แตกหักกับพ่อแม่เพราะจะไปอยู่หอ ทำยังไงดีคะ?

สวัสดีค่ะ เราเริ่มทำงานมา 1 เดือน อยากออกไปเช่าหอพักอยู่ จึงได้ไปขอคุณแม่และได้อธิบายเหตุผลไปว่า เนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกล รถติด เราจำเป็นต้องขับรถไปกลับรวม 6 ชั่วโมงทุกวัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างมาก ค่าน้ำมันวันละ 400 ค่าทางด่วนประมาณ 100-200 บาทต่อวันแล้วแต่ด่านที่ขึ้น อีกอย่างพอใช้เวลาขับรถไปกลับนาน กว่าจะถึงบ้านก็ค่ำแล้ว และเรามีปัญหาเรื่องตาแห้งเวลาขับรถกลางคืนจะมองไฟเป็นแฉกๆ ตัดแว่นก็ช่วยได้นิดหน่อย มันอันตราย 

เราได้บอกเหตุผลตามนี้ไป แต่เค้ากลับคิดว่าเราจะทิ้งเค้าไป บอกเราว่าถ้าคิดที่จะไปแล้วอย่าคิดจะกลับมา เลือกที่จะแตกหักมากกว่าการที่จะได้เจอกันวันเสาร์อาทิตย์ ปัญหานี้ก็ยังคุยกันไม่เข้าใจ

จนวันศุกร์ที่ผ่านมา เราขับรถกลับบ้านแต่เนื่องจากที่เราตาแห้งมาก ทำให้มองภาพเบลอจึงจอดพักและได้ไลน์ไปบอกคุณแม่ว่าจอดพักรถอยู่ มองทางไม่สะดวก อาจจะกลับถึงช้าหน่อย เราก็คิดว่าเค้าจะเข้าใจปัญหาของเราแล้ว แค่ผิดคาดค่ะ เช้าวันเสาร์แม่เรามาบอกว่าพ่อให้ลาออก ไม่อยากให้เราทำงานที่ต้องขับรถตอนกลางคืน แต่เรายืนยันที่จะไม่ลาออก เพราะคิดว่าการลาออกไม่ใช่การแก้ปัญหา ทำให้เราทะเลาะกับทั้งพ่อและแม่

เราได้คุยกับแม่อยู่ซักพักทั้งอธิบายเหตุผลที่เราจะไปอยู่หอ และบอกว่าไม่ได้คิดจะทิ้งครอบครัว แค่จะไปอยู่หอให้การเดินทางสะดวกขึ้น เสาร์ อาทิตย์ก็กลับบ้าน แต่เค้าไม่ฟังเราเลยค่ะ เอาแต่พูดว่าเราจะทิ้งเค้าวนอยู่แบบนี้ เราไม่เข้าใจเลยว่าการที่เราจะไปอยู่หอมันเป็นเรื่องเล็กมาก แต่เค้ากลับทำเป็นเรื่องใหญ่ จะให้แตกหักกันให้ได้ เราพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว แต่คำพูดของเราไม่เป็นผลอะไรเลยเราจึงเหนื่อยและเลิกพูดไป

หลังจากนั้นก็เงียบไปซักพัก แม่เราก็กรี๊ดขึ้นมาแบบเสียสติ และวิ่งไปหยิบพารามาจะกินเพื่อฆ่าตัวตาย เรารีบไปแย่งออกและโทรหาพ่อให้มาพาไปพบจิตแพทย์ แต่เมื่อคุณพ่อมาถึงกลับพูดกับเราว่าทีนี้จะยอมแม่ได้หรือยัง และบอกว่าหมอจะช่วยอะไรได้ ซึ่งเรามองว่า การยอมไม่ใช่การแก้ปัญหา ถึงเรายอมตอนนี้ ถ้าอนาคตมีเรื่องที่ขัดใจแม่ก็จะเป็นแบบนี้อีก เราจึงยืนยันที่จะไปอยู่หอเหมือนเดิม

เราพยายามกล่อมแม่ให้ไปหาหมออยู่ซักพัก ญาติเราก็โทรมาพูดเหมือนว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ ให้เรายอมแม่ไปก่อน ซึ่งเราคิดว่าการแก้ปัญาจริงๆคือต้องพาแม่ไปหาหมอ แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับเราเลย

จึงอยากมาระบายและปรึกษาทุกคนค่ะ ว่าเราควรจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ดีคะ เรายังยืนยันที่จะอยู่หอ และสภาพจิตใจตอนนี้ก็แย่พอกันเพียงแต่ยังไม่ระเบิดออกมาเท่านั้น หากเป็นแบบนี้ต่อไปเราอาจจะเป็นเหมือนแม่ก็ได้ถ้าเค้ายังไม่ได้รับการรักษา จะออกมาแบบแตกหักไม่สนใจอะไรแล้วก็กลัวโดนมองเป็นลูกเลว ซึ่งตอนนี้ก็ถูกมองแบบนั้นไปแล้วหล่ะค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
มันง่ายที่จะพูดว่าเอาให้แตกหักไปเลย ผมว่าหลายคนอ่านแล้วก็คงรู้สึกสะใจที่ได้แสดงความคิดเห็นแบบนี้ออกมา แต่ผมว่ามันเป็นคำแนะนำที่เอาความต้องการของคุณ จขกท. เป็นหลักอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่ได้มองบริบทให้รอบด้านของครอบครัว โดยเฉพาะของฝั่งแม่ เพราะที่คุณเล่ามาแบบนี้ เชื่อว่าแม่ก็คงมีความสำคัญต่อคุณ คุณถึงได้ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเค้าขนาดนี้ ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

