทนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เวลาใครรีวิวสเตจ แล้วมาจัดอันดับว่าชอบเพลงไหน มักจะมีเพลง Bloom ติดหนึ่งใน 5 หรือ หนึ่งใน 3 เพลงที่ชอบด้วยเสมอ เอาจริง ๆ แนวเพลงแบบ Kawaii Future Bass เรามักจะได้ยิน ได้ฟังจากเกม หรืออนิเมะ แต่พอแนวเพลงนี้ถูกนำมาใช้กับไอดอลเป็นอะไรที่ถูกต้องมาก เข้าใจเลยว่า ทำไมครูนนท์ ถึงเลือกท่าเต้นแบบเอาหลายอารมณ์มาผสมกัน ไม่ได้เลือกเต้นแบบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบโชว์ เพราะท่อนที่ร้องว่า "ดอกไม้แย้มบาน" ทำงานกับผู้ชมดีมากจริง ๆ สังเกตได้จากเสียงเชียร์ และพลังของเมมเบอร์ที่ส่งลงมา ถ้าผมถูกสุ่มเป็นผู้โชคดีให้เลือกเพลงมาแสดงซ้ำบนสเตจ เพลงนี้คงติดอันดับเพลงแรก ๆ ที่เลือกแน่นอน
[ PART 2 ]
M05. บัวลอยไข่หวาน / Hoop, Mean, Peak, Janry, Wawa
M06. รักครั้งแรก (First Love) / Eve, Grace, Patt, Emmy
M07. เสียงของใบไม้ [Original Stage ver.] / Nall, Saonoi
M08. ฉันต้องนอนร้องไห้ (Cry) / Janry
M09. Believers [Original Stage Ver.] / Popper, Emmy
หวานสมชื่อ หวานสมคำร่ำลือ กับเพลง "บัวลอยไข่หวาน" จาก พี่เก่ง ธชย และท่าเต้นจากพี่วิทย์ AF นี่คือโชว์ที่พูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่ควรอยู่แค่ในเธียเตอร์ แต่คนนอกควรได้เห็นสิ่งนี้ ทั้งชุดที่ถูกหยิบมาใช้ ไลน์การเต้นที่ถูกคิดมาอย่างดี ผสมทั้ง Hip Hop และการตั้งวงรำที่ Present ความเป็นไทยได้แบบร่วมสมัยมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องเป็น 5 คนนี้ เพราะคาแรคเตอร์แต่ละคนชัดมากจริง ๆ อีกอย่างที่ชอบคือกิมมิคท่าจบที่มีการโปรยกลิตเตอร์จากมือลงมา อันนี้สวยมาก จริง ๆ ไม่มีก็ไม่แย่อะไร แต่พอใส่มาด้วย กลายเป็นภาพจำของโชว์นี้ไปเลย
ต่อมา คือ เพลง รักครั้งแรก (First Love) จาก พี่กอล์ฟ Super Baker และพี่บิว Lemon Soup ที่เลือกใช้แนวเพลง Synth Pop ผสมความเป็น Dance เข้าไปด้วย เพลงออกมาน่ารัก สดใส ดูแล้วนึกถึงยูนิต Candy ของ Team NV มวลโดยรวมคือดูไปเขินไปจริง ๆ "เกรซ" มีเสน่ห์มากกก มองแล้วละสายตาไม่ได้เลย ครูนิตา ออกแบบท่าเต้นเก่งมาก มีจังหวะให้ทั้ง 4 คน คอนเนกต์กันตลอดทั้งโชว์เลย
ต่อมา คือ พาร์ทโชว์เสียงร้อง ไล่เรียงไปตั้งแต่ "เสียงของใบไม้" ที่ได้ แนล กับ สาวน้อย มาร้องคู่กันบนเวที อันนี้อาจจะเป็นที่ความอินส่วนตัว แต่พอจังหวะที่ทั้งคู่จับมือร้องเพลงด้วยกัน ภาพการต่อสู้เพื่อความฝันบนเส้นทางไอดอลของทั้งสองคนเหมือนภาพฉายซ้ำที่วิ่งเข้ามาในหัวเลย จังหวะไฮโน๊ต คือ สุดยอดมาก ได้รับเสียงปรบมือจากแฟนคลับไปเต็ม ๆ ต่อมาคือ เพลง "ฉันต้องนอนร้องไห้" จากพี่ฟองเบียร์-ปฏิเวธ ซีนเด่นประจำสเตจของ "แจนรี่" เพลงที่โชว์พลังเสียงของน้องแบบทำถึงมาก ขอชื่นชมทั้ง Visual Stage Designer และการจัดแสงบนเวทีที่ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่เกิดมาเพื่อน้องจริง ๆ และมาปิดท้ายพาร์ทนี้กันด้วย "Believers" ที่ได้ "ป๊อปเป้อ" กับ "เอ็มมี่" มาร้องคู่กันบนเวที โชว์นี้ชอบตรงที่ทั้งคู่แยกสไตล์การร้องไปคนละแบบ แต่พอถึงจังหวะต้องช่วยกันก็ทำออกมาได้ลงตัวมาก เหมือนจับเด็กเทพ 2 GEN มาเจอกัน กลายเป็นความเทพคูณสองไปเลย
[ PART 3 ]
M10. It’s Life [Original Stage ver.]
