คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 39
พอบอกว่ามีสามีต่างชาติ เราเลยอ๋อค่ะ
จริงๆ วัฒนธรรมของไทยกับต่างชาติ ค่อนข้างต่างกันในเรื่องครอบครัวประมาณนึง
สามีคุณมองว่า เรื่องระหว่างคุณกับเขาคือเรื่องภายในครอบครัวของคุณค่ะ
คุณกับเขาสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ส่วนใหญ่ฝรั่งจะเป็นแบบนี้
ดังนั้นเรื่องรายละเอียดแบบนี้ การที่คุณเอาไปพูดกับแม่ จึงเป็นเรื่องไม่สมควร
ลองดูความคิดแม่ จขกท
ผิดไหมที่ให้สามีถือเงิน (แม่บอกใครเขาทำกัน ปกติมีแต่ให้ผู้หญิงถือ หรือแยกกันถือ แถมยังเป็นต่างชาติอีก กลัวเขาหอบเงินหนีไป)
คือถ้ากลายเป็นคุณที่ถือเงินทั้งหมด แม่ถึงจะโอเค แต่ถ้าแม่สามีรู้ก็คงไม่โอเคอีก
ดังนั้นเราจึงบอกว่า เรื่องพวกนี้อย่าไปเล่าให้คนนอกฟัง
บ้านเรา พ่อทำงานคนเดียว แต่แม่ถือเงิน แต่ถ้าซื้ออะไรใหญ่ๆ พ่อตัดสินใจ จนพอเกษียณพ่อก็กลับไปถือเงินเอง
กลับกัน บ้านน้องชาย น้องชายเราถือเงิน ภรรยาน้องอยากได้อะไรให้บอก สามารถตัดสินใจร่วมกันได้ แต่ไม่ให้ถือเงิน
เรื่องพวกนี้มันคือข้อตกลงของแต่ละบ้าน ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ (จริงๆ มันก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น) เราว่าไม่ควรต้องให้ใครรู้
เหมือนเพื่อนเรา ทำงานคนเดียว สามีเป็นพ่อบ้านและถือเงิน ใครรู้ก็ว่าเกาะเมียกิน เรื่องแบบนี้เล่าได้แต่ต้องเลือกคนฟัง
ถ้าเล่าให้ทุกคนฟัง เราก็จำเป็นต้องฟังทุกคน ซึ่งไม่จำเป็นเลยค่ะ
เราอยากให้คุณจำไว้แค่นี้ ตอนนี้คุณมีครอบครัวแล้ว อย่าฟังคนอื่นมากกว่าครอบครัวตัวเองค่ะ
ยิ่งหากกำลังจะมีลูกอีก ควรจัดลำดับความสำคัญให้ดี ครอบครัวตัวเองต้องมาก่อน
เพราะสามีคือคนที่คุณจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แม่คุณ ไม่ใช่ญาติคุณ
เราไม่แน่ใจว่าสามีคุณเป็นคริสเตียนที่เอาจริงเอาจังไหม แต่ถ้าใช่ คำสาบานในวันแต่งงานคือสิ่งที่เข้าจริงจังที่จะทำค่ะ
นั่นคือการร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกว่าความตายจะมาพรากคุณทั้งสองไป ดังนั้นเชื่อมั่นใจคนที่คุณเลือกที่จะฝากชีวิตไว้
พระเจ้าอวยพรค่ะ
จริงๆ วัฒนธรรมของไทยกับต่างชาติ ค่อนข้างต่างกันในเรื่องครอบครัวประมาณนึง
สามีคุณมองว่า เรื่องระหว่างคุณกับเขาคือเรื่องภายในครอบครัวของคุณค่ะ
คุณกับเขาสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ส่วนใหญ่ฝรั่งจะเป็นแบบนี้
ดังนั้นเรื่องรายละเอียดแบบนี้ การที่คุณเอาไปพูดกับแม่ จึงเป็นเรื่องไม่สมควร
ลองดูความคิดแม่ จขกท
