การรักษาอาการป่วยทางจิตเวชที่กำลังกัดกินผู้คนทั่วทุกมุมโลก กำลังจะผลิกโฉมครั้งสำคัญ เมื่อเหล่าจิตแพทย์ได้ค้นพบการรักษาที่มุ่งเน้นไปที่สมองอันเป็นบ่อเกิดของปัญหาโดยตรง
Nature Medicine วารสารทางการแพทย์ชั้นนำ ได้เผยแพร่งานวิจัยเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ถึงความสำเร็จของนักวิจัยที่ทุ่มเทเวลาหลายต่อหลายปี ในการนำวิธีทางประสาทวิทยามารักษาโรคที่มีอาการผิดปกติทางจิต
งานศึกษานี้มีชื่อว่า “Closed-loop neuromodulation in an individual with treatment-resistant depression” จาก University of California - San Francisco
โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2014 จากการสนับสนุนของกองทุน 「
BRAIN」 (Brain Research through Advancing Innovative Neurotechnologies) โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ทีมวิจัยจาก UCSF ได้เริ่มทำการศึกษาอาการซึมเศร้าและเหนื่อยล้าทางจิตในกลุ่มผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการลมชักเมื่ออารมณ์แปรปรวนผิดปกติ
ทีมวิจัยได้ค้นพบถึงวงจรประสาทและสมองที่เกี่ยวเนื่องกับอาการลมชักและซึมเศร้า และพบไปถึงพื้นที่ในสมองที่เมื่อได้รับการกระตุ้นจะสามารถรักษาอาการซึมเศร้าและความแปรปรวนทางอารมณ์ได้
ศาสตราจารย์ แอนดริว คริสตัล หัวหน้าทีมวิจัยจาก UCSF Weill Institute for Neurosciences กล่าวว่า งานชิ้นนี้จะเป็นการชี้ทางสู่การรักษาแบบใหม่ที่จำเป็นต่อผู้ที่กำลังประสบปัญหาหนักเกี่ยวกับอาการทางจิต เราพัฒนาการแพทย์แม่นยำที่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง โดยการระบุวงจรในสมองที่ส่งผลโดยตรงต่ออาการได้เป็นผลสำเร็จ
ก่อนหน้านี่ โลกของการแพทย์ประสบความสำเร็จไม่มากนักในการรักษาโรคซึมเศร้าผ่าน “การผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึก” (deep brain stimulation หรือ DBS) เพราะว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาสามารถที่จะส่งกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษาไปถึงได้เพียงแค่สมองบริเวณเดียวเท่านั้น แต่ในผู้ป่วยแต่ละราย สมองที่ต้องการกระตุ้นกลับมีพื้นที่แตกต่างกันออกไป
แต่งานวิจัยชิ้นนี้ประสบความสำเร็จในการค้นพบดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาท (Neural Biomarker) ซึ่งเป็นรูปแบบของกิจกรรมทางสมองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการ ซึ่งทีมวิจัยสามารถที่จะปรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึกให้สามารถที่จะตอบสนองต่อรูปแบบของกิจกรรมทางสมองที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถรักษาสมองและวงจรประสาทอันเป็นปัจจัยของโรคในผู้ป่วยได้
วิธีการก็คือ การสร้างโครงร่างของระบบวงจรประสาทและสมองของผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อหาว่ารูปแบบของวงจรนั้นเป็นอย่างไร จากนั้นก็หาลักษณะเฉพาะของดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาท และเริ่มทำการรักษาโดยการฝังอุปกรณ์ DBS เข้าไปในสมอง
อุปกรณ์ DBS ที่ถูกปรับปรุงโดยนักวิจัยกลุ่มนี้ สามารถที่จะแก้ไขอาการของโรคซึมเศร้าแทบจะในทันที และได้ผลดีมากต่อผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง
การรักษาด้วยวิธีใหม่นี้ ยังเป็นครั้งแรกในโลกอีกด้วยที่กระบวนการรักษาผ่าน DBS จะสามารถทำการปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการรักษาอาการทางจิตผ่านวิธีทางสมอง เพราะเครื่องจะถูกปรับแต่งให้เข้ากับค่าของดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทและสมองส่วนที่ต้องการการกระตุ้นอันแตกต่างตามแต่บุคคล
และเมื่ออุปกรณ์ตรวจจับพบความผิดปกติในสมอง ก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าปริมาณราว 1mA ไปกระตุ้นให้กิจกรรมในสมองและวงจรประสาทเกิดความเปลี่ยนแปลงเพื่อหลีกเลี่ยงอาการ
