หัวข้อกระทู้ดูเหมือนเชิญชวนให้กดเข้ามาอ่านซึ่งก็คงเป็นแบบนั้น จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้คือผมต้องการฝึกทักษะการเขียนผ่านหัวข้อกระทู้นี้ ถ้าหากท่านคิดว่าเป็นประโยชน์แก่ท่านเองตัวผมรู้สึกดีและยินดีครับ
สวัสดีครับ ทุกท่านเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเราจำเป็นต้องกินอาหาร อาหารที่กินเข้าไปมีผลยังไงต่อร่างกายและผิวหนังของเรายังไง ร่างกายเรากำจัดอาหารที่เรากินเข้าไปอย่างไร ก็วันนี้จะเขียนให้ได้อ่านผ่านความเข้าใจที่ตัวผมได้ศึกษา สังเกตผ่านประสบการณ์ของตัวเอง และจะสรุปวิธีที่ผมเลือกทานอาหารในส่วนท้าย หากท่านใดมีเวลาจำกัดก็สามารถเลื่อนไปอ่านได้เลย ผมเป็นบุคคลธรรมดาที่สนใจในเรื่องนี้แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญ หากสงสัยหรือมีข้อมูลใดผิดพลาดก็อย่าได้กังวลที่จะถามหรือแก้ไขให้ถูกต้องนะครับ
ในทุก ๆ วันเรากินอาหาร แต่คนส่วนใหญ่คงไม่ได้นึกถึงว่าทำไมเราต้องกินอาหาร บางคนทานเพราะเป็นความสุขที่ได้กินของอร่อย บางคนเลือกที่จะไม่กินอาหารเพราะต้องการลดน้ำหนัก บางคนอยากกินอาหารแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมจะพยายามชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของอาหารนะครับ
ร่างกายต้องการพลังงานในการทำกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ หากเป็นเด็กก็ใช้ในการเติบโต เรากินอาหารเพื่อให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ หากร่างกายป่วยก็จำเป็นต้องใช้สารอาหาร พลังงานไปซ่อมแซม รักษาโรคนั้น และท่านอาจจะไม่รู้ว่าร่างกายก็ใช้สารอาหารเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ปกติ ร่างกายของเราฉลาดมาก เพียงแต่อาหารที่เรากินเข้าไปนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับร่างกายที่กำหนดว่าระบบในร่างกายจะสามารถทำงานได้ดีแค่ไหน
ทุกท่านคงรู้อยู่แล้วว่าอาหารมี 5 หมู่ แต่ถ้าถามว่าในหนึ่งวันร่างกายของท่านควรได้รับโปรตีนเท่าไหร่จะมีสักกี่ท่านที่ตอบได้ และถึงรู้จะมีกี่ท่านที่ทานถึงเกณฑ์ในทุก ๆ วัน
ขอเริ่มที่โปรตีนก่อน บุคคลทั่วไปควรได้รับโปรตีนที่ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ในคนป่วยที่เป็นโรคไตก็ประมาณ 0.6 - 0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน หรือถ้าท่านออกกำลังกายก็ต้องการโปรตีนมากกว่าคนทั่วไป หากท่านออกกำลังกายก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าต้องเน้นโปรตีนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ร่างกายบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ไม่ให้กล้ามเนื้อสลายไป ในกรณีที่ท่านเป็นสิวการทานโปรตีนเพียงพอก็ช่วยรักษาแผลสิวและทำให้ผิวแข็งแรง เส้นผมและเล็บของท่านก็เป็นโปรตีนเหมือนกัน ถ้ากินพอเล็บ ผมของท่านก็จะสุขภาพดี ระบบในร่างกายของท่านก็คงดีตามไปด้วย