เห็นได้ชัดว่าในบ้านคุณมีอะไรที่ไม่ลงตัวกันหลายอย่าง คุณเองก็อยากมีชีวิตตามแบบที่คุณคิด แต่แม่เองก็ดูมีปัญหากับการจัดการความรู้สึก "สูญเสีย" ที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าคนปกติทั่วไป ถ้าคุณอยากที่จะเข้าใจปัญหาที่มันเกิดขึ้น มันสำคัญที่คุณต้องทำความเข้าใจความต้องการของแต่ละฝ่ายครับ ซึ่งไม่ได้แปลว่าเราต้องสนองตามที่ทุกคนต้องการ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ความเข้าใจ มันทำให้เราหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันได้

ตัวคุณเองลองคิดทบทวนดูว่าสิ่งที่คุณต้องการ หรือการทำงานที่นี่มันตอบโจทย์อะไรในใจคุณ นอกจากเรื่องเงิน
มันสร้างความภูมิใจให้คุณยังไง รูปแบบงานมันตรงกับโจทย์ชีวิตคุณในแบบไหน

ขณะเดียวกัน ความต้องการในใจแม่ที่แม่ไม่สามารถจัดการได้ตอนที่เค้ารู้สึกว่าคุณจะย้ายออกจนเค้ารู้สึกเหมือนคุณจะทิ้งเค้า มันแปลว่าเค้ามีความกลัวที่อาจจะโหดร้ายมากในชีวิตเค้าที่ทำลายจิตใจ ความรัก ความเชื่อมั่น และความปลอดภัยต่อชีวิตเค้ารึเปล่า และสิ่งนี้มันฝังใจเค้ามานานและลึกจนเป็นปมใหญ่ในชีวิต ตัวพ่อเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่านี่คือลักษณะที่แม่เป็น แต่ก็คงไม่ได้มีการทำความเข้าใจถึงเบื้องหลังความรุนแรงทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น ว่าจริงๆแล้ว ปัญหาของแม่คืออะไร

เราไม่สามารถมองมันเป็นแค่ความเอาแต่ใจเหมือนเด็กได้ เพราะดีกรีของอารมณ์ที่แม่แสดงออกมา มันรุนแรงผิดปกติถึงขั้นเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน มันแปลว่าในใจแม่เรื่องนี้มันหนักและเจ็บปวดมากสำหรับเค้า ซึ่งอาจจะจริงที่ว่าเค้าไม่ควรทำแบบนี้ คือเอาชีวิตตัวเองเป็นตัวประกันบังคับให้คุณทำอย่างที่เค้าต้องการ เชื่อเถอะว่าตัวเค้าเองไม่ได้อยากทำครับ แต่ปัญหาหรือแผลในใจเค้ามันเจ็บปวดและหนักหนามาจนเค้าทนไม่ได้กับความเจ็บปวดนั้น จนต้องทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวดแบบที่เค้าเคยเจ็บปวดมาก่อน กลไกนี้มันไม่ต่างจากคนเป็นซึมเศร้าแล้วฆ่าตัวตายครับ

ทางออกของปัญหา มันอาจจะมีได้หลายทางครับ ไม่ใช่แค่คุณจะอยู่หรือไม่อยู่บ้าน
เป็นไปได้มั้ยคุณจะเอาแม่ไปอยู่ด้วยที่หอ/คอนโด พ่ออาจจะไปรับ/ส่ง ตามที่แม่ต้องการ

ผมเชื่อว่าแม่ไม่ได้ไร้เหตุผลหรอกครับ เพียงแต่เค้าติดล้อคปัญหาในใจของเค้าเองที่เค้าแก้ไม่ได้ เค้าอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำครับว่าที่มาของปัญหาเค้าคืออะไร ถ้าคุณอยากให้แม่รู้ เห็น เข้าใจ และแก้ปัญหาตัวเองได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านจิตบำบัด คุณอาจจะต้องหาจังหวะที่แม่อารมณ์นิ่งพอที่จะคุยกันได้ ตอนนี้ก็จัดการเรื่องความรู้สึก "ถูกทอดทิ้ง" ของท่านก่อนครับ

ผมไม่อยากให้คุณทำอะไรเด็ดขาดรุนแรง แบบไม่คิดให้รอบด้าน แล้วต้องมาเสียใจภายหลังครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เราเคยแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังต้องอยู่บ้าน เขาบอกอย่ามาปีกกล้าขาแข็ง พ่อแม่ส่งเรียนทำไมเนรคุณจะไม่เลี้ยงดูพ่อแม่หรอ เราติดกับดักความกตัญญู ทรมานมาก ถึงมากที่สุด อยากออกไปใช้ชีวิต อยากไปไหนโดยที่ไม่ต้องโดนโทรตาม เสียใจมาก ติดอยู่แต่กับที่บ้าน ร้องไห้ไม่มีอิสระ  อยากบอกคุณว่าถ้ามีโอกาสได้ออกไปแล้ว ก็ไปให้สุด กลับมาบ้านเสาร์-อาทิตย์ยังได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่