เป็นวันที่ทะเลาะกับพ่อกับแม่หนักมาก
เขาคิดไปเอง รู้ทุกอย่าง มโนภาพขึ้นมาว่ามันต้องเป็นแบบนี้
เราอายุ 38ปี ที่ผ่านมากับพ่อแม่เราไม่เคยเถียง
เป็นคนเงียบถึงขั้นเก็บกด ทำตามอาจจะไม่ทุกอย่าง แต่ไม่เคยให้ท่านๆเดือดร้อน ไม่เคยขอเงินท่านใช้ตั้งแต่อายุ 15
ดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด
ผิดหวังเรื่องชีวิตคู่มาตลอด ส่งเงินให้ใช้ตามกำลังเท่าที่จะหาได้ เรามีลูกเป็นผู้หญิงทั้งสองคน จำเป็นต้องให้เขาเลี้ยง เราคนหาเงินเรากลับบ้านบ้างตามกำลังทรัพย์
เราแยกทางกับพ่อของลูก ช่วงที่หัวเลี้ยวหัวต่อกำลังจะเลิกไม่เลิก พ่อของลูกเขาก็ยังให้เงินเราโอนไปให้ลูกปกติ 3-4พัน พอเลิกกันเขาก็ส่งลูกบ้างไม่ส่งบ้าง
ส่วนเงินที่เราส่งก็หมุนเงินมาส่งทางบ้าน เพื่อให้เงินไม่บกพร่องลง ขอเท่าใหร่ก็หาหยิบยืมมาส่งให้ เพราะเรากลัวลูกไม่มีกิน กลับไปหาลูกบ่อย(แต่หนี้ก็เพิ่มขึ้นนะ)
มันไม่มีไรดีขึ้นเลยเหมือนใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ
จนเรามีแฟนใหม่ พ่อกับแม่ไม่พอใจไม่ให้เข้าบ้านบอกว่าเขาจะมาเกาะเรากิน เขาไม่ใช่คนดี(ไม่เคยเจอกัน)
ตอนแรกที่คบกันเขาทำงานไปทางด้านกฎหมายอยู่ใกล้ชิดทนาย เราก็บอกเขาไปแบบนั้น เขาก็ไปคิดเอาว่าอาชีพหลอกลวง อาชีพไม่มีเงินเดือน ถ้าเป็นคนดีจริงก็หาเงินมาผูกข้อไม้ข้อมือ(ตอนแรกบอกไม่ให้เข้าบ้าน)
เราก็บอกไปนะว่าในเมื่อไม่ยอมรับเขาแล้วจะให้เขาไปผูกข้อมือทำใม ว่าเราส่งเงินให้น้อยตั้งแต่มีแฟน เอาเงินพากันไปเที่ยวหมด หาเลี้ยงแฟนทุกอย่าง เขาพูดว่าเขารู้หมด(สร้างภาพเอาเองเพราะยังไม่เคยเจอ)
ขออธิบายก่อนว่า 1.ตอนที่อยู่กับพ่อของลูกเขาขับรถส่งคนเลยส่งเงินได้เยอะ 2.พอตอนที่เลิกกันไม่มีคนช่วยหาต้องหยิบยืมคนอื่นมา(แม่เลี้ยงเดี่ยว/และพ่อของลูกทิ้งหนี้ไว้)เพื่อหมุนให้ที่บ้าน
ไม่มีปันหาเกิดขึ้น อีกอย่างเราไม่พูดไม่เถียงไม่ถามหาให้อย่างเดียว 3.ตอนมีแฟนเราคุยกันถึงอนาคตวางแผนกันว่าจะออกมาแบบไหน เราต้องหยุดอะไรบ้าง หรือชลออะไรได้บ้าง (แฟนใหม่ไม่มีหนี้สินแต่ก็ไม่ใช่คนมีเงินมีแต่ทางเราที่มีปัญหา)ตัวเราเองเลยคิดเข้ามาในสมองใด้ว่าถ้าไม่เริ่มตอนนี้แล้วสิ้นพ่อแม่แล้วลูกของเราจะอยู่ยังไง บ้านเริ่มผุพังแล้ว เราเลยส่งเงินน้อยลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเงินได้นะเพราะต้องใช้หนี้ จุดนี้แหละ ที่ทำให้พ่อกับแม่ว่าเราหลงแฟนเชื่อแฟน