เอกชนหวั่นปัญหาสินค้าทุนต่ำต่างประเทศทุบตลาดไทยฝังรากลึก จี้รัฐใช้กฎหมายคุมเข้มข้น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4734799
เอกชนหวั่นปัญหาสินค้าทุนต่ำต่างประเทศทุบตลาดไทยฝังรากลึก จี้รัฐใช้กฎหมายคุมเข้มข้น
นาย
วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเข้ามาของสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ในการแข่งขันราคากับสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกลงเรื่อยๆ โดยสิ่งที่รัฐบาลควรต้องเร่งแก้ไขเพื่อผ่อนปรนผลกระทบให้เบาลง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจขาลงทั่วโลก ผู้บริโภคไม่กล้าจับจ่าย อะไรที่มีราคาถูกมาก ผู้บริโภคก็จะหันไปให้ความสนใจ ซึ่งส่งผลการเสียดุลการค้าของประเทศไทย ทำให้รัฐบาลจะต้องควบคุมการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มข้นที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เข้มข้นในการตรวจสอบการเข้ามาของสินค้าต่างประเทศว่ามีการเสียภาษีชัดเจนหรือไม่ มีคุณภาพได้มาตรฐานของไทยหรือไม่ การเข้ามาเปิดร้านค้าหรือทำธุรกิจในไทย ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่มีความยุติธรรมที่สุด
- มัดรวมโปรโมชั่นหั่นราคา
นาย
วิศิษฐ์กล่าวว่า แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ 1.การผลิตเพื่อส่งสินค้าออกตามปกติ และ 2.การขนส่งผ่านแดน หรือการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางรถ (Cross Border) ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยการขนส่งผ่านแดนในระยะหลังนี้มีแอพพลิเคชั่นใหม่ที่เข้ามาแข่งขันในตลาด ทำให้ต้นทุนส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคต่ำลงมาก รวมถึงใช้โปรโมชั่นไม่เสียค่าส่งจูงใจผู้บริโภค ล่าสุดมีการพัฒนาแอพพ์ขึ้นมารวมคำสั่งซื้อจำนวนมากๆ เพื่อสั่งผลิตสินค้าจำนวนหลายล้านชิ้นในครั้งเดียว เพื่อให้ต้นทุนราคาต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าได้รับความสนใจจากผู้บริโภคสูงมาก เพราะราคาถูกและมีความห่างชั้นของราคาสินค้าที่ไทยผลิตเอง
“
เรายังไม่ต้องมีมาตรการใหม่ที่จริงจังเหมือนหลายประเทศไทยใช้ อาทิ การกีดกันการค้าผ่านการขึ้นภาษีสูงๆ แบบนี้ เรื่องที่ควรทำในตอนนี้คือการบังคับใช้กฎหมายตามที่มีอยู่ให้เข้มข้น ถือเป็นตัวที่ช่วยได้แล้วในเบื้องต้น ส่วนในระยะกลางและยาว ประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยี ความสามารถในการผลิต และการแข่งขันแบบรอบด้าน เพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันได้ และไม่ถูกทดแทนได้ง่าย ซึ่งถือเป็นการปรับตัวและพัฒนาในภาคเอกชนผู้ผลิตเอง ต้องผลิตสินค้ายึดหลักคุณภาพ ตรงต่อเวลาในการส่งมอบ และรับผิดชอบสินค้าหลังส่งมอบแล้วด้วย เพื่อให้แบรนด์สินค้ามีความน่าเชื่อถือ สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว” นาย
วิศิษฐ์กล่าว
- แนะรัฐออกมาตรการหนุนใช้จ่ายเพิ่ม
นาย
วิศิษฐ์กล่าวต่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลต้องทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงิน อาทิ กระทรวงพาณิชย์นำผู้ประกอบการที่มีสินค้าหลายหมวดหมู่จัดจำหน่ายในพื้นที่ที่จัดสรรไว้ เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ผลิต ซึ่งผู้ผลิตที่อยู่ในภาวะตลาดขาลงมีความตั้งใจร่วมด้วยอยู่แล้วในการลดราคาจำหน่าย เพื่อระบายสินค้าในสต๊อกและช่วยผู้บริโภค ส่วนแง่มุมอื่นๆ ก็อยากให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อช่วยหมุนเวียนเม็ดเงินและเศรษฐกิจในภาพรวม ผ่อนเบาปัญหาสินค้าต้นทุนต่ำจากต่างประเทศที่เข้ามาทุบตลาดไทยด้วย
- หวังคดีนายกผ่านไปได้ด้วยดี
นาย