เมื่อเราทานเข้าไปแล้วโปรตีนก็จะใช้เป็นพลังงาน หากท่านทานเวย์โปรตีนแต่ไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายก็จะขับโปรตีนออกทางไต ก็อาจจะส่งผลเสียต่อไตได้ บางส่วนที่เป็นพลังงานแต่ใช้ไม่หมดก็สะสมในร่างกาย น้ำหนักตัวเลยเพิ่มขึ้นได้
โดยโปรตีนก็มีในเนื้อ นม ไข่ ถั่ว และอีกมากมายซึ่งอยากให้ท่านศึกษาเพิ่มเติมนะครับว่าอาหารที่ท่านทานมีปริมาณโปรตีนเท่าไหร่เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองในทุก ๆ วัน
คาร์โบไฮเดรต ถ้าท่านทานข้าว แป้ง ขนมหวานก็คงได้รับคาร์โบไฮเดรตเพียงพออยู่แล้วและอาจจะมากเกินจำเป็น แต่หากท่านตัดคาร์บปริมาณน้ำตาลในเลือดของท่านจะต่ำลง ปริมาณพลังงานคาร์บไม่เพียงพอทำให้การเผาผลาญไขมันไม่สมบูรณ์ ทำให้ไขมันก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นสารประเภท ketone ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ตับ มีผลทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ควรทานคาร์บ 3-5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ในสัดส่วนของท่านที่เป็นนักกีฬาหรือออกกำลังหายก็จะต่างออกไป
เวลาทานคาร์บเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน่ำตาลและดูดซึมเข้ากระแสเลือดส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และจะถูกย่อยสลายเป็นพลังงาน หากท่านใช้พลังงานไม่เท่ากับที่กินเข้าไป ในส่วนที่เหลือที่ไม่ถูกย่อยนั้นจะเก็บไว้ในร่างกายในรูปของไกลโคเจนปริมาณหนึ่ง และหากเกินจะสะสมในรูปของไขมัน การกำจัดออกท่านคงต้องใช้พลังงานเยอะ ๆ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่ชอบ
เราคงไม่ได้เสพติดคาร์โบไฮเดรต แต่เสพติดน้ำตาล ความหวาน อาหารที่คนส่วนใหญ่ชอบคงเป็นของหวาน ช็อคโกแลต ขนมปัง ชานมไข่มุก ซึ่งหากไม่ได้ทานบ่อยมันก็จะดีกับตัวท่านเอง ในส่วนของคาร์บที่ดีก็ควรมีวิตามิน แร่ธาตุด้วย เช่น ธัญพืช ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลไม้
ส่วนต่อไปคือไขมัน ขออนุญาตไปไว ๆ เพื่อความรวดเร็วและตรงกับหัวข้อกระทู้และไม่ไปในทางวิชาการมากไป ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายและจำเป็นในการดูดซึมวิตามินที่ะลายในไขมัน คือ A D E K เพื่อง่ายต่อความเข้าใจ ผมขอแยกไขมันออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.ไขมันที่ไม่ดี ที่ผ่านการแปลรูปด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นเนยเทียม ทานในปริมาณที่เหมาะสม
2.ไขมันที่กลาง ๆ เช่น เนื้อแดง นม ชีส ทานในปริมาณสัดส่วน 10% ของพลังงานทั้งหมดต่อวันกำลังดี