M11. WHISPER ROAR
M.12 ไม่อยากนอน
เดินทางมาถึงพาร์ทที่ 3 ก่อนจะไปต่อกันที่ช่วงอังกอร์ ถ้าจะยกประโยคของเฌอมาพูดที่บอกว่า คอนเซปต์ของสเตจนี้ คือ ประตูของเรามีหลายบาน แต่ละบานเปิดออกไป จะเจออะไรที่แตกต่างกัน ประตูบานที่ 3 ของ Original Stage ก็ทำหน้าที่เซอร์ไพรส์เราด้วยเพลง It’s Life ในแบบที่เด็ก ๆ โตแล้วจริง ๆ ทั้งจริต ทั้งไลน์เต้น เลเวลความอยากดูซ้ำ ให้ระดับเดียวกับเพลง Bloom เลย ขอบคุณการตีความใหม่ ที่ทำให้เวอร์ชันนี้เต็มไปด้วยความสนุก และตื่นเต้นครับ
ลำดับต่อมา คือ เพลง WHISPER ROAR จากพี่กอล์ฟ F.Hero ใครที่ดูเฉพาะโชว์แบบ Public แล้วคิดว่าเท่แล้ว ดีแล้ว ต้องมาดูในเธียเตอร์ให้ได้นะครับ เพราะทั้งคอสตูม อินเนอร์ความเท่ และความแซ่บ เมมเบอร์อัพเลเวลกันทุกรอบที่โชว์ใหม่จริง ๆ ยิ่งเต้นยื่งเข้ามือ จังหวะแร็ปคือใส่สุดมาก ตอนฟัง ครูติ๊ก เล่าว่าตอนออกแบบท่าเต้นมีเมมเบอร์เข้ามาช่วยด้วย พอเห็นในสเตจแล้ว เข้าใจเลยว่า การที่เมมเบอร์ได้มีส่วนเลือกสไตล์การเต้นที่เข้ากับตัวเองมันสำคัญยังไง
สุดท้ายในพาร์ทนี้ คือ เพลง "ไม่อยากนอน" จากพี่บอย-ตรัย x พี่ก้อ ณฐพล กับแนวเพลง City Pop และท่าเต้นที่ขอยกให้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ชอบบนสเตจนี้ ไม่ว่าจะมองไปที่ใครก็มีสไตล์เป็นของตัวเองจริง ๆ ใครชอบเพลงช้า ที่เต้นได้ เพลงนี้แนะนำเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
[ ENCORE ]
EN1. เมโลดี้นี้
EN2. เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.]
EN3. (Song of the Day) เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.]