วิศิษฐ์กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะคำวินิจฉัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นก็ขอให้เป็นไปในระยะเวลาอันสั้น หาทางออกได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหานายกฯใหม่ หรือการรวมพรรคการเมืองอย่างไรก็ตาม ขอเพียงดำเนินการให้รวดเร็ว เกิดสุญญากาศทางการเมืองน้อยที่สุด เพราะขณะนี้ถือเป็นช่วงขาลงของเศรษฐกิจ เพื่อให้มีฝ่ายบริหารที่สามารถตัดสินใจดำเนินการอะไรได้อย่างทันถ่วงที เราไม่สามารถขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปได้ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่ทุกคนอยู่ในความยากลำบากจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ใจป้ำ แจกด่วน เงินสด กระตุ้นศก. สูงสุด 1 หมื่น อายุเกิน 21 ถ้าเข้าเงื่อนไขได้หมด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4734183
สิงคโปร์ใจป้ำ แจกด่วน เงินสด กระตุ้นศก. สูงสุด 1 หมื่น อายุเกิน 21 ถ้าเข้าเงื่อนไขได้หมด
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม สื่อต่างประเทศรายงานว่า ชาวสิงคโปร์กว่า 2.4 ล้านคน จะได้รับเงินสดช่วยเหลือสูงสุด 400 ดอลลาร์ (10,000 บาท) ในเดือนกันยายนนี้
ชาวสิงคโปร์ที่เข้าเกณฑ์ จะได้รับเงินระหว่าง 200 (5,000 บาท) ถึง 400 ดอลลาร์ (10,000 บาท) ซึ่งขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้รับด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือกับปัญหาค่าครองชีพ เงินอุดหนุนดังกล่าว จะจ่ายให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และจะต้องไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเองมากกว่า 1 รายการ
ก่อนหน้านี้
ลอว์เรนซ์ หว่อง ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศในงบประมาณปี 2567 ว่า รัฐบาลจะเพิ่มแพคเกจประกันอีก 1.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อช่วยเหลือปัญหาค่าครองชีพด้วย
นอกจากการจ่ายเงินสดในเดือนกันยายนแล้ว ชาวสิงคโปร์ยังมีสิทธิได้รับการสนับสนุนเพิ่มด้วย อาทิ ส่วนลด U-Save, บัตรกำนัลสภาการพัฒนาชุมชน (CDC), ส่วนลดค่าบริการและการอนุรักษ์ (S&CC) และการจ่ายเงินสดเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินสดอัตโนมัติ ในเดือนกันยายนนี้ จะต้องเชื่อมโยงข้อมูล NRIC เข้ากับ PayNow ภายในวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อทำให้รับเงินไวขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน
ที่มา
CNA
ปารมี จ่อตั้งกระทู้ถาม รมว.ศธ. ปมเสนอตั้ง ศุภชัย นั่งประธานบอร์ดสมศ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4734745
ปารมี จ่อตั้งกระทู้ถาม รมว.ศธ. ปมเสนอตั้ง ศุภชัย นั่งประธานบอร์ดสมศ. หลังมีข้อสงสัยถึงผลงานและประสบการณ์การประเมินคุณภาพการศึกษา
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน คณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) รวม 7 คน ซึ่ง ประธาน สมศ. คือ นาย
ศุภชัย เจียรวนนท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ผู้วื่อข่าวรายงานว่า
ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น “X” ระบุว่า
“ดิ
ฉันรู้สึกแปลกใจที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคุณ ศุภชัย เจียรวนนท์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ สมศ. หรือสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา องค์การมหาชนในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ดิฉันทราบดีว่า คุณศุภชัย เจียรวนนท์ มีความรู้ความสามารถในการบริหารธุรกิจของตนเองจนประสบความสำเร็จ และถึงแม้ว่าคุณศุภชัย จะมีโอกาสได้บริหารงานสถาบันการศึกษาในสังกัดบริษัทของตัวเองหลายสถาบัน เช่น วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ (ซึ่งศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ ยังมีนักการศึกษาหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมจึงได้รับอนุมัติให้จัดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภาคเอกชนอื่น ๆ ยื่นขอจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติได้ยากเย็นแสนเข็ญมาก ๆ)
[แต่ในประเด็นผลงานและประสบการณ์ด้านการประเมินคุณภาพการศึกษานั้น ดิฉันยังมีข้อสงสัยว่าคุณศุภชัย เคยมีผลงานและประสบการณ์ในด้านนี้อย่างโดดเด่นมาก่อนหรือไม่?]
