แม้คนไทยส่วนใหญ่จะนับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งหลักคำสอนหลัก ๆ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา ให้รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ ให้อภัยแก่กันและกัน แต่เหมือนว่าคำสอนเหล่านี้จะไม่ซึมซับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในจิตใจของคนไทยซักเท่าไหร่ ซึ่งเห็นได้จาก
การอาฆาตมาดร้าย ฟ้องร้อง แก้แค้น เอาคืน ของคนในสังคม
การชิงดีชิงเด่นแบบเอาให้ตาย สร้างเครือข่าย จับกลุ่มกัน เพื่อล่าอำนาจ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ จากคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการสร้างหลักการบิด ๆ เบี้ยว ๆ ขึ้นมา แม้คนส่วนใหญ่มาก ๆ จะมองว่าบิดเบี้ยว
แต่คนใช้กฎเหล่านั้นก็เหมือนไม่สนใจ จะว่าก็ว่าไป (ก ใหญ่ซะอย่าง)
ขาดซึ่ง หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
ผิดไม่สนใจขอให้ฉันได้ประโยชน์ (ลาภ สรรเสริญ สุขสบาย ตำแหน่งใหญ่โต ) ก็พอ
แม้ผลของการกระทำจะกระทบคนส่วนมาก ก็ไม่สนใจ กระทบสังคม ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมง่อยเปรี้ย เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถอยหลังสองก้าว เรื่อยมา จึงทำให้สังคมไทยที่เคยเป็นสังคมพี่น้อง รัก และเอื้อเฟื้อต่อกัน กลายเป็น
สังคมเผชิญหน้า ฟ้องดะได้ทุกคน
ถ้าถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป
ลูกหลานไทยจะเป็นอย่างไร
สังคมไทยจะน่าอยู่ได้อย่างไร
และที่สำคัญประเทศไทยเดินต่อไป พัฒนาได้เหมือนนานาอารยประเทศ ได้อย่างไร
ขอผู้รู้ ผู้ไม่มีอคติ จงตอบเถิด
วิเคราะห์นิสัยคนไทยและสังคมไทย
การอาฆาตมาดร้าย ฟ้องร้อง แก้แค้น เอาคืน ของคนในสังคม
การชิงดีชิงเด่นแบบเอาให้ตาย สร้างเครือข่าย จับกลุ่มกัน เพื่อล่าอำนาจ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ จากคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการสร้างหลักการบิด ๆ เบี้ยว ๆ ขึ้นมา แม้คนส่วนใหญ่มาก ๆ จะมองว่าบิดเบี้ยว
แต่คนใช้กฎเหล่านั้นก็เหมือนไม่สนใจ จะว่าก็ว่าไป (ก ใหญ่ซะอย่าง)
ขาดซึ่ง หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
ผิดไม่สนใจขอให้ฉันได้ประโยชน์ (ลาภ สรรเสริญ สุขสบาย ตำแหน่งใหญ่โต ) ก็พอ
แม้ผลของการกระทำจะกระทบคนส่วนมาก ก็ไม่สนใจ กระทบสังคม ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมง่อยเปรี้ย เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถอยหลังสองก้าว เรื่อยมา จึงทำให้สังคมไทยที่เคยเป็นสังคมพี่น้อง รัก และเอื้อเฟื้อต่อกัน กลายเป็น
สังคมเผชิญหน้า ฟ้องดะได้ทุกคน
ถ้าถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป
ลูกหลานไทยจะเป็นอย่างไร
สังคมไทยจะน่าอยู่ได้อย่างไร
และที่สำคัญประเทศไทยเดินต่อไป พัฒนาได้เหมือนนานาอารยประเทศ ได้อย่างไร
ขอผู้รู้ ผู้ไม่มีอคติ จงตอบเถิด