ส่งเงินไห้น้อย ซึ้งเรารุ้ว่าไม่พอใช้เพราะหลานอีกสองคนเราเองก็ตัดทุกอย่างไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยไม่กินหรูไม่เที่ยวเพื่ออดเอาใว้ส่งให้เค้า วางแผนอนาคตเพื่อลูกจะได้ไม่ลำบาก มีบ้านอยู่ เค้าพูดว่านั้นมันเรื่องของ กูเกิดมาก่อนผ่านอะไรมาเยอะ จะอดตายก็เรื่องของ เราคิดว่าถ้าคนในครอบครัวไม่ช่วยกันเราจะเดินยังไง(สอนลูกเราว่าโตมาอย่าเป็นเหมือนแม่นะ)
ชอบเอาเรื่องเก่ามาพูด ไม่คิดถึงอนาคต ด่าเราว่าโง่ตั้งแต่จำความได้
สุดท้าย เราตัดสินใจเถียงยอมรับเลยว่าเถียงเพราะเกิดมาเราไม่เคยเถียง(เหมือนน้ำที่เต็มขวดจนมันล้นทะลุออกมาปากขวด) พอเถียงเท่านั้นแหละพ่อกับแม่กลายเป็นผู้รู้ทันที รู้ทุกอย่างด่าเราว่าเราโกหกต้องเป็นแบบที่เค้าคิด มันต้องใช่ต้องเป็นแบบนี้ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าต้องแก้ไขอะไรตรงใหน สิ่งที่เราคิดและทำมันผิดหรือ เพียงเพราะอยากสร้างเพื่อลูกเพื่ออนาคต ไม่อยากต้องมานั่งยืมเงินคนนู้นที คนนี้ที
สุดท้ายช่วยให้ความคิดเห็นกับเราหน่อยเราควรทำไงหรือเราบกพร่อง ผิดพลาดตรงใหน ล ขอเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตอกย้ำหรือด่านะคะ เพราะโดนมามากแล้วจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะเข้าพันทิปครั้งแรกค่ะ🙏🏻
ปัญหาครอบครัวใครเป็นแบบนี้บ้าง
เขาคิดไปเอง รู้ทุกอย่าง มโนภาพขึ้นมาว่ามันต้องเป็นแบบนี้
เราอายุ 38ปี ที่ผ่านมากับพ่อแม่เราไม่เคยเถียง
เป็นคนเงียบถึงขั้นเก็บกด ทำตามอาจจะไม่ทุกอย่าง แต่ไม่เคยให้ท่านๆเดือดร้อน ไม่เคยขอเงินท่านใช้ตั้งแต่อายุ 15
ดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด
ผิดหวังเรื่องชีวิตคู่มาตลอด ส่งเงินให้ใช้ตามกำลังเท่าที่จะหาได้ เรามีลูกเป็นผู้หญิงทั้งสองคน จำเป็นต้องให้เขาเลี้ยง เราคนหาเงินเรากลับบ้านบ้างตามกำลังทรัพย์
เราแยกทางกับพ่อของลูก ช่วงที่หัวเลี้ยวหัวต่อกำลังจะเลิกไม่เลิก พ่อของลูกเขาก็ยังให้เงินเราโอนไปให้ลูกปกติ 3-4พัน พอเลิกกันเขาก็ส่งลูกบ้างไม่ส่งบ้าง
ส่วนเงินที่เราส่งก็หมุนเงินมาส่งทางบ้าน เพื่อให้เงินไม่บกพร่องลง ขอเท่าใหร่ก็หาหยิบยืมมาส่งให้ เพราะเรากลัวลูกไม่มีกิน กลับไปหาลูกบ่อย(แต่หนี้ก็เพิ่มขึ้นนะ)
มันไม่มีไรดีขึ้นเลยเหมือนใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ
