อนัตตา:กฎธรรมชาติอย่างหนึ่งเป็นคำสอนหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่มีผู้กำหนดเองได้
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน เมื่ออริยสาวกเห็นร่างกายโดยความเป็นธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน ความสำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนย่อมไม่มีหลงเหลือ เป็นสักแต่ว่าเพียงก้อนธาตุหรือองค์ประกอบย่อยต่างๆที่มารวมกันเข้าไว้ อุปมาเหมือนนายโคฆาตก์ผู้ฉลาดชำแหละเนื้อแม่โคไว้ตรงทางสี่แพร่งแล้ว แม่โคหายไปกลายเป็นชิ้นเนื้อ ชนผู้ต้องการชิ้นเนื้อสำคัญแม่โคที่ซื้อนั้นสักแต่ว่าเพียงชิ้นเนื้อ มิได้สำคัญว่าเป็นสัตว์(ตัวโค)แต่อย่างใด เป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้ เกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้ การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย เหตุปัจจัยมี มันก็เกิดขึ้น เหตุปัจจัยหมด มันก็ดับ มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆ มีความสลายไปเป็นธรรมดา แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ผู้ใด
อนัตตลักขณสูตร
(ขันธ์5รูป=ร่างกาย เวทนา=ความรู้สึก สัญญา=ความจำ สังขาร=ความดำริ วิญญาณ=อธิบดีแห่งขันธ์4ผู้บริหารและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์ทั้ง4-รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร)
ตอนที่ 1 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลยก็ไม่ได้ตามใจปรารถนา
ตอนที่ 2
(พระพุทธเจ้า)ตรัสถามว่า ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 อริยสาวกคือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ อริยสาวกย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะในปัจจุบันทีเดียว (อัสมิมานะแปลว่าอัตตาตัวตน)
(2)ละสังโยชน์ข้อที่1ได้-สักกายทิฏฐิ=ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน (สังโยชน์แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย (ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
(4)อริยสาวกเมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า ร่างกายนี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา อริยสาวกย่อมเบื่อหน่ายในร่างกาย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วอริยสาวกย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อะไรปิดบังอนัตตลักษณะมิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ สิ่งทั้งหลายที่เรียกชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนเกิดจากเอาส่วนประกอบทั้งหลายมารวบรวมปรุงแต่งขึ้น เมื่อแยกย่อยส่วนประกอบเหล่านั้นออกไปแล้ว สิ่งที่เป็นหน่วยรวมซึ่งเรียกชื่อว่าอย่างนั้นๆก็ไม่มี โดยทั่วไปมนุษย์มองไม่เห็นความจริงนี้เพราะถูก “ฆนสัญญา” คือความจําหมายหรือความสําคัญหมายเป็นหน่วยรวมคอยปิดบังไว้
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มีมีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏ ต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)จึงปรากฏออกมาให้เห็น
(4)สุนัขเห่าใส่กระจกเพราะนึกว่าเป็นสุนัขอีกตัวที่เข้ามาแย่งอาหาร
(ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยป.อ.ปยุตโต)
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากสั้น ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากยาว
(3)ต้นไม้
ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่
แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(4)ดอกดาวเรือง
ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน
ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง
(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(5)ไม้น้ำประดับตู้ปลา
ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะเหตุ-ปัจจัยคือวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน
(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา
ไก่ตอน-ตัวโต
ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
(5)กิ้งก่าเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบๆตัว
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน
คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน
ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ
1)เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง
2)เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
3)เจนวาย(2523-2540)ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
4)เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย
5)เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ที่ไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกัน เช่น
จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาท
จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาท
ผิดกัน46เท่า
(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896(ชาย162ซม.,หญิง151ซม.)
เกิดในปี1996(ชาย171ซม.,หญิง159ซม.)