3.ไขมันที่ดีต่อร่างกาย ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วต่าง ๆ และอีกประเภทคือไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 พบมากในปลาที่มีไขมัน ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ถั่ว ส่วนอีกตัวคือ กรดไขมันโอเมก้า 6 พบมากในน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน
เวลาท่านทานก็ให้รักษาสมดุลระหว่างกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ดี ๆ ไม่งั้นก็อาจะส่งผลเสียกับร่างกาย ทำให้ร่างกายอักเสบ ถ้าท่านทานดีก็จะลดการอักเสบในร่างกายได้ การอักเสบของสิวก็ช่วยได้
ในส่วนของวิตามินและเกลือแร่ แร่ธาตุต่าง ๆ จะขอไม่เขียนถึง แต่ไม่ใช่ว่าร่างกายของท่านไม่ต้องการ ถ้าท่านสนใจก็อยากให้ลองศึกษาเพิ่มเติม สิ่งที่ผมจะทำคือขอแบ่งปันวิตามินบางตัว และอาหารเสริมที่ผมทานเป็นประจำแทนเพื่อประโยชน์เรื่องผิวโดยเฉพาะซึ่งตรงประเด็นของหัวข้อสนทนานะครับ
*** สรุป ***
การเลือกทานอาหาร
1. ในส่วนของคาร์โบไฮเดรท สิ่งแรกที่ผมดูทุกครั้งเวลาซื้อขนมซื้อคือมีปริมาณน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรท)เท่าไหร่ คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของต่อวัน ถ้าเยอะเกินผมจะไม่ทาน ผมไม่ทานชานม แต่จะทานพวกน้ำผลไม้ปั่นซึ่งจะสั่งหวานน้อยที่สุด อาทิตย์ละ 1-2 แก้ว
2. ในส่วนของโปรตีน ผมกินโปรตีนจากพืชในร้านสะดวกซื้อหรือชงดื่มโดยซื้อผงโปรตีนมาและทำการชงดื่มเอง กินแทนอาหารเช้าไปเลย โดยผมจะกินประมาณ 30 กรัม หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย
3. ส่วนของไขมัน ผมไม่ได้สนใจว่าปริมาณไขมันจะมีเท่าไหร่เพราะผมเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน ถ้าท่านไหนมีปัญหาก็อยากให้เลือกทานไขมันดี ๆ นะครับ สิ่งที่ผมเลือกดูและให้ความสำคัญสุด ๆ คือ การใช้น้ำมันซ้ำมาทอดวน ๆ ไม่เปลี่ยนสักที ไม่เหมือนอาหารจานเดียวที่ใช้น้ำมันจานต่อจาน การใช้ซ้ำจะทำให้เกิดสารบางอย่างที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ท่านเห็นภาพผมจะยกตัวอย่างประสบการณ์ผมนะครับ เวลาผมกินมันฝรั่งทอดที่เป็นถุง เวลากินผมทาน 1-2 ถุงใหญ่ สิวอักเสบมาจำนวนหนึ่งซึ่งผมไม่ได้แปลกใจ ผมเลยซื้อมันฝรั่งมาปอก ทอดกินเอง สิวก็ไม่อักเสบ ถึงแม้จะมีการสุ่มตรวจสอบโรงงานที่ผลิตอยู่บ้างแต่ตัวผมไม่เชื่อใจผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าสุขภาพของผู้บริโภค ถ้ากำหนดว่าห้ามใช้ซ้ำเกินกี่วันก็คงใช้จนซ้ำสุดของที่กำหนดไว้ ผมจึงอยากให้ท่านทานขนมถุงทอดหรือร้านอาหารฟาสฟู้ด ไก่ทอด เฟรนฟราย นาน ๆ ทีนะครับ ถ้าผมอยากกินเฟรนฟรายผมจะไปที่คาเฟ่ที่ดูสะอาด เจ้าของร้านเทคแคร์ บริการลูกค้าดี อาหารที่เขาทำก็คงใส่ใจเช่นกันหรือผมทำเองก็สบายใจสุด และถ้าท่านไปตลาดก็ลองสังเกตดูว่าร้านปาท่องโก๋ที่ท่านทานประจำใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันเครื่องในการทอด