จนเรามีแฟนใหม่ พ่อกับแม่ไม่พอใจไม่ให้เข้าบ้านบอกว่าเขาจะมาเกาะเรากิน เขาไม่ใช่คนดี(ไม่เคยเจอกัน)
ตอนแรกที่คบกันเขาทำงานไปทางด้านกฎหมายอยู่ใกล้ชิดทนาย เราก็บอกเขาไปแบบนั้น เขาก็ไปคิดเอาว่าอาชีพหลอกลวง อาชีพไม่มีเงินเดือน ถ้าเป็นคนดีจริงก็หาเงินมาผูกข้อไม้ข้อมือ(ตอนแรกบอกไม่ให้เข้าบ้าน)
เราก็บอกไปนะว่าในเมื่อไม่ยอมรับเขาแล้วจะให้เขาไปผูกข้อมือทำใม ว่าเราส่งเงินให้น้อยตั้งแต่มีแฟน เอาเงินพากันไปเที่ยวหมด หาเลี้ยงแฟนทุกอย่าง เขาพูดว่าเขารู้หมด(สร้างภาพเอาเองเพราะยังไม่เคยเจอ)
ขออธิบายก่อนว่า 1.ตอนที่อยู่กับพ่อของลูกเขาขับรถส่งคนเลยส่งเงินได้เยอะ 2.พอตอนที่เลิกกันไม่มีคนช่วยหาต้องหยิบยืมคนอื่นมา(แม่เลี้ยงเดี่ยว/และพ่อของลูกทิ้งหนี้ไว้)เพื่อหมุนให้ที่บ้าน
ไม่มีปันหาเกิดขึ้น อีกอย่างเราไม่พูดไม่เถียงไม่ถามหาให้อย่างเดียว 3.ตอนมีแฟนเราคุยกันถึงอนาคตวางแผนกันว่าจะออกมาแบบไหน เราต้องหยุดอะไรบ้าง หรือชลออะไรได้บ้าง (แฟนใหม่ไม่มีหนี้สินแต่ก็ไม่ใช่คนมีเงินมีแต่ทางเราที่มีปัญหา)ตัวเราเองเลยคิดเข้ามาในสมองใด้ว่าถ้าไม่เริ่มตอนนี้แล้วสิ้นพ่อแม่แล้วลูกของเราจะอยู่ยังไง บ้านเริ่มผุพังแล้ว เราเลยส่งเงินน้อยลงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเงินได้นะเพราะต้องใช้หนี้ จุดนี้แหละ ที่ทำให้พ่อกับแม่ว่าเราหลงแฟนเชื่อแฟน ส่งเงินไห้น้อย ซึ้งเรารุ้ว่าไม่พอใช้เพราะหลานอีกสองคนเราเองก็ตัดทุกอย่างไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยไม่กินหรูไม่เที่ยวเพื่ออดเอาใว้ส่งให้เค้า วางแผนอนาคตเพื่อลูกจะได้ไม่ลำบาก มีบ้านอยู่ เค้าพูดว่านั้นมันเรื่องของ กูเกิดมาก่อนผ่านอะไรมาเยอะ จะอดตายก็เรื่องของ เราคิดว่าถ้าคนในครอบครัวไม่ช่วยกันเราจะเดินยังไง(สอนลูกเราว่าโตมาอย่าเป็นเหมือนแม่นะ)
ชอบเอาเรื่องเก่ามาพูด ไม่คิดถึงอนาคต ด่าเราว่าโง่ตั้งแต่จำความได้
สุดท้าย เราตัดสินใจเถียงยอมรับเลยว่าเถียงเพราะเกิดมาเราไม่เคยเถียง(เหมือนน้ำที่เต็มขวดจนมันล้นทะลุออกมาปากขวด) พอเถียงเท่านั้นแหละพ่อกับแม่กลายเป็นผู้รู้ทันที รู้ทุกอย่างด่าเราว่าเราโกหกต้องเป็นแบบที่เค้าคิด มันต้องใช่ต้องเป็นแบบนี้ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าต้องแก้ไขอะไรตรงใหน สิ่งที่เราคิดและทำมันผิดหรือ เพียงเพราะอยากสร้างเพื่อลูกเพื่ออนาคต ไม่อยากต้องมานั่งยืมเงินคนนู้นที คนนี้ที