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)กรรมพันธุ์
2)โภชนาการโดยเฉพาะโปรตีน
3)สุขภาพแม่และเด็ก
4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคมและเศรษฐกิจ
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่
เกิดในปี2021-32ปี
เกิดในปี2021-71ปี
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)โภชนาการ
2)สาธารณสุข
3)คุณภาพชีวิต
4)เศรษฐกิจ
5)ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา (จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี) อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลก
ในปี1900-6คน
ในปี2023-2คน
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด
2)การศึกษาของผู้หญิง
3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย
5)พ่อแม่รุ่นใหม่เอาคุณภาพมาก่อนปริมาณ ถ้าหากไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรของตนให้มีมาตรฐานสูงตามที่ตนตั้งไว้ก็เลือกที่จะไม่มีบุตรเลย
6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้
ปี1800-12%
ปี1900-20%
ปี2023-87%(บางคนพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา)
(7)คนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้
เป็นคริสเตียน-71%/29%
เป็นพุทธ-6%/23%
ไม่มีศาสนา-23%/46%
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเปอร์เซ็นต์การนับถือศาสนาของคนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้ถึงแตกต่างกันมากนัก
(ข้อมูล pewresearch.org )
(8)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-สำเนียงพูดภาษาไทยของคนต่างชาติจะไม่เหมือนกับคนไทย เพราะมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(9)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะไม่ได้ยินเสียงเลยพูดไม่ได้ แม้กล่องเสียงจะปกติดี
(10)ข้อมูล+ประสบการณ์ที่เคยได้รับแบบเดียวกัน=ย่อมสร้างการตัดสินใจแบบเดียวกันในมนุษย์
สิ่งไม่มีชีวิต:
(1)ราคาน้ำในประเทศตะวันออกกลางแพงกว่าประเทศอื่นๆเพราะภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
(2)ราคาซีฟู้ดในภาคใต้ถูกกว่าอีสานเพราะภาคใต้ติดทะเล
(3)ไก่kfcขายดีในประเทศอิสลาม แต่ฟาสต์ฟู้ดmcdonaldขายไม่ดีในประเทศอิสลามเพราะคนอิสลามไม่กินเนื้อหมู กินแต่เนื้อไก่
(4)ราคาน้ำมัน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
1)ดอกเบี้ยนโยบาย
2)ค่าเงินดอลลาร์
3)อุปสงค์-อุปทาน
4)ราคาน้ำมัน(อัตราเงินเฟ้อ)
(5)สภาพภูมิอากาศ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
1)เส้นรุ้งหรือละติจูด,เส้นขวาง-แนวนอน
2)การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
3)ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
4)พื้นดินและพื้นน้ำ
5)ความสามารถในการสะท้อนแสงของพื้นผิวโลก 6)ระดับความสูงของพื้นที่
7)ปริมาณเมฆ
(ข้อมูล trueplookpanya.com)
มนุษย์เหมือนกับต้นไม้(nature+nurture)
ต้นไม้=พันธุกรรม+เหตุปัจจัย(ดิน,น้ำ,ปุ๋ย,แสงแดด)
มนุษย์=พันธุกรรม+เหตุปัจจัย(สิ่งแวดล้อม/การเลี้ยงดู)
ปุจฉา:ก็ในเมื่อทุกสิ่งเป็นอนัตตาแล้ว ใครเป็นผู้สร้างกรรมและเสวยผลของกรรมเล่า?
