ฝนตกหนักเชียงดาว น้ำซัดฝายวังฮายพัง ทะลักท่วมบ้าน-พื้นที่เกษตร เร่งช่วย-เตรียมรับอุทกภัย
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9425805
เชียงใหม่ เกิดฝนตกหนัก อำเภอเชียงดาว มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าซัดฝายวังฮายพัง น้ำทะลักหลากท่วม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน พ่อเมือง สั่งเร่งช่วยชาวบ้าน เตรียมรับมือสถานการณ์อุทกภัย
23 ก.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยอิทธิพลพายุซูลิก ทำให้พื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่เกิดฝนตกหนัก นาย
นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มอบหมายให้ นาย
กฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว ลงพื้นที่ ร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องที่ท้องถิ่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ไชยานุภาพ ออกตรวจสอบสถานการณ์
โดยพบว่า บริเวณพื้นที่ บ้านม่วงฆ้อง ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ฝายวังฮายได้พังลง เนื่องจากในพื้นที่เชียงดาวเกิดฝนตกหนัก และมีมวลน้ำปริมาณมาก จึงทำให้ฝายวังฮายที่สร้างด้วยไม้ไม่สามารถรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้ มวลน้ำมหาศาลไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และ พืชสวนการเกษตรชาวบ้าน เสียหายหนัก
ส่วนที่ ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ บ้านห้วยเป้า หมู่ที่ 1 และบ้านทุ่งข้าวพวงหมู่ที่ 3 นายอำเภอเชียงดาว ได้ร่วมกับนายกเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง กำนันตำบลทุ่งข้าวพวง ทหาร และตชด.ที่335 ร่วมทำพนังกั้นน้ำไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่ชุมชน และที่ตำบลเมืองงาย เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหน้าเทศบาลตำบลเมืองงาย ทำให้เส้นทางจราจรสามารถใช้งานได้เพียงช่องทางเดียว
ทั้งนี้ อำเภอเชียงดาว ได้แจ้งให้กับฝ่ายปกครองท้องที่ท้องถิ่นเฝ้าติดตามปริมาณน้ำในพื้นที่ และเตรียมรับมือสถานการ์อุทกภัย และภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
จุฬาฯ ไม่ให้ ‘พวงทอง’ จัดงานเปิดตัวหนังสือ ไม่เผยเหตุผลชัดๆ ล่าสุดได้สถานที่ใหม่แล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4806542
จุฬาฯ ไม่ให้ ‘พวงทอง’ จัดงานเปิดตัวหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน ไม่เผยเหตุผลชัดๆ ล่าสุดได้สถานที่ใหม่แล้ว
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.ต.
วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ออกมาระบุว่า ผู้เขียนหนังสือ
ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมไทยของกองทัพ ไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษาและไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฏให้เห็นมาตามลำดับ พร้อมขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือดังกล่าว และจะประสานมหาวิทยาลัยต้นสังกัดได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ต่อมา พล.ต.
วินธัยชี้แจงอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแค่ “
การขอความร่วมมือ” ไม่ได้ “
ห้ามจำหน่าย” โดยบทความทางวิชาการสามารถนำเสนอได้เป็นเสรีภาพ แต่เนื้อหาภายในควรมีกระบวนการวิธีวิจัยที่ถูกต้อง ปราศจากอคติ และมีการนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ดี หนังสือดังกล่าวเป็นผลงานของ รศ.ดร.
พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2567 จำนวนหน้า 304 หน้า ปรับปรุง-แก้ไขเนื้อหาจากหนังสือภาษาอังกฤษของผู้เขียนเอง Infiltrating Society: The Thai Military’s
Internal Security Affairs มีกำหนดการจัดเสวนาเนื่องในโอกาสตีพิมพ์หนังสือ ในวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567
ล่าสุด สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน รวมทั้ง รศ.ดร.
พวงทอง แจ้งเปลี่ยนสถานที่จัดงานดังกล่าว ย้ายจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปยังห้องอีเวนท์สเปซ ชั้น 2 หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ซอยเกษมสันต์ 2 กรุงเทพฯ เนื่องจากผู้บริหารจุฬาฯไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างชัดเจน
กรณีนี้ รศ.ดร.