4. ตอนเช้าผมจะทานโปรตีนเพราะไม่อยากให้น้ำตาลในเลือดสูงและตกลงช่วงบ่าย เดี๋ยวจะง่วง อารมณ์แปรปรวน แต่ก็ยังมีพลังงาน กลางวันอาจจะกินข้าวหรือไม่กิน แล้วไปกินมื้อใหญ่ตอนเย็น ถ้าวันไหนไม่ได้กินมื้อเที่ยงหรือกินน้อย มื้อเย็นก็จะกินเยอะหน่อยและเสริมถั่ว5เซียน เมล็ดฟักทอง และอื่น ๆ เป็นบางวัน
การเลือกทานอาหารเสริม
ในส่วนของวิตามินอาหารเสริมก็สำคัญมากสำหรับการดูแลผิวของผม ขออนุญาตบอกตัวที่ผมทานทุกวันและการวิธีเลือกซื้อ ประโยชน์สรรพคุณอยากให้ท่านไปสืบค้นเอาเอง และหากต้องการทานตามการปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะบางตัวอาจมีผลต่อยาที่ทานหรือโรคที่ท่านเป็นอยู่
1. Lycopene 50 mg 2. Pomegranate 500 mg 3.Grape seed 250 mg 4. Methylsulfonylmethane 1,500 mg 5. Vitamin C 500 mg 6. Vitamin E 400 IU ช่วงนี้ผมทานเท่านี้ จะทานตอนหลังอาหารเย็น
ความต่างของการทานกับไม่ทาน
1. เวลาโดนแดดผิวจะทนแดดหรือไม่ดำง่าย
2. ผิวกระจ่างใส รอยดำ รองแดง จางไว
3. ไม่เป็นสิวง่ายเพราะระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี
4. ผิวชุ่มชื่นจากภายใน แม้ทายาสิว (Benzoyl peroxide) แล้วไม่ทาบำรุง ครีมบำรุงที่ท่านทากันมมันอาจจะไม่ดูดซึมหรือซึมเข้าไปในผิวได้แค่บางส่วน นอกนั้นก็ระเหยไปกับอากาศหมด ไม่ก็กลายเป็นขี้ไคลรอท่านล้างออก หากภายในท่านชุ่มชื่นก็คือชุ่มชื่น แต่การทาก็ดีกว่าไม่ทา เอาพอเหมาะครับ
5. ยังไงก็ต้องทากันแดดนะครับและล้างออกให้ดี
ที่เหลือถ้าท่านลองทานก็จะรู้ได้เอง หรือท่านจะไม่ทานก็ได้ถ้าท่านทานส้ม มะเขือเทศ ทับทิม ได้วันละหลาย ๆ ลูก ผมเป็นคนไม่ชอบกินแต่ก็ยังอยากได้ประโยชน์จากอาหารเหล่านั้น การทานเสริมเลยตอบโจทย์กับตัวผม
การเลือกซื้อท่านอาจจะสั่งจากต่างประเทศซึ่งคำนวณภาษีดี ๆ หรือจะสั่งจากแอพชอปปิ้งก็เลือกร้านที่รีวิวน่าเชื่อถือ ยอดการสั่งซื้อสูง รีวิวที่ไม่ดีไม่มี หรือมีน้อยมากเทียบกับรีวิวดี
ทีนี้ขอมาโฟกัสเรื่องสิวบ้างครับ จากด้านบนมีแต่การเอาอาหารเข้าสู่ร่างกาย การเอาออก (ขับถ่าย) ก็สำคัญมาก ไม่ว่าท่านจะทานอาหารที่ดีก็ควรขับออกตามปกติ ยิ่งอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็ควรเอาออกไว ๆ ไม่งั้นมันก็จะหมักหมม ดูดซึมซ้ำ ๆ ท่านลองจินตนาการถึงข้อเสียดูนะครับ ตัวช่วยของผมคือไฟเบอร์ ซึ่งอาจจะทานอาทิตย์ละวันช่วงอยากเคลียร์ของเก่า ค่อนข้างหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อน เพื่อสุขภาพที่ดี
ยังไงกระทู้นี้ขอจบที่เท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าของท่านในการอ่านนะครับ ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมผมก็มีกระทู้ที่คยขียนไว้บ้างเกี่ยวกับเรื่องสิว บางกระทู้ก็ได้ลบเนื้อหาไปเพราะคิดว่าเขียนออกมาได้ไม่ดีและยังไม่มีความเข้าใจที่ดีพอ สามารถแนะนำการเขียนของตัวผมได้นะครับ
