JJNY : แอมเนสตี้ฯ ยัน ไม่หยุดเล่า│เตือนไต้ฝุ่น"ยางิ"│บาทแข็งฉุดราคาทองวันนี้ร่วง│รัสเซียโจมตีเมืองใหญ่ตะวันตกยูเครน

แอมเนสตี้ฯ ยัน ไม่หยุดเล่า ดัน พ.ร.บ.นิรโทษ – คิ๊กออฟแคมเปญใหม่ พาฝัน ผตห.การเมืองไปทั่วไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4773771
 
 
แอมเนสตี้ฯ ยัน ไม่หยุดเล่า คิ๊กออฟ ‘Free Ratsadon on the Road’ ดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม – พาฝัน ผตห.การเมืองไปทั่วไทย
 
เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน และทัมไรท์ เปิดตัวแคมเปญ “Free Ratsadon on the Road x Amnesty People” เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วประเทศยืนหยัดในการปกป้องสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ด้วยการการผลักดัน สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน โดยเริ่มต้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเดินทางต่อไปที่จังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี และปิดท้ายที่สงขลา

สำหรับแคมเปญ Free Ratsadon on the Road ในแต่ละจังหวัดมีหลากหลายกิจกรรม เช่น นิทรรศการ การเขียนจดหมายถึงเพื่อนในเรือนจำผ่านเว็บไซต์ https://freeratsadon.amnesty.or.th/ รวมทั้งเวทีเสวนาที่มีทั้งตัวแทนนักวิชาการ องค์สิทธิมนุษยชน ทนายความและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ตลอดจนการเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพื่อทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคน

น.ส.เพชรรัตน์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวถึงที่มาของการจัดกิจกรรม “FREERATSADON on the road x Amnesty People” ว่า เพื่อสร้างการรับรู้และระดมการสนับสนุนจากผู้คนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แคมเปญนี้จะนำทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เพียงแค่แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการยืนหยัดเคียงข้างเพื่อนในเรือนจำเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการรวมพลังของภาคประชาชนทุกคนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และส่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจ ว่าเราไม่ยอมให้มีการคุมขังผู้คนจากการใช้สิทธิมนุษยชน อีกต่อไป

น.ส.เพชรรัตน์กล่าวเสริมว่า กิจกรรมนี้จะสามารถสร้างเครือข่ายและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทย โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ยกเลิกข้อกล่าวหาและปล่อยตัวนักกิจกรรมทางการเมืองโดยทันที และไม่มีเงื่อนไข รวมถึงการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชนเพื่อยุติการดำเนินคดีทางการเมืองต่อประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ

ปัจจุบันพบว่ามีคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองอยู่ทั่วประเทศไทย ไม่ใช่แค่เพียงในกรุงเทพมหานครที่เดียว จึงเป็นที่มาของการเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ เพราะหัวใจสำคัญที่ไม่น้อยไปกว่าการผลักดัน ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้บังคับใช้ได้จริง คือการทำให้เรื่องราวของนักกิจกรรมและคนที่อยู่ในเรือนจำไม่ถูกลืมเลือนไปจากสังคม
 
ประเด็นนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สุดไม่แพ้กัน แอมเนสตี้ยืนยันว่า การไม่หยุดเล่าเรื่องราวของนักกิจกรรมที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จะช่วยเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญในการผลักดันให้ข้อเสนอเชิงนโยบายต่างๆ เกิดขึ้นได้จริง และหากเราช่วยกันเขียนจดหมายถึงเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำจะเป็นการส่งสารถึงพวกเขาไม่ได้อยู่ลำพัง มีคนอีกมากมายที่ยืนหยัดยืนเคียงข้างพวกเขาผ่านแคมเปญนี้” น.ส.เพชรรัตน์กล่าว
 
ด้าน น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงตัวเลขผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องทางการเมือง รวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 43 คน โดยในจำนวนนี้มี 29 คนถูกดำเนินคดีภายใต้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งถือเป็นจำนวนเกินกว่าครึ่งของผู้ต้องขังทั้งหมด โดยข้อมูลของผู้ที่ถูกคุมขังในปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
 