พวงทอง เปิดเผยทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ดิฉันได้รับทราบจากท่านคณบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ของจุฬาฯ จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ในนามความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมไทยของกองทัพ” โดยไม่ได้เหตุผลที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2566 ฮาาาาาา
ส่วนคณะรัฐศาสตร์ ยังคงให้การสนับสนุนด้านการเงินในการจัดงานครั้งนี้ และภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังยินดีเป็นเจ้าภาพจัดงานต่อไป จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตาม คณะรัฐศาสตร์ไม่สามารถให้ใช้สถานที่ได้ เพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัยถือว่าตนเป็นเจ้าของสถานที่ทั้งหมดในรั้วจุฬาฯ
#สอนเรื่องกระจายอำนาจการปกครองไปทำไม
ขอขอบพระคุณอย่างสูงต่อผู้บริหารของหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ที่ยินดีให้พื้นที่เสรีภาพแก่งานวิชาการที่ตกเป็นเป้าของอำนาจรัฐ ทั้งๆ รับทราบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อันที่จริงคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกที่หนึ่งที่แสดงความยินดีให้เราใช้สถานที่ได้ แต่เราติดต่อกับทางบ้านจิมเรียบร้อยก่อนแล้ว และการเดินทางมาบ้านจิมก็ค่อนข้างสะดวก …จึงขอขอบคุณคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มา ณ ที่นี้ด้วย
ย้ายแค่สถานที่ แต่เวลาเดิม : ศุกร์ 27 กันยายน 15.30-17.30 น.
แล้วพบกันค่ะ
ประเทศที่ #เสรีภาพทางวิชาการ เป็นเรื่องตลก
https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/pfbid01TrpnG1yZT6rhpLKm4cv59vKS6Xpwwc69H1j6ZjfJdnzPPAhZQRgaNGi3bbBQ64bl
‘นันทนา’ โอด แม่ค้าขายหมูปาดหน้าเค้กนั่งกมธ.พัฒนาการเมืองฯ แฉ มีการล็อบบี้ ทำผิดฝาผิดตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4806589
‘นันทนา’ โอด แม่ค้าขายหมูปาดหน้าเค้กนั่งกมธ.พัฒนาการเมืองฯ แฉ มีการล็อบบี้ ทำผิดฝาผิดตัว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา น.ส.
นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ ส.ว.กลุ่มสีน้ำเงิน ล็อกเก้าอี้ประธานทุกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ว่า วันนี้จะมีวาระเรื่องการตั้ง กมธ.ประจำวุฒิสภา 21 คณะ และตอนนี้ได้มีการจัดสรร ส.ว.เข้าไปดำรงตำแหน่งอยู่ใน กมธ.ชุดต่างๆ ทั้ง 21 ชุด ทั้งนี้ มี ส.ว.บางชุดแสดงความจำนงเกินกว่าจำนวน 18 คน และสุดท้ายมีการเกลี่ย ส.ว.เข้าไปใน กมธ. โดยหลักการในการเกลี่ยนั้น อย่างแรกควรจะดูในกลุ่มอาชีพของ ส.ว.ที่เข้ามา
น.ส.
นันทนากล่าวต่อว่า แต่ในความเป็นจริงใช้วิธีการโหวต คือให้ผู้ที่สมัครเข้ามาใน กมธ.ทำการเลือกกันเองให้ได้เหลือ 18 คน จึงปรากฏได้ ส.ว.ที่ผิดฝาผิดตัวลงอยู่ใน กมธ.ไม่ตรงกับกลุ่มที่เขาเข้ามาอยู่ใน ส.ว. เช่น บางท่านอยู่ในกลุ่มท่องเที่ยว เมื่อสมัครเข้าไปอยู่ใน กมธ.การท่องเที่ยวแล้วนั้น ก็ไม่ได้รับเลือกจากการโหวตและตนก็เป็นผู้รับผลกระทบในการเกลี่ยในครั้งนี้ด้วย
“
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกลี่ยตรงนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งดิฉันสื่อสารทางด้านการเมือง และทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาการเมืองมาโดยตลอด ดิฉันถูกโหวตออกจาก กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้คนที่ขายหมูเข้ามาอยู่ใน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ผลจากการโหวตผู้ที่สมัครเข้ามาก็ใช้เสียงข้างมากเช่นเดิม ขอฟ้องประชาชนว่าขบวนการที่จะคัดสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง กมธ.ไม่ได้เป็นไปตามฐาน หรือโปรไฟล์กลุ่มของคนที่มาสมัครเป็น ส.ว.แต่มาจากกระบวนการที่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต“ น.ส.