ป.ล. สำหรับผม รูปร่างภายนอกไม่ได้สำคัญเท่าจิตใจภายในของท่าน
อะไรเอ่ย กินแล้วสิวไม่ขึ้น
สวัสดีครับ ทุกท่านเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเราจำเป็นต้องกินอาหาร อาหารที่กินเข้าไปมีผลยังไงต่อร่างกายและผิวหนังของเรายังไง ร่างกายเรากำจัดอาหารที่เรากินเข้าไปอย่างไร ก็วันนี้จะเขียนให้ได้อ่านผ่านความเข้าใจที่ตัวผมได้ศึกษา สังเกตผ่านประสบการณ์ของตัวเอง และจะสรุปวิธีที่ผมเลือกทานอาหารในส่วนท้าย หากท่านใดมีเวลาจำกัดก็สามารถเลื่อนไปอ่านได้เลย ผมเป็นบุคคลธรรมดาที่สนใจในเรื่องนี้แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญ หากสงสัยหรือมีข้อมูลใดผิดพลาดก็อย่าได้กังวลที่จะถามหรือแก้ไขให้ถูกต้องนะครับ
ในทุก ๆ วันเรากินอาหาร แต่คนส่วนใหญ่คงไม่ได้นึกถึงว่าทำไมเราต้องกินอาหาร บางคนทานเพราะเป็นความสุขที่ได้กินของอร่อย บางคนเลือกที่จะไม่กินอาหารเพราะต้องการลดน้ำหนัก บางคนอยากกินอาหารแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมจะพยายามชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของอาหารนะครับ
ร่างกายต้องการพลังงานในการทำกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ หากเป็นเด็กก็ใช้ในการเติบโต เรากินอาหารเพื่อให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ หากร่างกายป่วยก็จำเป็นต้องใช้สารอาหาร พลังงานไปซ่อมแซม รักษาโรคนั้น และท่านอาจจะไม่รู้ว่าร่างกายก็ใช้สารอาหารเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ปกติ ร่างกายของเราฉลาดมาก เพียงแต่อาหารที่เรากินเข้าไปนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับร่างกายที่กำหนดว่าระบบในร่างกายจะสามารถทำงานได้ดีแค่ไหน
ทุกท่านคงรู้อยู่แล้วว่าอาหารมี 5 หมู่ แต่ถ้าถามว่าในหนึ่งวันร่างกายของท่านควรได้รับโปรตีนเท่าไหร่จะมีสักกี่ท่านที่ตอบได้ และถึงรู้จะมีกี่ท่านที่ทานถึงเกณฑ์ในทุก ๆ วัน
ขอเริ่มที่โปรตีนก่อน บุคคลทั่วไปควรได้รับโปรตีนที่ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ในคนป่วยที่เป็นโรคไตก็ประมาณ 0.6 - 0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน หรือถ้าท่านออกกำลังกายก็ต้องการโปรตีนมากกว่าคนทั่วไป หากท่านออกกำลังกายก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าต้องเน้นโปรตีนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ร่างกายบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ไม่ให้กล้ามเนื้อสลายไป ในกรณีที่ท่านเป็นสิวการทานโปรตีนเพียงพอก็ช่วยรักษาแผลสิวและทำให้ผิวแข็งแรง เส้นผมและเล็บของท่านก็เป็นโปรตีนเหมือนกัน ถ้ากินพอเล็บ ผมของท่านก็จะสุขภาพดี ระบบในร่างกายของท่านก็คงดีตามไปด้วย