ผิดไหมที่ให้สามีถือเงิน (แม่บอกใครเขาทำกัน ปกติมีแต่ให้ผู้หญิงถือ หรือแยกกันถือ แถมยังเป็นต่างชาติอีก กลัวเขาหอบเงินหนีไป)
คือถ้ากลายเป็นคุณที่ถือเงินทั้งหมด แม่ถึงจะโอเค แต่ถ้าแม่สามีรู้ก็คงไม่โอเคอีก
ดังนั้นเราจึงบอกว่า เรื่องพวกนี้อย่าไปเล่าให้คนนอกฟัง
บ้านเรา พ่อทำงานคนเดียว แต่แม่ถือเงิน แต่ถ้าซื้ออะไรใหญ่ๆ พ่อตัดสินใจ จนพอเกษียณพ่อก็กลับไปถือเงินเอง
กลับกัน บ้านน้องชาย น้องชายเราถือเงิน ภรรยาน้องอยากได้อะไรให้บอก สามารถตัดสินใจร่วมกันได้ แต่ไม่ให้ถือเงิน
เรื่องพวกนี้มันคือข้อตกลงของแต่ละบ้าน ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ (จริงๆ มันก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น) เราว่าไม่ควรต้องให้ใครรู้
เหมือนเพื่อนเรา ทำงานคนเดียว สามีเป็นพ่อบ้านและถือเงิน ใครรู้ก็ว่าเกาะเมียกิน เรื่องแบบนี้เล่าได้แต่ต้องเลือกคนฟัง
ถ้าเล่าให้ทุกคนฟัง เราก็จำเป็นต้องฟังทุกคน ซึ่งไม่จำเป็นเลยค่ะ
เราอยากให้คุณจำไว้แค่นี้ ตอนนี้คุณมีครอบครัวแล้ว อย่าฟังคนอื่นมากกว่าครอบครัวตัวเองค่ะ
ยิ่งหากกำลังจะมีลูกอีก ควรจัดลำดับความสำคัญให้ดี ครอบครัวตัวเองต้องมาก่อน
เพราะสามีคือคนที่คุณจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แม่คุณ ไม่ใช่ญาติคุณ
เราไม่แน่ใจว่าสามีคุณเป็นคริสเตียนที่เอาจริงเอาจังไหม แต่ถ้าใช่ คำสาบานในวันแต่งงานคือสิ่งที่เข้าจริงจังที่จะทำค่ะ
นั่นคือการร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกว่าความตายจะมาพรากคุณทั้งสองไป ดังนั้นเชื่อมั่นใจคนที่คุณเลือกที่จะฝากชีวิตไว้
พระเจ้าอวยพรค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอเข้าข้างแม่ 50% นะ ยามรักน้ำต้นผักก็ว่าหวาน แต่พอเวลาผ่านไป ผช เปลี่ยนเมื่อไหร่ สิ่งที่คุณเชื่อมาตลอดมันจะเหมือนความฝันเลย แล้วเรื่องเงินนี่ล่ะ จะกลายเป็นปัญหาหลักที่ ผญ เจอ
เอาแค่ประสบการณ์ที่เราพบเจอมาก็ได้ คนรอบตัวเราที่รักกันปานจะให้ชีวิตกันได้ 2 คู่ สุดท้ายมีปัญหาก็เข้าตามสูตรเป๊ะ! เรื่องเงินตีกันจะเป็นจะตาย ไม่นับหลายคู่ที่มาแชร์ในพันทิปก็แบบนี้ ก็จบกันที่ความไว้ใจทำร้ายกันได้ ก็เจอบ่อยๆไป คุณควรเอาเรื่องพวกเขามาเป็นบทเรียน อย่างน้อยช่วงนี้จะได้มีเวลาพอรับมือ ถ้าวันนั้นมาถึงจริง
เพราะงั้น ฟังแม่ และคุณต้องคิดไว้เสมอว่า ชีวิตคน อะไรก็ไม่แน่นอน ถ้าพรุ่งนี้แฟนหอบเงินหนี คุณจะเหลืออะไร คุณต้องคิดในใจแบบนี้ไว้เสมอ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เรื่องบ้าน แม้เป็นชื่อคุณ แต่ถ้าได้มาหลังแต่ง ก็ยังถือเป็นสินสมรส ก็ระวังเรื่องโดนฟ้องตรงนี้ด้วยนะ