นันทนากล่าว
น.ส.
นันทนากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จึงได้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่ ยังไม่ต้องพูดถึงประธานที่มีการล็อกตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ ส.ว.ในกลุ่มยังไม่ครบ แต่มีประธานครบทั้ง 21 กลุ่มเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม และกลุ่มคนที่จะเข้ามาเป็น ส.ว.ก็ไม่ได้แสดงความรู้ ความสามารถให้ตรงกับบทบาทของ กมธ.
ด้านนาง
กัลยา ใหญ่ประสาน ส.ว.กลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า ตนอยากเข้า กมธ.การเกษตรมาก แต่เมื่อเข้าไปในห้องที่มีการคัดเลือกก็เห็นว่ามันมีการเตรียมการไว้แล้วว่าจะให้ใครเข้าไปอยู่ใน กมธ.นี้ ซึ่ง ส.ว.ที่เห็นสถานการณ์นี้ได้มีการระบุว่าถ้าจะให้แฟร์ไม่ควรมีการโหวต เพราะรู้ว่าเป็นคนส่วนข้างน้อยยังไงก็แพ้ และอยากให้มีการจับสลาก ซึ่งเขาก็ให้มีการโหวตว่าจะมีการจับสลากหรือไม่ ผลปรากฏว่าส่วนข้างน้อยยกมือกันก็แพ้ และเมื่อมีการโหวตเลือกกันเองก็ไม่ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ หลายคนก็รู้จักแล้วเราจึงถูกคัดออก
JJNY : ฝนตกหนักเชียงดาว│จุฬาฯ ไม่ให้‘พวงทอง’จัดงานหนังสือ│‘นันทนา’โอด แม่ค้าขายหมูปาดหน้าเค้ก│เอกวาดอร์เจอภัยแล้งรุนแรง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9425805
เชียงใหม่ เกิดฝนตกหนัก อำเภอเชียงดาว มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าซัดฝายวังฮายพัง น้ำทะลักหลากท่วม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน พ่อเมือง สั่งเร่งช่วยชาวบ้าน เตรียมรับมือสถานการณ์อุทกภัย
23 ก.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยอิทธิพลพายุซูลิก ทำให้พื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่เกิดฝนตกหนัก นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มอบหมายให้ นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว ลงพื้นที่ ร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องที่ท้องถิ่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ไชยานุภาพ ออกตรวจสอบสถานการณ์
โดยพบว่า บริเวณพื้นที่ บ้านม่วงฆ้อง ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ฝายวังฮายได้พังลง เนื่องจากในพื้นที่เชียงดาวเกิดฝนตกหนัก และมีมวลน้ำปริมาณมาก จึงทำให้ฝายวังฮายที่สร้างด้วยไม้ไม่สามารถรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้ มวลน้ำมหาศาลไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และ พืชสวนการเกษตรชาวบ้าน เสียหายหนัก
ส่วนที่ ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ บ้านห้วยเป้า หมู่ที่ 1 และบ้านทุ่งข้าวพวงหมู่ที่ 3 นายอำเภอเชียงดาว ได้ร่วมกับนายกเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง กำนันตำบลทุ่งข้าวพวง ทหาร และตชด.ที่335 ร่วมทำพนังกั้นน้ำไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่ชุมชน และที่ตำบลเมืองงาย เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหน้าเทศบาลตำบลเมืองงาย ทำให้เส้นทางจราจรสามารถใช้งานได้เพียงช่องทางเดียว
ทั้งนี้ อำเภอเชียงดาว ได้แจ้งให้กับฝ่ายปกครองท้องที่ท้องถิ่นเฝ้าติดตามปริมาณน้ำในพื้นที่ และเตรียมรับมือสถานการ์อุทกภัย และภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
จุฬาฯ ไม่ให้ ‘พวงทอง’ จัดงานเปิดตัวหนังสือ ไม่เผยเหตุผลชัดๆ ล่าสุดได้สถานที่ใหม่แล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4806542
