"มาม่า" เป็นเบอร์ 1 ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหมื่นล้านบาท เป็นอาหารขวัญใจผู้คนยามยาก ทั้งวันสิ้นเดือน วันหวยออก วันฝนตก รวมถึงเมนูโปรดของทองแดงยามท่องราตรี "มาม่า" ยังถูกยกเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ หากข้าวยากหมากแพง คนไม่มีอำนาจซื้อ มาม่าจะขายดีมากขึ้น
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกยกให้เป็น “ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ-กำลังซื้อของคนไทย” โดยนิยามกันว่า ช่วงไหนเศรษฐกิจแย่ บะหมี่ฯจะยิ่งขายดี มีการเติบโต แต่เมื่อไหร่เศรษฐกิจดี ยอดขายก็โตแต่อาจจะโตน้อยลง และแน่นอนว่า “เบอร์ 1” อย่าง “มาม่า” มักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดเสมอ
ขณะที่ผู้บริหารของทาง “มาม่า” จะฝั่งผลิต หรือฝั่งขาย ทำการตลาด ต่างก็ออกมาให้ความเห็นว่า “ไม่จริง ที่มาม่า และบะหมี่ฯ เป็นตัววัดดัชนีเศรษฐกิจไทย” พร้อมยืนยันว่า เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี “มาม่า” ก็ยังคงขายดี
ปี 2567 เวลาเดินเร็วเกินครึ่งปีเรียบร้อย หากไม่หลอกตัวเองเกินไป เอกชนหลายเซ็กเตอร์ประเมินเศรษฐกิจไทยไม่ดี และ “กำลังซื้อผู้บริโภค” อยู่ในอาการย่ำแย่ หลากธุรกิจติดแหง็กหรือ Struggle กับยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดหมู่จำเป็น รวมถึงสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานหรือ High Involvement อย่างที่อยู่อาศัย ยานยนต์ ฯ
มาม่า โอเค สินค้าใหม่ที่มาพร้อมการทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ทำตลาด
ทว่า ภาพยอดขายที่พลาดเป้า โตต่ำ ไม่ได้เกิดกับ “บิ๊กบะหมี่ฯมาม่า” เพราะผลงานไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)หรือ TFMAMA มีรายได้จากการขาย 7,478.68 ล้านบาท เติบโตถึง 11.52% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ “กำไรสุทธิ” 1,093.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 16.28% หรือจำนวน 153.13 ล้านบาท
เหตุผลที่บะหมี่ฯคู่ครัวเรือนไทยเติบโตอัตรา 2 หลัก เพราะการออกสินค้ารสชาติใหม่สำหรับพอร์ตโฟลิโอบะหมีณฯพรีเมียมอย่าง “มาม่า โอเคออเรียนทัล คิดเชน” หรือ มาม่า โอเค พร้อมกับทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ กระตุ้นตลาดเต็มสูบ โดยสินค้าพรีเมียมมาม่า โอเค จำหน่ายปลีกในราคา 15 บาทต่อซอง ส่วนสินค้าหลักและเป็นพอร์ตใหญ่จำหน่ายซองละ 7 บาท
มาม่า รุกหนัก Music Marketing
การรุกหนักของบะหมี่ฯพรีเมียมมาม่า โอเค ยังเป็นแรงส่งให้ยอดขายในประเทศเติบโตสูงถึง 13.66% ด้วย แต่ต่างประเทศก็ไม่น้อยหน้า เนื่องจากยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.06% เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับสกุลดอลลาร์ของสหรัฐ รวมถึงมีแรงส่งจากการผลิตและจำหน่ายบะหมี่ฯในประเทศเมียนมาด้วย
ขณะที่ผลงาน 6 เดือน บริษัทสร้างยอดขายรวมที่ 14,482.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.23% หรือจำนวน 976.41 ล้านบาท ส่วน “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 2,237.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28.32% หรือจำนวน 493.96 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1141092
ดัชนีวัดเศรษฐกิจ? บะหมี่ฯ ขายดี ‘มาม่า’ ไตรมาส 2 โต 11.52% สวนทางกำลังซื้อชะลอ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกยกให้เป็น “ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ-กำลังซื้อของคนไทย” โดยนิยามกันว่า ช่วงไหนเศรษฐกิจแย่ บะหมี่ฯจะยิ่งขายดี มีการเติบโต แต่เมื่อไหร่เศรษฐกิจดี ยอดขายก็โตแต่อาจจะโตน้อยลง และแน่นอนว่า “เบอร์ 1” อย่าง “มาม่า” มักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดเสมอ
ขณะที่ผู้บริหารของทาง “มาม่า” จะฝั่งผลิต หรือฝั่งขาย ทำการตลาด ต่างก็ออกมาให้ความเห็นว่า “ไม่จริง ที่มาม่า และบะหมี่ฯ เป็นตัววัดดัชนีเศรษฐกิจไทย” พร้อมยืนยันว่า เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี “มาม่า” ก็ยังคงขายดี
ปี 2567 เวลาเดินเร็วเกินครึ่งปีเรียบร้อย หากไม่หลอกตัวเองเกินไป เอกชนหลายเซ็กเตอร์ประเมินเศรษฐกิจไทยไม่ดี และ “กำลังซื้อผู้บริโภค” อยู่ในอาการย่ำแย่ หลากธุรกิจติดแหง็กหรือ Struggle กับยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดหมู่จำเป็น รวมถึงสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานหรือ High Involvement อย่างที่อยู่อาศัย ยานยนต์ ฯ
มาม่า โอเค สินค้าใหม่ที่มาพร้อมการทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ทำตลาด
ทว่า ภาพยอดขายที่พลาดเป้า โตต่ำ ไม่ได้เกิดกับ “บิ๊กบะหมี่ฯมาม่า” เพราะผลงานไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)หรือ TFMAMA มีรายได้จากการขาย 7,478.68 ล้านบาท เติบโตถึง 11.52% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ “กำไรสุทธิ” 1,093.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 16.28% หรือจำนวน 153.13 ล้านบาท
เหตุผลที่บะหมี่ฯคู่ครัวเรือนไทยเติบโตอัตรา 2 หลัก เพราะการออกสินค้ารสชาติใหม่สำหรับพอร์ตโฟลิโอบะหมีณฯพรีเมียมอย่าง “มาม่า โอเคออเรียนทัล คิดเชน” หรือ มาม่า โอเค พร้อมกับทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ กระตุ้นตลาดเต็มสูบ โดยสินค้าพรีเมียมมาม่า โอเค จำหน่ายปลีกในราคา 15 บาทต่อซอง ส่วนสินค้าหลักและเป็นพอร์ตใหญ่จำหน่ายซองละ 7 บาท
มาม่า รุกหนัก Music Marketing
การรุกหนักของบะหมี่ฯพรีเมียมมาม่า โอเค ยังเป็นแรงส่งให้ยอดขายในประเทศเติบโตสูงถึง 13.66% ด้วย แต่ต่างประเทศก็ไม่น้อยหน้า เนื่องจากยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.06% เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับสกุลดอลลาร์ของสหรัฐ รวมถึงมีแรงส่งจากการผลิตและจำหน่ายบะหมี่ฯในประเทศเมียนมาด้วย
ขณะที่ผลงาน 6 เดือน บริษัทสร้างยอดขายรวมที่ 14,482.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.23% หรือจำนวน 976.41 ล้านบาท ส่วน “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 2,237.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28.32% หรือจำนวน 493.96 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1141092