ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเด็กที่ยังอ่อน ยังได้แต่
นอนหงาย เมื่อพี่เลี้ยงเผลอ ได้คว้าชิ้นไม้หรือกระเบื้อง
กลืนเข้าไป พี่เลี้ยงเห็นแล้ว ก็จะพยายามหาวิธีเอาออก
โดยเร็ว. เมื่อเอาออกไม่ได้โดยง่าย ก็ประคองศีรษะเด็ก
ด้วยมือซ้าย งอนิ้วมือขวาล้วงลงไปเกี่ยวขึ้นมา แม้จะถึง
โลหิตออกก็ต้องทำ.
ข้อนี้เพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเหตุว่า แม้เด็กนั้นจะได้รับความเจ็บปวดก็จริง
แต่พี่เลี้ยงที่หวังความปลอดภัยแก่เด็ก หวังจะช่วยเหลือเด็ก
มีความเอ็นดูเด็ก ก็ต้องทำเช่นนั้น เพราะความเอ็นดูนั้นเอง.
ครั้นเด็กเติบโตขึ้น มีความรู้เดียงสาพอควรแล้ว พี่เลี้ยง
ก็ปล่อยมือ ไม่จ้ำจี้จ้ำไชในเด็กนั้นเกินไป ด้วยคิดว่า
บัดนี้ เด็กคุ้มครองตัวเองได้แล้ว ไม่อาจจะไร้เดียงสา
อีกแล้ว ดังนี้, ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้ก็เช่นกัน :
ตราบใดที่ภิกษุยังมิได้ทำกิจในกุศลธรรมทั้งหลาย
อันตนจะต้องทำด้วยศรัทธา ด้วยหิริ ด้วยโอตตัปปะ
ด้วยวิริยะ และด้วยปัญญา,
ตราบนั้นเรายังจะต้องตามคุ้มครองภิกษุนั้น.
แต่เมื่อใดภิกษุนั้นได้ทำกิจในกุศลธรรมทั้งหลาย
อันตนจะต้องทำด้วยศรัทธา ด้วยหิริ ด้วยโอตตัปปะ
ด้วยวิริยะ ด้วยปัญญา สำเร็จแล้ว,
เราก็หมดห่วงในภิกษุนั้น ด้วยคิดว่าบัดนี้ ภิกษุนี้
คุ้มครองตนเองได้แล้ว ไม่อาจจะประพฤติหละหลวมอีก
ต่อไปแล้ว ดังนี้.
ปญฺจก. อํ. ๒๒/๖/๗.
ทรงเป็นพี่เลี้ยงให้แก่สาวก ชั่วระยะจำเป็น(พระสูตร)
นอนหงาย เมื่อพี่เลี้ยงเผลอ ได้คว้าชิ้นไม้หรือกระเบื้อง
กลืนเข้าไป พี่เลี้ยงเห็นแล้ว ก็จะพยายามหาวิธีเอาออก
โดยเร็ว. เมื่อเอาออกไม่ได้โดยง่าย ก็ประคองศีรษะเด็ก
ด้วยมือซ้าย งอนิ้วมือขวาล้วงลงไปเกี่ยวขึ้นมา แม้จะถึง
โลหิตออกก็ต้องทำ.
ข้อนี้เพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเหตุว่า แม้เด็กนั้นจะได้รับความเจ็บปวดก็จริง
แต่พี่เลี้ยงที่หวังความปลอดภัยแก่เด็ก หวังจะช่วยเหลือเด็ก
มีความเอ็นดูเด็ก ก็ต้องทำเช่นนั้น เพราะความเอ็นดูนั้นเอง.
ครั้นเด็กเติบโตขึ้น มีความรู้เดียงสาพอควรแล้ว พี่เลี้ยง
ก็ปล่อยมือ ไม่จ้ำจี้จ้ำไชในเด็กนั้นเกินไป ด้วยคิดว่า
บัดนี้ เด็กคุ้มครองตัวเองได้แล้ว ไม่อาจจะไร้เดียงสา
อีกแล้ว ดังนี้, ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้ก็เช่นกัน :
ตราบใดที่ภิกษุยังมิได้ทำกิจในกุศลธรรมทั้งหลาย
อันตนจะต้องทำด้วยศรัทธา ด้วยหิริ ด้วยโอตตัปปะ
ด้วยวิริยะ และด้วยปัญญา,
ตราบนั้นเรายังจะต้องตามคุ้มครองภิกษุนั้น.
แต่เมื่อใดภิกษุนั้นได้ทำกิจในกุศลธรรมทั้งหลาย
อันตนจะต้องทำด้วยศรัทธา ด้วยหิริ ด้วยโอตตัปปะ
ด้วยวิริยะ ด้วยปัญญา สำเร็จแล้ว,
เราก็หมดห่วงในภิกษุนั้น ด้วยคิดว่าบัดนี้ ภิกษุนี้
คุ้มครองตนเองได้แล้ว ไม่อาจจะประพฤติหละหลวมอีก
ต่อไปแล้ว ดังนี้.
ปญฺจก. อํ. ๒๒/๖/๗.