จุฬาฯ ไม่ให้ ‘พวงทอง’ จัดงานเปิดตัวหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน ไม่เผยเหตุผลชัดๆ ล่าสุดได้สถานที่ใหม่แล้ว
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ออกมาระบุว่า ผู้เขียนหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมไทยของกองทัพ ไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษาและไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฏให้เห็นมาตามลำดับ พร้อมขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือดังกล่าว และจะประสานมหาวิทยาลัยต้นสังกัดได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ต่อมา พล.ต.วินธัยชี้แจงอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแค่ “การขอความร่วมมือ” ไม่ได้ “ห้ามจำหน่าย” โดยบทความทางวิชาการสามารถนำเสนอได้เป็นเสรีภาพ แต่เนื้อหาภายในควรมีกระบวนการวิธีวิจัยที่ถูกต้อง ปราศจากอคติ และมีการนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ดี หนังสือดังกล่าวเป็นผลงานของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2567 จำนวนหน้า 304 หน้า ปรับปรุง-แก้ไขเนื้อหาจากหนังสือภาษาอังกฤษของผู้เขียนเอง Infiltrating Society: The Thai Military’s
Internal Security Affairs มีกำหนดการจัดเสวนาเนื่องในโอกาสตีพิมพ์หนังสือ ในวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567
ล่าสุด สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน รวมทั้ง รศ.ดร.พวงทอง แจ้งเปลี่ยนสถานที่จัดงานดังกล่าว ย้ายจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปยังห้องอีเวนท์สเปซ ชั้น 2 หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ซอยเกษมสันต์ 2 กรุงเทพฯ เนื่องจากผู้บริหารจุฬาฯไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างชัดเจน
กรณีนี้ รศ.ดร.พวงทอง เปิดเผยทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ดิฉันได้รับทราบจากท่านคณบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ของจุฬาฯ จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ในนามความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมไทยของกองทัพ” โดยไม่ได้เหตุผลที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2566 ฮาาาาาา
ส่วนคณะรัฐศาสตร์ ยังคงให้การสนับสนุนด้านการเงินในการจัดงานครั้งนี้ และภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังยินดีเป็นเจ้าภาพจัดงานต่อไป จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตาม คณะรัฐศาสตร์ไม่สามารถให้ใช้สถานที่ได้ เพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัยถือว่าตนเป็นเจ้าของสถานที่ทั้งหมดในรั้วจุฬาฯ
#สอนเรื่องกระจายอำนาจการปกครองไปทำไม
ขอขอบพระคุณอย่างสูงต่อผู้บริหารของหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ที่ยินดีให้พื้นที่เสรีภาพแก่งานวิชาการที่ตกเป็นเป้าของอำนาจรัฐ ทั้งๆ รับทราบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อันที่จริงคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกที่หนึ่งที่แสดงความยินดีให้เราใช้สถานที่ได้ แต่เราติดต่อกับทางบ้านจิมเรียบร้อยก่อนแล้ว และการเดินทางมาบ้านจิมก็ค่อนข้างสะดวก …จึงขอขอบคุณคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มา ณ ที่นี้ด้วย
ย้ายแค่สถานที่ แต่เวลาเดิม : ศุกร์ 27 กันยายน 15.30-17.30 น.