ปล. เราก็ทำแบบนี้นะ แยกกันเก็บกับสามี คอนโดก็ชื่อเรา แต่จัดเป็นสินสมรสเหมือนกัน ตอนโอนที่ดินก็ยังต้องมีเอกสารรับรองสามีเซ็นร่วมด้วยเลย (ของเราตรงไหนเนี่ย?!!!) บอกตรง ถึงแฟนเราค่อดคนดี แต่เราก็ไม่ไว้ใจหรอก เพราะใจคนมันยากแท้หยั่งถึง ใครจะไปรู้เริ่องอนาคตได้ แต่ไง..เราไม่ยอมเป็นหมามาหอนทีหลังแน่ๆอะนะ เอาที่เซฟตัวเอง+แฟร์กับเขาด้วย จะดีกว่าค่ะ
เอาแค่ประสบการณ์ที่เราพบเจอมาก็ได้ คนรอบตัวเราที่รักกันปานจะให้ชีวิตกันได้ 2 คู่ สุดท้ายมีปัญหาก็เข้าตามสูตรเป๊ะ! เรื่องเงินตีกันจะเป็นจะตาย ไม่นับหลายคู่ที่มาแชร์ในพันทิปก็แบบนี้ ก็จบกันที่ความไว้ใจทำร้ายกันได้ ก็เจอบ่อยๆไป คุณควรเอาเรื่องพวกเขามาเป็นบทเรียน อย่างน้อยช่วงนี้จะได้มีเวลาพอรับมือ ถ้าวันนั้นมาถึงจริง
เพราะงั้น ฟังแม่ และคุณต้องคิดไว้เสมอว่า ชีวิตคน อะไรก็ไม่แน่นอน ถ้าพรุ่งนี้แฟนหอบเงินหนี คุณจะเหลืออะไร คุณต้องคิดในใจแบบนี้ไว้เสมอ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม เรื่องบ้าน แม้เป็นชื่อคุณ แต่ถ้าได้มาหลังแต่ง ก็ยังถือเป็นสินสมรส ก็ระวังเรื่องโดนฟ้องตรงนี้ด้วยนะ
ปล. เราก็ทำแบบนี้นะ แยกกันเก็บกับสามี คอนโดก็ชื่อเรา แต่จัดเป็นสินสมรสเหมือนกัน ตอนโอนที่ดินก็ยังต้องมีเอกสารรับรองสามีเซ็นร่วมด้วยเลย (ของเราตรงไหนเนี่ย?!!!) บอกตรง ถึงแฟนเราค่อดคนดี แต่เราก็ไม่ไว้ใจหรอก เพราะใจคนมันยากแท้หยั่งถึง ใครจะไปรู้เริ่องอนาคตได้ แต่ไง..เราไม่ยอมเป็นหมามาหอนทีหลังแน่ๆอะนะ เอาที่เซฟตัวเอง+แฟร์กับเขาด้วย จะดีกว่าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ให้สามีเป็นคนเก็บเงิน แต่แม่ไม่เห็นด้วย ทำอย่างไรดีคะ
เรากับสามีมีรายได้ประจำกันทั้งคู่ และเขามีรายได้มากกว่า2เท่า แต่เราใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน สามีเป็นคนละเอียดแต่ไหนแต่ไร ประหยัด วางแผนการเงินการใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างดี (ทำได้ดีกว่าเรา) นอกจากนี้เราและสามีซื้อบ้านและรถด้วยกัน แต่เป็นชื่อเราคนเดียว เราจึงตกลงกันว่าเพื่อที่จะให้แฟร์กับเขา เลยให้เขาเป็นคนเก็บเงิน รวมถึงเงินเดือนของเราด้วย ซึ่งโดยปกติสามีจะโอนเงินมาให้เราไว้ใช้สอยแต่ละเดือน (มีเงินให้ซื้อของส่วนตัว ซึ่งเรากับสามีได้เท่ากัน) ไม่เคยมีปัญหา เงินผ่อนบ้าน รถ เป็นเงินจากกระเป๋าเดียวกัน เขาไม่เคยแบ่งแยกว่าเงินเขาเงินเรา แต่มองว่าเป็นของครอบครัว