แคทเธอรีน สแคนโกส อีกหนึ่งสมาชิกทีมวิจัยกล่าวว่า ประสิทธิภาพของการรักษานี้ นอกจากเราจะสามารถระบุวงจรประสาทและสมอง รวมถึงดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทที่ถูกต้องแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ทั้งหมด นี่คือความสำเร็จในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวกับสมอองและอาการเจ็บป่วยทางจิต
หนึ่งในผู้ป่วยที่เข้ารับการทดลองด้วยวิธีรักษานี้นามว่า
「ซาราห์」 เธอเปิดเผยว่า
『ชีวิตชั้นมาถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ชั้นป่วยด้วยอาการซึมเศร้ารุนแรงมานาน รักษาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล และชั้นทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ชีวิตเหมือนไม่มีทางไปต่อ แต่เมื่อเข้ารับการรักษาและฝัง DBS เข้าไป ภายในไม่กี่เดือนแรกอาการก็ลดลงในทันที แม้ว่าชั้นจะไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะลดลงจริงๆ หรือจะยั่งยืน แต่ในที่สุดมันก็เป็นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี』
「ความคิดบางอย่างมันก็ยังคงมาเหมือนเดิมบ้าง แต่มันเปลี่ยนไป มันกลายเป็น มาแล้วและมันก็หายไปในทันที วงจรอุบาทว์ของโรคซึมเศร้าของชั้นถูกตัดตอนแล้ว」
กระบวนการรักษาใหม่นี้ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ก่อนที่จะนำมันมาใช้กับคนทั่วไป ทีมวิจัยยังคงตามหาว่าทำไมวงจรประสาทและสมองของผู้คนถึงต่างกันออกไป รวมถึงผลของการเปลี่ยนแปลงทางดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทและวงจรในสมองจากการรักษาด้วยวิธีการนี้ในระยะยาว
「แนวคิดที่ว่าเราสามารถที่จะรักษาอาการในทันทีที่มันเกิดขึ้นในหัว คือความหวังใหม่ของการรักษาโรคซึมเศร้ารุนแรง」 สแคนโกสกล่าว
อ้างอิง
http://sciencedaily.com/releases/2021/10/211004115125.htm
http://nature.com/articles/s41591-021-01480-w
http://ucsf.edu/news/2021/09/421541/treating-severe-depression-demand-brain-stimulation
https://www.thecoverage.info/news/content/2500
เสก ‘เศร้า’ ให้หายไป จิตแพทย์คิดค้นอุปกรณ์มหัศจรรย์ หยุดสมองไม่ให้ ‘ซึมเศร้า’ ในพริบตา
งานศึกษานี้มีชื่อว่า “Closed-loop neuromodulation in an individual with treatment-resistant depression” จาก University of California - San Francisco
โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2014 จากการสนับสนุนของกองทุน 「BRAIN」 (Brain Research through Advancing Innovative Neurotechnologies) โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ทีมวิจัยจาก UCSF ได้เริ่มทำการศึกษาอาการซึมเศร้าและเหนื่อยล้าทางจิตในกลุ่มผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการลมชักเมื่ออารมณ์แปรปรวนผิดปกติ
ทีมวิจัยได้ค้นพบถึงวงจรประสาทและสมองที่เกี่ยวเนื่องกับอาการลมชักและซึมเศร้า และพบไปถึงพื้นที่ในสมองที่เมื่อได้รับการกระตุ้นจะสามารถรักษาอาการซึมเศร้าและความแปรปรวนทางอารมณ์ได้
ศาสตราจารย์ แอนดริว คริสตัล หัวหน้าทีมวิจัยจาก UCSF Weill Institute for Neurosciences กล่าวว่า งานชิ้นนี้จะเป็นการชี้ทางสู่การรักษาแบบใหม่ที่จำเป็นต่อผู้ที่กำลังประสบปัญหาหนักเกี่ยวกับอาการทางจิต เราพัฒนาการแพทย์แม่นยำที่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง โดยการระบุวงจรในสมองที่ส่งผลโดยตรงต่ออาการได้เป็นผลสำเร็จ
ก่อนหน้านี่ โลกของการแพทย์ประสบความสำเร็จไม่มากนักในการรักษาโรคซึมเศร้าผ่าน “การผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึก” (deep brain stimulation หรือ DBS) เพราะว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาสามารถที่จะส่งกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษาไปถึงได้เพียงแค่สมองบริเวณเดียวเท่านั้น แต่ในผู้ป่วยแต่ละราย สมองที่ต้องการกระตุ้นกลับมีพื้นที่แตกต่างกันออกไป