แล้วพบกันค่ะ
ประเทศที่ #เสรีภาพทางวิชาการ เป็นเรื่องตลก
https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/pfbid01TrpnG1yZT6rhpLKm4cv59vKS6Xpwwc69H1j6ZjfJdnzPPAhZQRgaNGi3bbBQ64bl
‘นันทนา’ โอด แม่ค้าขายหมูปาดหน้าเค้กนั่งกมธ.พัฒนาการเมืองฯ แฉ มีการล็อบบี้ ทำผิดฝาผิดตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4806589
‘นันทนา’ โอด แม่ค้าขายหมูปาดหน้าเค้กนั่งกมธ.พัฒนาการเมืองฯ แฉ มีการล็อบบี้ ทำผิดฝาผิดตัว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ ส.ว.กลุ่มสีน้ำเงิน ล็อกเก้าอี้ประธานทุกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ว่า วันนี้จะมีวาระเรื่องการตั้ง กมธ.ประจำวุฒิสภา 21 คณะ และตอนนี้ได้มีการจัดสรร ส.ว.เข้าไปดำรงตำแหน่งอยู่ใน กมธ.ชุดต่างๆ ทั้ง 21 ชุด ทั้งนี้ มี ส.ว.บางชุดแสดงความจำนงเกินกว่าจำนวน 18 คน และสุดท้ายมีการเกลี่ย ส.ว.เข้าไปใน กมธ. โดยหลักการในการเกลี่ยนั้น อย่างแรกควรจะดูในกลุ่มอาชีพของ ส.ว.ที่เข้ามา
น.ส.นันทนากล่าวต่อว่า แต่ในความเป็นจริงใช้วิธีการโหวต คือให้ผู้ที่สมัครเข้ามาใน กมธ.ทำการเลือกกันเองให้ได้เหลือ 18 คน จึงปรากฏได้ ส.ว.ที่ผิดฝาผิดตัวลงอยู่ใน กมธ.ไม่ตรงกับกลุ่มที่เขาเข้ามาอยู่ใน ส.ว. เช่น บางท่านอยู่ในกลุ่มท่องเที่ยว เมื่อสมัครเข้าไปอยู่ใน กมธ.การท่องเที่ยวแล้วนั้น ก็ไม่ได้รับเลือกจากการโหวตและตนก็เป็นผู้รับผลกระทบในการเกลี่ยในครั้งนี้ด้วย
“ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกลี่ยตรงนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งดิฉันสื่อสารทางด้านการเมือง และทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาการเมืองมาโดยตลอด ดิฉันถูกโหวตออกจาก กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้คนที่ขายหมูเข้ามาอยู่ใน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ผลจากการโหวตผู้ที่สมัครเข้ามาก็ใช้เสียงข้างมากเช่นเดิม ขอฟ้องประชาชนว่าขบวนการที่จะคัดสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง กมธ.ไม่ได้เป็นไปตามฐาน หรือโปรไฟล์กลุ่มของคนที่มาสมัครเป็น ส.ว.แต่มาจากกระบวนการที่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต“ น.ส.นันทนากล่าว
น.ส.นันทนากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จึงได้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่ ยังไม่ต้องพูดถึงประธานที่มีการล็อกตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ ส.ว.ในกลุ่มยังไม่ครบ แต่มีประธานครบทั้ง 21 กลุ่มเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม และกลุ่มคนที่จะเข้ามาเป็น ส.ว.ก็ไม่ได้แสดงความรู้ ความสามารถให้ตรงกับบทบาทของ กมธ.
ด้านนางกัลยา ใหญ่ประสาน ส.ว.กลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า ตนอยากเข้า กมธ.การเกษตรมาก แต่เมื่อเข้าไปในห้องที่มีการคัดเลือกก็เห็นว่ามันมีการเตรียมการไว้แล้วว่าจะให้ใครเข้าไปอยู่ใน กมธ.นี้ ซึ่ง ส.ว.ที่เห็นสถานการณ์นี้ได้มีการระบุว่าถ้าจะให้แฟร์ไม่ควรมีการโหวต เพราะรู้ว่าเป็นคนส่วนข้างน้อยยังไงก็แพ้ และอยากให้มีการจับสลาก ซึ่งเขาก็ให้มีการโหวตว่าจะมีการจับสลากหรือไม่ ผลปรากฏว่าส่วนข้างน้อยยกมือกันก็แพ้ และเมื่อมีการโหวตเลือกกันเองก็ไม่ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ หลายคนก็รู้จักแล้วเราจึงถูกคัดออก