วิสัชนา:ผู้สร้างกรรมไม่มีและผู้เสวยผลของกรรมก็ไม่มี ธรรมล้วนๆเป็นไปอย่างเดียว นี้เป็นสัมมาทัสสนะคือความเห็นโดยชอบ
(ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า1002)
ข้อมูล:
(1)คัมภีร์วิสุทธิมรรค
(2)คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี
(3)พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
(4)84000.org
(5)wikipedia.com
(6)google.com
(7)youtube.com
(8)ppantip.com
(9)ourworldindata.org
(10)statista.com
(11)pewresearch.org
ธรรมะเฉพาะอนัตตาเรื่องเดียว
อนัตตา:ร่างกายที่มาประกอบเป็นตัวเรานี่เป็นเพียงธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน เมื่ออริยสาวกเห็นร่างกายโดยความเป็นธาตุ4ที่มาประชุมรวมกัน ความสำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนย่อมไม่มีหลงเหลือ เป็นสักแต่ว่าเพียงก้อนธาตุหรือองค์ประกอบย่อยต่างๆที่มารวมกันเข้าไว้ อุปมาเหมือนนายโคฆาตก์ผู้ฉลาดชำแหละเนื้อแม่โคไว้ตรงทางสี่แพร่งแล้ว แม่โคหายไปกลายเป็นชิ้นเนื้อ ชนผู้ต้องการชิ้นเนื้อสำคัญแม่โคที่ซื้อนั้นสักแต่ว่าเพียงชิ้นเนื้อ มิได้สำคัญว่าเป็นสัตว์(ตัวโค)แต่อย่างใด เป็นไปตามหลักธรรมชาติที่สิ่งหนึ่งต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่งไม่สามารถมีอยู่เองตามลำพังได้ เกิดขึ้นเองลอยๆไม่ได้ การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น เป็นเพียงสภาวธรรมที่ถูกเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเลย เหตุปัจจัยมี มันก็เกิดขึ้น เหตุปัจจัยหมด มันก็ดับ มีแต่ร่างกายที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ก็สิ่งที่ปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ย่อมจะกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราปรากฏทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความสลายไป ฉะนั้นข้อที่ผู้ใดจะพึงกล่าวว่า ร่างกายเป็นอัตตาดังนี้จึงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายจึงเป็นอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา ร่างกายมีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ถูกบีบคั้นให้สลายอยู่เนืองๆ มีความสลายไปเป็นธรรมดา แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น จึงทรงดับขันธปรินิพพาน ร่างกายจึงเป็น"อนัตตา"เพราะไม่เป็นไปตาม"อาณัติ"ผู้ใด
อนัตตลักขณสูตร
(ขันธ์5รูป=ร่างกาย เวทนา=ความรู้สึก สัญญา=ความจำ สังขาร=ความดำริ วิญญาณ=อธิบดีแห่งขันธ์4ผู้บริหารและรับรู้อารมณ์ทางขันธ์ทั้ง4-รูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร)
ตอนที่ 1 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นอนัตตา มิใช่อัตตาตัวตน ถ้าขันธ์5นี้ พึงเป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลก็พึงได้ในขันธ์5นี้ว่า ขอให้เป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลยก็ไม่ได้ตามใจปรารถนา
ตอนที่ 2
(พระพุทธเจ้า)ตรัสถามว่า ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า"
(พระพุทธเจ้า)สิ่งใดไม่เที่ยงเป็นทุกข์มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ควรหรือหนอที่จะเห็นสิ่งนั้นว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?