21 คน ถูกคุมขังระหว่างการต่อสู้คดีโดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัว อีก 2 คน เป็นเยาวชนที่ถูกควบคุมตัวในสถานพินิจฯ ตามคำสั่งศาลให้เข้ามาตรการพิเศษแทนการมีคำพิพากษา และอีก 20 คน เป็นผู้ถูกคุมขังในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว และจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบโทษตามคำพิพากษาของศาล

น.ส.พูนสุข เผยถึงสถานการณ์การคุมขังและดำเนินคดีการเมืองในประเทศไทยในช่วงระหว่างปี 2563 ถึงปัจจุบันว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีสะสมไม่น้อยกว่า 1,956 คน ใน 1,302 คดี ซึ่งมีคนถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 ถึง 273 คนในจำนวน 306 คดี สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นช่วงที่มีการดำเนินคดีตามมาตรา 112 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
 
จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าสังคมได้ส่งเสียงเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาของมาตรา 112 อย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจ จนปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว เครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางการเมืองกว่า 23 องค์กร จึงได้ร่วมมือกันเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชนเพื่อยุติการดำเนินคดีที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง ร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายในการนิรโทษกรรมทุกคน ครอบคลุมการกระทำตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา
 
การนิรโทษกรรมเป็นเพียง ‘จุดเริ่มต้น’ ของการคลี่คลายความขัดแย้งให้สังคมของเราสามารถเดินต่อไปได้ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่าง หากไม่รวมคดีมาตรา 112 ด้วย จะเท่ากับว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่ได้แก้ไขหรือคลี่คลายความขัดแย้งใดๆ เลย

เราหวังอย่างยิ่งว่าการออกเดินทางครั้งนี้จะสร้างเครือข่ายและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทย ในการเรียกร้องให้ยกเลิกข้อกล่าวหา และปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมืองโดยทันที ไม่มีเงื่อนไข รวมถึงการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนที่รวมคดีมาตรา 112 ด้วย” น.ส.พูนสุขกล่าว


  
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ7 เตือน พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" ฝนตกหนักมาก น้ำท่วม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9397396

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 7 เตือน พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” เผย 2 ภาค เตรียมเจอฝนถล่มหนักมาก ลมกระโชกแรง ระวังอันตราย น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
 
วันที่ 5 ก.ย.2567 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ เรื่อง พายุ “ยางิ” ฉบับที่ 7 (166/2567) เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (5 ก.ย. 67) พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ

คาดว่าในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67
 
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5-6 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
 
ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย
 
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 
ประกาศ ณ วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 05.00 น. ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 11.00 น.


 
บาทแข็งฉุดราคาทองวันนี้ 5 ก.ย.67 ร่วง 150 บาท.
https://www.dailynews.co.th/news/3828809/

บาทแข็งฉุดราคาทองวันนี้ 5 ก.ย.67 ร่วง 150 บาท ทองรูปพรรณอยู่ที่ 40,600 บาท
 
รายงานข่าวจาก สมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า บรรยากาศราคาทองวันนี้ 5 ก.ย.67 ตลาดเปิดเมื่อเวลา 09.07 น. เงินบาทแข็งค่ามากฉุดร่วงแรงต่อเนื่อง 150 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของเมื่อวาน(พุธ) ที่ระหว่างวันมีการประกาศราคาทองคำทั้งหมด 7 รวมราคาปรับตัวลงแรง 300 บาท

ส่งผลให้ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 40,000 บาท ขายออกบาทละ 40,100 บาท และทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 39,279.56 บาท ขายออกบาทละ 40,600 บาท
 
ราคาทองคำ Spot เช้านี้ปรับตัวลดลงสู่บริเวณแถวๆ 2,497 ดอลลาร์ ในขณะที่ราคาทองคำโคเม็กซ์สหรัฐปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ สู่บริเวณ 2,526 ดอลลาร์ เนื่องจากมาจากได้รับแรงหนันหลังการเปิดเผยข้อมูลแรงงานสหรัฐที่อ่อนแอ สร้างความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. นี้ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่