ซึ่งข้อสงสัยนี้ดิฉันจะได้เสนอตั้งกระทู้ถามต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรต่อไปค่ะ
https://x.com/AjJuang/status/1823365207445696603
JJNY : หวั่นสินค้าทุนต่ำตปท.ทุบตลาดไทย│สิงคโปร์ใจป้ำ แจกด่วนเงินสด│ปารมี จ่อตั้งกระทู้ถาม รมว.ศธ.│วันนี้ 30 จว.เจอฝนถล่ม
https://www.matichon.co.th/economy/news_4734799
เอกชนหวั่นปัญหาสินค้าทุนต่ำต่างประเทศทุบตลาดไทยฝังรากลึก จี้รัฐใช้กฎหมายคุมเข้มข้น
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเข้ามาของสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ในการแข่งขันราคากับสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกลงเรื่อยๆ โดยสิ่งที่รัฐบาลควรต้องเร่งแก้ไขเพื่อผ่อนปรนผลกระทบให้เบาลง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจขาลงทั่วโลก ผู้บริโภคไม่กล้าจับจ่าย อะไรที่มีราคาถูกมาก ผู้บริโภคก็จะหันไปให้ความสนใจ ซึ่งส่งผลการเสียดุลการค้าของประเทศไทย ทำให้รัฐบาลจะต้องควบคุมการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มข้นที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เข้มข้นในการตรวจสอบการเข้ามาของสินค้าต่างประเทศว่ามีการเสียภาษีชัดเจนหรือไม่ มีคุณภาพได้มาตรฐานของไทยหรือไม่ การเข้ามาเปิดร้านค้าหรือทำธุรกิจในไทย ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่มีความยุติธรรมที่สุด
- มัดรวมโปรโมชั่นหั่นราคา
นายวิศิษฐ์กล่าวว่า แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ 1.การผลิตเพื่อส่งสินค้าออกตามปกติ และ 2.การขนส่งผ่านแดน หรือการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางรถ (Cross Border) ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยการขนส่งผ่านแดนในระยะหลังนี้มีแอพพลิเคชั่นใหม่ที่เข้ามาแข่งขันในตลาด ทำให้ต้นทุนส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคต่ำลงมาก รวมถึงใช้โปรโมชั่นไม่เสียค่าส่งจูงใจผู้บริโภค ล่าสุดมีการพัฒนาแอพพ์ขึ้นมารวมคำสั่งซื้อจำนวนมากๆ เพื่อสั่งผลิตสินค้าจำนวนหลายล้านชิ้นในครั้งเดียว เพื่อให้ต้นทุนราคาต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าได้รับความสนใจจากผู้บริโภคสูงมาก เพราะราคาถูกและมีความห่างชั้นของราคาสินค้าที่ไทยผลิตเอง
“เรายังไม่ต้องมีมาตรการใหม่ที่จริงจังเหมือนหลายประเทศไทยใช้ อาทิ การกีดกันการค้าผ่านการขึ้นภาษีสูงๆ แบบนี้ เรื่องที่ควรทำในตอนนี้คือการบังคับใช้กฎหมายตามที่มีอยู่ให้เข้มข้น ถือเป็นตัวที่ช่วยได้แล้วในเบื้องต้น ส่วนในระยะกลางและยาว ประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยี ความสามารถในการผลิต และการแข่งขันแบบรอบด้าน เพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันได้ และไม่ถูกทดแทนได้ง่าย ซึ่งถือเป็นการปรับตัวและพัฒนาในภาคเอกชนผู้ผลิตเอง ต้องผลิตสินค้ายึดหลักคุณภาพ ตรงต่อเวลาในการส่งมอบ และรับผิดชอบสินค้าหลังส่งมอบแล้วด้วย เพื่อให้แบรนด์สินค้ามีความน่าเชื่อถือ สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว” นายวิศิษฐ์กล่าว
- แนะรัฐออกมาตรการหนุนใช้จ่ายเพิ่ม
นายวิศิษฐ์กล่าวต่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลต้องทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงิน อาทิ กระทรวงพาณิชย์นำผู้ประกอบการที่มีสินค้าหลายหมวดหมู่จัดจำหน่ายในพื้นที่ที่จัดสรรไว้ เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ผลิต ซึ่งผู้ผลิตที่อยู่ในภาวะตลาดขาลงมีความตั้งใจร่วมด้วยอยู่แล้วในการลดราคาจำหน่าย เพื่อระบายสินค้าในสต๊อกและช่วยผู้บริโภค ส่วนแง่มุมอื่นๆ ก็อยากให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อช่วยหมุนเวียนเม็ดเงินและเศรษฐกิจในภาพรวม ผ่อนเบาปัญหาสินค้าต้นทุนต่ำจากต่างประเทศที่เข้ามาทุบตลาดไทยด้วย
- หวังคดีนายกผ่านไปได้ด้วยดี