(ภิกษุปัญจวัคคีย์)"ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า"
ตอนที่ 3 ขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็สักแต่ว่าเป็นรูป เป็นเวทนา เป็นสัญญา เป็นสังขาร เป็นวิญญาณ ควรเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ตอนที่ 4 อริยสาวกคือผู้ได้สดับแล้วอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายในขันธ์5รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ อริยสาวกย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
(ข้อมูล wikipedia.com)
ประโยชน์ของการเห็นอนัตตา:
(1)ดังพระพุทธพจน์ตอนหนึ่งมีว่าผู้ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพานอันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะในปัจจุบันทีเดียว (อัสมิมานะแปลว่าอัตตาตัวตน)
(2)ละสังโยชน์ข้อที่1ได้-สักกายทิฏฐิ=ความเห็นว่าเป็นอัตตาของตน (สังโยชน์แปลว่ากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร)
(3)ความไม่ยึดติดจะเกิดจากปัญญาที่เห็นว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย (ข้อมูล รายการทีวีสามเณรปลูกปัญญาธรรม พระอาจารย์ชยสาโร)
(4)อริยสาวกเมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า ร่างกายนี่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นี่ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา อริยสาวกย่อมเบื่อหน่ายในร่างกาย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วอริยสาวกย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้นแล้วดังนี้ ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อะไรปิดบังอนัตตลักษณะมิให้ปรากฏ:
ท่านกล่าวว่า เพราะมิได้มนสิการความแยกย่อยออกเป็นธาตุต่างๆก็ถูก “ฆนะ” คือความเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นชิ้นเป็นอันเป็นมวลหรือเป็นหน่วยรวมปิดบังไว้ อนัตตลักษณะจึงไม่ปรากฏ สิ่งทั้งหลายที่เรียกชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนเกิดจากเอาส่วนประกอบทั้งหลายมารวบรวมปรุงแต่งขึ้น เมื่อแยกย่อยส่วนประกอบเหล่านั้นออกไปแล้ว สิ่งที่เป็นหน่วยรวมซึ่งเรียกชื่อว่าอย่างนั้นๆก็ไม่มี โดยทั่วไปมนุษย์มองไม่เห็นความจริงนี้เพราะถูก “ฆนสัญญา” คือความจําหมายหรือความสําคัญหมายเป็นหน่วยรวมคอยปิดบังไว้
(1)เสื้อปิดบังตาหลอกไว้ไม่ได้มองเห็นเนื้อผ้าที่ปรุงแต่งขึ้นเป็นรูปเสื้อนั้น ซึ่งว่าที่จริงผ้านั้นเองก็ไม่มีมีแต่เส้นด้ายมากมายที่มาเรียงกันเข้าตามระเบียบถ้าแยกด้ายทั้งหมดออกจากกัน ผ้านั้นเองก็ไม่มี
(2)เด็กที่มองเห็นแต่รูปตุ๊กตาเพราะถูกภาพตัวตนของตุ๊กตาปิดบังหลอกตาไว้ ไม่ได้มองถึงเนื้อยางซึ่งเป็นสาระที่แท้จริงของตัวตุ๊กตานั้น เมื่อจับเอาแต่ตัวจริง ก็มีแต่เนื้อยาง หามีตุ๊กตาไม่ แม้เนื้อยางนั้นเองก็เกิดจากส่วนผสมต่างๆมาปรุงแต่งขึ้นต่อๆกันมา
(3)สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)ถูกแสงสีขาวปิดบังไว้ไม่ให้ปรากฏ ต่อเมื่อเอาพีระมิดปริซึมหรือแผ่นดิสก์มาวางให้แสงสีขาวสะท้อนผ่าน สีรุ้ง(แดง,แสด,เหลือง,เขียว,น้ำเงิน,คราม,ม่วง)จึงปรากฏออกมาให้เห็น
(4)สุนัขเห่าใส่กระจกเพราะนึกว่าเป็นสุนัขอีกตัวที่เข้ามาแย่งอาหาร