EN4. ไกลไม่ไกล
ปิดท้ายความสนุกของสเตจรอบนี้กันที่ช่วงอังกอร์ จริง ๆ ก่อนจะเริ่มก็มีจังหวะฮาเหมือนกัน คือ ต่างคนต่างรอ เมมก็รอแฟนคลับอังกอร์ แฟนคลับก็รอเว้นช่วงให้เมมเบอร์ได้เปลี่ยนชุด แต่เว้นกันนานไปหน่อย จนน้องต้องตะโกนมาบอกให้อังกอร์ถึงจะเริ่มกัน และก็ตะโกนกันไม่นานจริง ๆ เมมเบอร์ก็พร้อมโชว์เลย
พาร์ทนี้เมมเบอร์ขึ้นเวทีมาด้วยคอสตูมสีแดง-ดำ ที่สวยสะดุดตามาก ฟีลแบบชวนมาสนุกกับ After Party เปิดสเตจด้วย เพลง "เมโลดี้นี้" อีกหนึ่ง Original Song จาก พี่รัฐ Tattoo Colour หรือ Ruzzy ที่เลือกแนวเพลง Electro Pop มาใช้งาน จริง ๆ ฟังจากชื่อเหมือนจะเป็นเพลงดึงซึ้ง แต่พอมาดูจริง นี่คืออีกหนึ่งเพลงที่ทำให้เห็นการเติบโตของน้อง ๆ ที่ต่อให้โตยังไง ก็ยังไม่ทิ้งความน่ารักสดใสไป ถูกต้องมากที่เลือกมาใช้ช่วงอังกอร์
ต่อมา คือ เพลง เด็กดื้อย์ [Original Stage ver.] ที่ได้ครูหยก มาออกแบบท่าเต้นให้ อันนี้ขอชมเลยว่า ม่วนจอยกันสุด ๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมครูถึงใช้คำว่า ตอกบัตรออกงาน เพราะเมมเบอร์แต่ละคน พอเพลงนี้ขึ้น คือใส่สุดกันเหมือนจะไม่มีเพลงต่อไป แฟนคลับด้านล่างก็เชียร์อัพสนุกมาก ยิ่งเต้นแรง ยิ่งเชียร์ดัง สนุกถึงขนาดที่ว่า ตอนเลือก Song of the Day แฟนคลับที่ถูกสุ่มให้เลือก เลือกได้เพลงยูนิต แต่เมมเบอร์บนเวทีขอเต้นเพลงรวม แฟนคลับเลยขอ เด็กดื้อย์ กันอีกรอบ แล้วน้องก็จัดให้จริง ๆ ยกให้เป็นช่วงที่สนุกที่สุดของสเตจนี้เลย
ปิดท้ายโชว์ที่เพลง "ไกลไม่ไกล" จาก พี่ติ๊ก Playground เพลงจบ Original Stage ที่จัดบล็อกกิ้งได้ลงตัวมาก เมมเบอร์ได้โชว์การร้อง มีจังหวะสื่อสารถึงแฟนคลับ มีจังหวะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โมเมนต์ที่ชอบมาก คือ ช่วงท้ายที่ให้เมมเบอร์ทำท่าเหมือนจะวางไมค์ (สัญลักษณ์ของการจบการศึกษาจาการเป็นไอดอล) แต่ไม่ได้วางจริง เพราะหันไปจับมือแล้วได้รับกำลังใจจากเมมเบอร์ด้วยกัน อันนี้ทัชใจในสิ่งที่ครูนนท์ กับ ครูวรรณ ต้องการสื่อสารจริง ๆ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ "ไอดอล" ต้องการได้รับเพื่อจะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปก็คือกำลังใจ และพลังงานบวกจากแฟนคลับ และเมมเบอร์ด้วยกันนั่นเอง
[ บทสรุป ]
สุดท้ายนี้ ถ้าจะมีอะไรใน ปี 2024 ที่สามารถจัดว่าเป็น Masterpiece ของ BNK48 ได้ การเกิดขึ้นของ BNK48 Original Stage คือสิ่งที่อยากให้มีต่อไป และมีเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับแฟนคลับ แต่สำหรับคนนอก ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสความเป็น T-Pop ของ #BNK48 ในมุมนี้ด้วย ขอบคุณเมมเบอร์ทุกคนที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดซ้อมตั้งแต่เช้าถึงดึกทุกวันเพื่อสเตจนี้ ขอบคุณทีม Music Producer ทีม Choreographer และทีมคอสตูม รวมถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคน ขอให้ BNK48 Original Stage ถูกค้นพบมากขึ้นในปี 2025 นะครับ
#BNK48 #CherprangAreekul
#BNK48_WhisperRoar #BNK48OriginalStage
ที่มา
https://www.facebook.com/share/p/14H689N6ab/