แต่งานวิจัยชิ้นนี้ประสบความสำเร็จในการค้นพบดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาท (Neural Biomarker) ซึ่งเป็นรูปแบบของกิจกรรมทางสมองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการ ซึ่งทีมวิจัยสามารถที่จะปรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึกให้สามารถที่จะตอบสนองต่อรูปแบบของกิจกรรมทางสมองที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถรักษาสมองและวงจรประสาทอันเป็นปัจจัยของโรคในผู้ป่วยได้
วิธีการก็คือ การสร้างโครงร่างของระบบวงจรประสาทและสมองของผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อหาว่ารูปแบบของวงจรนั้นเป็นอย่างไร จากนั้นก็หาลักษณะเฉพาะของดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาท และเริ่มทำการรักษาโดยการฝังอุปกรณ์ DBS เข้าไปในสมอง
อุปกรณ์ DBS ที่ถูกปรับปรุงโดยนักวิจัยกลุ่มนี้ สามารถที่จะแก้ไขอาการของโรคซึมเศร้าแทบจะในทันที และได้ผลดีมากต่อผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง
การรักษาด้วยวิธีใหม่นี้ ยังเป็นครั้งแรกในโลกอีกด้วยที่กระบวนการรักษาผ่าน DBS จะสามารถทำการปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการรักษาอาการทางจิตผ่านวิธีทางสมอง เพราะเครื่องจะถูกปรับแต่งให้เข้ากับค่าของดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทและสมองส่วนที่ต้องการการกระตุ้นอันแตกต่างตามแต่บุคคล
และเมื่ออุปกรณ์ตรวจจับพบความผิดปกติในสมอง ก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าปริมาณราว 1mA ไปกระตุ้นให้กิจกรรมในสมองและวงจรประสาทเกิดความเปลี่ยนแปลงเพื่อหลีกเลี่ยงอาการ
แคทเธอรีน สแคนโกส อีกหนึ่งสมาชิกทีมวิจัยกล่าวว่า ประสิทธิภาพของการรักษานี้ นอกจากเราจะสามารถระบุวงจรประสาทและสมอง รวมถึงดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทที่ถูกต้องแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ทั้งหมด นี่คือความสำเร็จในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวกับสมอองและอาการเจ็บป่วยทางจิต
หนึ่งในผู้ป่วยที่เข้ารับการทดลองด้วยวิธีรักษานี้นามว่า 「ซาราห์」 เธอเปิดเผยว่า 『ชีวิตชั้นมาถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ชั้นป่วยด้วยอาการซึมเศร้ารุนแรงมานาน รักษาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล และชั้นทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ชีวิตเหมือนไม่มีทางไปต่อ แต่เมื่อเข้ารับการรักษาและฝัง DBS เข้าไป ภายในไม่กี่เดือนแรกอาการก็ลดลงในทันที แม้ว่าชั้นจะไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะลดลงจริงๆ หรือจะยั่งยืน แต่ในที่สุดมันก็เป็นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี』
「ความคิดบางอย่างมันก็ยังคงมาเหมือนเดิมบ้าง แต่มันเปลี่ยนไป มันกลายเป็น มาแล้วและมันก็หายไปในทันที วงจรอุบาทว์ของโรคซึมเศร้าของชั้นถูกตัดตอนแล้ว」
กระบวนการรักษาใหม่นี้ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ก่อนที่จะนำมันมาใช้กับคนทั่วไป ทีมวิจัยยังคงตามหาว่าทำไมวงจรประสาทและสมองของผู้คนถึงต่างกันออกไป รวมถึงผลของการเปลี่ยนแปลงทางดัชนีชี้วัดทางชีวภาพในระบบประสาทและวงจรในสมองจากการรักษาด้วยวิธีการนี้ในระยะยาว
「แนวคิดที่ว่าเราสามารถที่จะรักษาอาการในทันทีที่มันเกิดขึ้นในหัว คือความหวังใหม่ของการรักษาโรคซึมเศร้ารุนแรง」 สแคนโกสกล่าว
อ้างอิง
http://sciencedaily.com/releases/2021/10/211004115125.htm
http://nature.com/articles/s41591-021-01480-w
http://ucsf.edu/news/2021/09/421541/treating-severe-depression-demand-brain-stimulation
https://www.thecoverage.info/news/content/2500