(ข้อมูล หนังสือพุทธธรรมฉบับปรับขยายโดยป.อ.ปยุตโต)
พืช:
(1)ผักไฮโดรโปนิกส์ต้นเท่ากันทุกต้น เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกต้นได้
(2)ผักไฮโดรโปนิกส์-ต้นใหญ่ รากสั้น ผักปลูกลงดิน-ต้นเล็ก รากยาว
(3)ต้นไม้
ดินทราย-ต้นเล็ก ดินร่วน-ต้นใหญ่
แสงน้อย-โตช้า แสงมาก-โตเร็ว
(4)ดอกดาวเรือง
ถ้าปลูกในฤดูหนาวใช้เวลาออกดอก60วัน
ถ้าปลูกในฤดูร้อนใช้เวลาออกดอก70วัน เพราะในช่วงดังกล่าวดาวเรืองจะเจริญเติบโตทางต้นดีและออกดอกช้าลง
(ข้อมูล trathospital.go.th ดาวเรืองไฟล์pdf)
(5)ไม้น้ำประดับตู้ปลา
ปลูกในน้ำ-ใบสีแดง ปลูกบนบก-ใบสีเขียว
สัตว์:
(1)ไก่ซีพีเลี้ยงในฟาร์มน้ำหนักเท่ากันทุกตัว เพราะสามารถควบคุมเหตุ-ปัจจัยให้เท่ากันทุกตัวได้
(2)ไก่ฟาร์มน้ำหนักมากกว่าไก่บ้าน25% เพราะเหตุ-ปัจจัยคือวิธีเลี้ยงไม่เหมือนกัน
(ข้อมูล คู่มือเลี้ยงไก่CPF)
(3)ขนาดตัวไก่เป็นอนัตตา
ไก่ตอน-ตัวโต
ไก่ไม่ตอน-ตัวไม่โต
(4)นกแก้วนกขุนทองจะเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
(5)กิ้งก่าเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบๆตัว
คน:
(1)คนเจนเดียวกันจะนิสัยเหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยเหมือนกัน
คนเจนต่างกันจะนิสัยไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยต่างกัน
ข้อมูลนิสัยคนเจนต่างๆ
1)เจนเบบี้บูมเมอร์(2489-2507)ทำงานหนัก ประหยัด มีความอดทนสูง
2)เจนเอ็กซ์(2508-2522)เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มองหาความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
3)เจนวาย(2523-2540)ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ เน้นเติมความสุขให้ตัวเอง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
4)เจนแซด(2541-2555)มีความต้องการที่แน่ชัด ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆง่าย
5)เจนอัลฟ่า(2555-ปัจจุบัน)เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี คิดนอกกรอบ ไม่ค่อยชอบทำตามกติกา ชอบใช้ชีวิตสันโดษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย
(2)คนเกาหลีใต้-คนเกาหลีเหนือ เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ที่ไม่เหมือนกันเพราะได้รับเหตุ-ปัจจัยไม่เหมือนกัน เช่น
จีดีพีคนเกาหลีเหนือ=21,000บาท
จีดีพีคนเกาหลีใต้=970,000บาท
ผิดกัน46เท่า
(ข้อมูล longtunman.com)
(3)ส่วนสูงเป็นอนัตตา ส่วนสูงชาย,หญิงทั่วโลกที่เกิดในปี1896(ชาย162ซม.,หญิง151ซม.)
เกิดในปี1996(ชาย171ซม.,หญิง159ซม.)
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)กรรมพันธุ์
2)โภชนาการโดยเฉพาะโปรตีน
3)สุขภาพแม่และเด็ก
4)อาชีพ,ชนชั้นทางสังคมและเศรษฐกิจ
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(4)อายุขัยเฉลี่ยเป็นอนัตตา อายุขัยเฉลี่ยชาย,หญิงทั่วโลกที่
เกิดในปี2021-32ปี
เกิดในปี2021-71ปี
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)โภชนาการ
2)สาธารณสุข
3)คุณภาพชีวิต
4)เศรษฐกิจ
5)ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดถึงห้าขวบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(5)อัตราเจริญพันธุ์เป็นอนัตตา (จำนวนบุตรต่อคนที่ผู้หญิงหนึ่งคนมี) อัตราเจริญพันธุ์ผู้หญิงทั่วโลก