พอแม่ของเรา (และญาติๆ) มารู้เข้าว่าสามีเป็นคนเก็บเงิน เขาไม่เห็นด้วยและไม่ชอบ อยากให้ต่างคนต่างเก็บ และทำให้เกิดเป็นประเด็นที่เราทะเลาะกับสามี
ส่วนนึงเราเข้าใจแม่ เพราะแม่เราแยกทางกับพ่อและญาติหลายคนมีชีวิตคู่ล้มเหลว จึงมีความเป็นห่วงและกังวลใจว่าสามีจะทำให้เราเสียใจ ต้องการให้เราปกป้องตัวเองไว้ก่อน
แต่เรามีความเชื่อเดียวกับสามี และมั่นใจในตัวเขา เพราะเขาไม่เคยทำให้ไม่ไว้ใจเลย โดยเฉพาะเรื่องเงินซึ่งจัดการได้ดีกว่าเรา
เราเคยคุยกับแม่เรื่องนี้หลายรอบแล้ว สามีก็รู้และไม่พอใจที่แม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัว ทะเลาะกับสามีเพราะเรื่องนี้หนักมาก แต่สามีเราใจเย็นลงและไม่เอาเรื่องทุกครั้ง แต่แม่เงียบได้ไม่นานก็จะกลับมาคุยเรื่องนี้อีก พอแม่กลับไปเยี่ยมญาติๆต่างจังหวัด ก็เอาเรื่องเราไปคุยและเอามารุมเรา สั่งให้เราเชื่อฟัง บอกว่าไม่มีญาติคนไหนเห็นด้วยเลย และว่าเราอกตัญญูและรักสามีมากกว่าแม่ (ฝังใจเรื่อยมาตั้งแต่ตอนจะแต่งงาน) และต้องการให้เราทำตามที่เขาบอกเพื่อแสดงออกว่าเรายังเชื่อฟังแม่ รักแม่
เรารักเคารพแม่ แต่เราก็คิดว่าเราโตพอที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อความสุขและอนาคตครอบครัวของเรากับสามี
ผิดไหมที่ให้สามีถือเงิน (แม่บอกใครเขาทำกัน ปกติมีแต่ให้ผู้หญิงถือ หรือแยกกันถือ แถมยังเป็นต่างชาติอีก กลัวเขาหอบเงินหนีไป)
ผิดไหมที่ไม่ทำตามที่แม่และญาติบอก (เราอายุ 30 กว่าแล้ว) และยังให้เกียรติและทำตามที่ตกลงกับสามีไว้ คือบ้านรถเป็นชื่อเรา ส่วนเขาเก็บเงินสด เราและสามีรักกันมาก ไม่เคยทะเลาะอะไรเลยนอกจากเรื่องแม่และญาติที่ชอบเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวเกินขอบเขต
เราคุยกับแม่ตรงๆมาตลอด แต่มันไม่จบสักที เรากำลังพยายามมีลูกด้วย เครียดมาก เคยคิดจะโกหกแม่ให้สบายใจจะได้จบๆ ไป แต่ก็เกรงว่าจะกลายไปเป็นปัญหาในอนาคต
อีกใจก็อยากยืนยันตามวิธีตัวเอง แต่ก็กลัวจะแตกหักกับแม่
ทำอย่างไรดีคะ
---
เพิ่มเติม:
- ส่วนตัวเรามีความเชื่อว่าครอบครัวเดียวกันควรใช้กระเป๋าเดียวกัน เราก็บริการเงินเป็น แต่สามีเป็นคนละเอียดเรื่องเงินมาก มากขนาดที่ว่าเราเทียบไม่ได้ เพราะเราเป็นแนวสบายๆกว่า และใช้เงินเก่งกว่า เราเลยให้เขานำจะได้ครอบคลุม
- เราเข้าถึงเงินทั้งหมดได้ เพราะ atm อยู่กับเรา
- เรามีเงินเก็บส่วนหนึ่งที่แบ่งกันเก็บกับสามีในชื่อเราเองนะคะ
- ส่วนเรื่องที่แม่รู้เรื่องเงินเพราะเราพลาดเองที่เขาบังเอิญไปรู้เข้าตอนเราทำเรื่องซื้อของ