นายวิศิษฐ์กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะคำวินิจฉัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นก็ขอให้เป็นไปในระยะเวลาอันสั้น หาทางออกได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหานายกฯใหม่ หรือการรวมพรรคการเมืองอย่างไรก็ตาม ขอเพียงดำเนินการให้รวดเร็ว เกิดสุญญากาศทางการเมืองน้อยที่สุด เพราะขณะนี้ถือเป็นช่วงขาลงของเศรษฐกิจ เพื่อให้มีฝ่ายบริหารที่สามารถตัดสินใจดำเนินการอะไรได้อย่างทันถ่วงที เราไม่สามารถขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปได้ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันที่ทุกคนอยู่ในความยากลำบากจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ใจป้ำ แจกด่วน เงินสด กระตุ้นศก. สูงสุด 1 หมื่น อายุเกิน 21 ถ้าเข้าเงื่อนไขได้หมด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4734183
สิงคโปร์ใจป้ำ แจกด่วน เงินสด กระตุ้นศก. สูงสุด 1 หมื่น อายุเกิน 21 ถ้าเข้าเงื่อนไขได้หมด
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม สื่อต่างประเทศรายงานว่า ชาวสิงคโปร์กว่า 2.4 ล้านคน จะได้รับเงินสดช่วยเหลือสูงสุด 400 ดอลลาร์ (10,000 บาท) ในเดือนกันยายนนี้
ชาวสิงคโปร์ที่เข้าเกณฑ์ จะได้รับเงินระหว่าง 200 (5,000 บาท) ถึง 400 ดอลลาร์ (10,000 บาท) ซึ่งขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้รับด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือกับปัญหาค่าครองชีพ เงินอุดหนุนดังกล่าว จะจ่ายให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และจะต้องไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเองมากกว่า 1 รายการ
ก่อนหน้านี้ ลอว์เรนซ์ หว่อง ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศในงบประมาณปี 2567 ว่า รัฐบาลจะเพิ่มแพคเกจประกันอีก 1.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อช่วยเหลือปัญหาค่าครองชีพด้วย
นอกจากการจ่ายเงินสดในเดือนกันยายนแล้ว ชาวสิงคโปร์ยังมีสิทธิได้รับการสนับสนุนเพิ่มด้วย อาทิ ส่วนลด U-Save, บัตรกำนัลสภาการพัฒนาชุมชน (CDC), ส่วนลดค่าบริการและการอนุรักษ์ (S&CC) และการจ่ายเงินสดเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินสดอัตโนมัติ ในเดือนกันยายนนี้ จะต้องเชื่อมโยงข้อมูล NRIC เข้ากับ PayNow ภายในวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อทำให้รับเงินไวขึ้นก่อนวันที่ 5 กันยายน
ที่มา CNA
ปารมี จ่อตั้งกระทู้ถาม รมว.ศธ. ปมเสนอตั้ง ศุภชัย นั่งประธานบอร์ดสมศ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4734745
ปารมี จ่อตั้งกระทู้ถาม รมว.ศธ. ปมเสนอตั้ง ศุภชัย นั่งประธานบอร์ดสมศ. หลังมีข้อสงสัยถึงผลงานและประสบการณ์การประเมินคุณภาพการศึกษา
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน คณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) รวม 7 คน ซึ่ง ประธาน สมศ. คือ นายศุภชัย เจียรวนนท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ผู้วื่อข่าวรายงานว่า ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น “X” ระบุว่า
“ดิฉันรู้สึกแปลกใจที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคุณ ศุภชัย เจียรวนนท์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ สมศ. หรือสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา องค์การมหาชนในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ดิฉันทราบดีว่า คุณศุภชัย เจียรวนนท์ มีความรู้ความสามารถในการบริหารธุรกิจของตนเองจนประสบความสำเร็จ และถึงแม้ว่าคุณศุภชัย จะมีโอกาสได้บริหารงานสถาบันการศึกษาในสังกัดบริษัทของตัวเองหลายสถาบัน เช่น วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ (ซึ่งศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ ยังมีนักการศึกษาหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมจึงได้รับอนุมัติให้จัดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภาคเอกชนอื่น ๆ ยื่นขอจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติได้ยากเย็นแสนเข็ญมาก ๆ)
[แต่ในประเด็นผลงานและประสบการณ์ด้านการประเมินคุณภาพการศึกษานั้น ดิฉันยังมีข้อสงสัยว่าคุณศุภชัย เคยมีผลงานและประสบการณ์ในด้านนี้อย่างโดดเด่นมาก่อนหรือไม่?]
ซึ่งข้อสงสัยนี้ดิฉันจะได้เสนอตั้งกระทู้ถามต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรต่อไปค่ะ
https://x.com/AjJuang/status/1823365207445696603