ในปี1900-6คน
ในปี2023-2คน
ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย
1)เทคโนโลยีคุมกำเนิด
2)การศึกษาของผู้หญิง
3)ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
4)เด็กเสียชีวิตลดลงทำให้ไม่ต้องมีลูกเยอะๆเผื่อลูกตาย
5)พ่อแม่รุ่นใหม่เอาคุณภาพมาก่อนปริมาณ ถ้าหากไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรของตนให้มีมาตรฐานสูงตามที่ตนตั้งไว้ก็เลือกที่จะไม่มีบุตรเลย
6)ผู้หญิงในประเทศพัฒนาแล้วอัตราเจริญพันธุ์จะต่ำกว่าประเทศไม่พัฒนา
(ข้อมูล ourworldindata.org)
(6)อัตราอ่านออกเขียนได้
ปี1800-12%
ปี1900-20%
ปี2023-87%(บางคนพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา)
(7)คนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้
เป็นคริสเตียน-71%/29%
เป็นพุทธ-6%/23%
ไม่มีศาสนา-23%/46%
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเปอร์เซ็นต์การนับถือศาสนาของคนเกาหลีในอเมริกา/คนเกาหลีในเกาหลีใต้ถึงแตกต่างกันมากนัก
(ข้อมูล pewresearch.org )
(8)สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล-สำเนียงพูดภาษาไทยของคนต่างชาติจะไม่เหมือนกับคนไทย เพราะมาจากประเทศที่ไม่เหมือนกัน
(9)คนหูหนวกจะเป็นใบ้ด้วย เพราะไม่ได้ยินเสียงเลยพูดไม่ได้ แม้กล่องเสียงจะปกติดี
(10)ข้อมูล+ประสบการณ์ที่เคยได้รับแบบเดียวกัน=ย่อมสร้างการตัดสินใจแบบเดียวกันในมนุษย์
สิ่งไม่มีชีวิต:
(1)ราคาน้ำในประเทศตะวันออกกลางแพงกว่าประเทศอื่นๆเพราะภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
(2)ราคาซีฟู้ดในภาคใต้ถูกกว่าอีสานเพราะภาคใต้ติดทะเล
(3)ไก่kfcขายดีในประเทศอิสลาม แต่ฟาสต์ฟู้ดmcdonaldขายไม่ดีในประเทศอิสลามเพราะคนอิสลามไม่กินเนื้อหมู กินแต่เนื้อไก่
(4)ราคาน้ำมัน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
1)ดอกเบี้ยนโยบาย
2)ค่าเงินดอลลาร์
3)อุปสงค์-อุปทาน
4)ราคาน้ำมัน(อัตราเงินเฟ้อ)
(5)สภาพภูมิอากาศ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
1)เส้นรุ้งหรือละติจูด,เส้นขวาง-แนวนอน
2)การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
3)ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
4)พื้นดินและพื้นน้ำ
5)ความสามารถในการสะท้อนแสงของพื้นผิวโลก 6)ระดับความสูงของพื้นที่
7)ปริมาณเมฆ
(ข้อมูล trueplookpanya.com)
มนุษย์เหมือนกับต้นไม้(nature+nurture)
ต้นไม้=พันธุกรรม+เหตุปัจจัย(ดิน,น้ำ,ปุ๋ย,แสงแดด)
มนุษย์=พันธุกรรม+เหตุปัจจัย(สิ่งแวดล้อม/การเลี้ยงดู)
ปุจฉา:ก็ในเมื่อทุกสิ่งเป็นอนัตตาแล้ว ใครเป็นผู้สร้างกรรมและเสวยผลของกรรมเล่า?
วิสัชนา:ผู้สร้างกรรมไม่มีและผู้เสวยผลของกรรมก็ไม่มี ธรรมล้วนๆเป็นไปอย่างเดียว นี้เป็นสัมมาทัสสนะคือความเห็นโดยชอบ
(ข้อมูล คัมภีร์วิสุทธิมรรคหน้า1002)
ข้อมูล:
(1)คัมภีร์วิสุทธิมรรค
(2)คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี
(3)พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
(4)84000.org
(5)wikipedia.com
(6)google.com
(7)youtube.com
(8)ppantip.com
(9)ourworldindata.org
(10)statista.com
(11)pewresearch.org