เมื่อเราทานเข้าไปแล้วโปรตีนก็จะใช้เป็นพลังงาน หากท่านทานเวย์โปรตีนแต่ไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายก็จะขับโปรตีนออกทางไต ก็อาจจะส่งผลเสียต่อไตได้ บางส่วนที่เป็นพลังงานแต่ใช้ไม่หมดก็สะสมในร่างกาย น้ำหนักตัวเลยเพิ่มขึ้นได้
โดยโปรตีนก็มีในเนื้อ นม ไข่ ถั่ว และอีกมากมายซึ่งอยากให้ท่านศึกษาเพิ่มเติมนะครับว่าอาหารที่ท่านทานมีปริมาณโปรตีนเท่าไหร่เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองในทุก ๆ วัน
คาร์โบไฮเดรต ถ้าท่านทานข้าว แป้ง ขนมหวานก็คงได้รับคาร์โบไฮเดรตเพียงพออยู่แล้วและอาจจะมากเกินจำเป็น แต่หากท่านตัดคาร์บปริมาณน้ำตาลในเลือดของท่านจะต่ำลง ปริมาณพลังงานคาร์บไม่เพียงพอทำให้การเผาผลาญไขมันไม่สมบูรณ์ ทำให้ไขมันก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นสารประเภท ketone ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ตับ มีผลทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ควรทานคาร์บ 3-5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ในสัดส่วนของท่านที่เป็นนักกีฬาหรือออกกำลังหายก็จะต่างออกไป
เวลาทานคาร์บเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน่ำตาลและดูดซึมเข้ากระแสเลือดส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และจะถูกย่อยสลายเป็นพลังงาน หากท่านใช้พลังงานไม่เท่ากับที่กินเข้าไป ในส่วนที่เหลือที่ไม่ถูกย่อยนั้นจะเก็บไว้ในร่างกายในรูปของไกลโคเจนปริมาณหนึ่ง และหากเกินจะสะสมในรูปของไขมัน การกำจัดออกท่านคงต้องใช้พลังงานเยอะ ๆ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่ชอบ
เราคงไม่ได้เสพติดคาร์โบไฮเดรต แต่เสพติดน้ำตาล ความหวาน อาหารที่คนส่วนใหญ่ชอบคงเป็นของหวาน ช็อคโกแลต ขนมปัง ชานมไข่มุก ซึ่งหากไม่ได้ทานบ่อยมันก็จะดีกับตัวท่านเอง ในส่วนของคาร์บที่ดีก็ควรมีวิตามิน แร่ธาตุด้วย เช่น ธัญพืช ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผลไม้
ส่วนต่อไปคือไขมัน ขออนุญาตไปไว ๆ เพื่อความรวดเร็วและตรงกับหัวข้อกระทู้และไม่ไปในทางวิชาการมากไป ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายและจำเป็นในการดูดซึมวิตามินที่ะลายในไขมัน คือ A D E K เพื่อง่ายต่อความเข้าใจ ผมขอแยกไขมันออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.ไขมันที่ไม่ดี ที่ผ่านการแปลรูปด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นเนยเทียม ทานในปริมาณที่เหมาะสม
2.ไขมันที่กลาง ๆ เช่น เนื้อแดง นม ชีส ทานในปริมาณสัดส่วน 10% ของพลังงานทั้งหมดต่อวันกำลังดี
3.ไขมันที่ดีต่อร่างกาย ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วต่าง ๆ และอีกประเภทคือไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 พบมากในปลาที่มีไขมัน ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ถั่ว ส่วนอีกตัวคือ กรดไขมันโอเมก้า 6 พบมากในน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน
เวลาท่านทานก็ให้รักษาสมดุลระหว่างกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ดี ๆ ไม่งั้นก็อาจะส่งผลเสียกับร่างกาย ทำให้ร่างกายอักเสบ ถ้าท่านทานดีก็จะลดการอักเสบในร่างกายได้ การอักเสบของสิวก็ช่วยได้
ในส่วนของวิตามินและเกลือแร่ แร่ธาตุต่าง ๆ จะขอไม่เขียนถึง แต่ไม่ใช่ว่าร่างกายของท่านไม่ต้องการ ถ้าท่านสนใจก็อยากให้ลองศึกษาเพิ่มเติม สิ่งที่ผมจะทำคือขอแบ่งปันวิตามินบางตัว และอาหารเสริมที่ผมทานเป็นประจำแทนเพื่อประโยชน์เรื่องผิวโดยเฉพาะซึ่งตรงประเด็นของหัวข้อสนทนานะครับ
*** สรุป ***
การเลือกทานอาหาร
1. ในส่วนของคาร์โบไฮเดรท สิ่งแรกที่ผมดูทุกครั้งเวลาซื้อขนมซื้อคือมีปริมาณน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรท)เท่าไหร่ คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของต่อวัน ถ้าเยอะเกินผมจะไม่ทาน ผมไม่ทานชานม แต่จะทานพวกน้ำผลไม้ปั่นซึ่งจะสั่งหวานน้อยที่สุด อาทิตย์ละ 1-2 แก้ว
2. ในส่วนของโปรตีน ผมกินโปรตีนจากพืชในร้านสะดวกซื้อหรือชงดื่มโดยซื้อผงโปรตีนมาและทำการชงดื่มเอง กินแทนอาหารเช้าไปเลย โดยผมจะกินประมาณ 30 กรัม หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย
3. ส่วนของไขมัน ผมไม่ได้สนใจว่าปริมาณไขมันจะมีเท่าไหร่เพราะผมเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน ถ้าท่านไหนมีปัญหาก็อยากให้เลือกทานไขมันดี ๆ นะครับ สิ่งที่ผมเลือกดูและให้ความสำคัญสุด ๆ คือ การใช้น้ำมันซ้ำมาทอดวน ๆ ไม่เปลี่ยนสักที ไม่เหมือนอาหารจานเดียวที่ใช้น้ำมันจานต่อจาน การใช้ซ้ำจะทำให้เกิดสารบางอย่างที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ท่านเห็นภาพผมจะยกตัวอย่างประสบการณ์ผมนะครับ เวลาผมกินมันฝรั่งทอดที่เป็นถุง เวลากินผมทาน 1-2 ถุงใหญ่ สิวอักเสบมาจำนวนหนึ่งซึ่งผมไม่ได้แปลกใจ ผมเลยซื้อมันฝรั่งมาปอก ทอดกินเอง สิวก็ไม่อักเสบ ถึงแม้จะมีการสุ่มตรวจสอบโรงงานที่ผลิตอยู่บ้างแต่ตัวผมไม่เชื่อใจผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าสุขภาพของผู้บริโภค ถ้ากำหนดว่าห้ามใช้ซ้ำเกินกี่วันก็คงใช้จนซ้ำสุดของที่กำหนดไว้ ผมจึงอยากให้ท่านทานขนมถุงทอดหรือร้านอาหารฟาสฟู้ด ไก่ทอด เฟรนฟราย นาน ๆ ทีนะครับ ถ้าผมอยากกินเฟรนฟรายผมจะไปที่คาเฟ่ที่ดูสะอาด เจ้าของร้านเทคแคร์ บริการลูกค้าดี อาหารที่เขาทำก็คงใส่ใจเช่นกันหรือผมทำเองก็สบายใจสุด และถ้าท่านไปตลาดก็ลองสังเกตดูว่าร้านปาท่องโก๋ที่ท่านทานประจำใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันเครื่องในการทอด
4. ตอนเช้าผมจะทานโปรตีนเพราะไม่อยากให้น้ำตาลในเลือดสูงและตกลงช่วงบ่าย เดี๋ยวจะง่วง อารมณ์แปรปรวน แต่ก็ยังมีพลังงาน กลางวันอาจจะกินข้าวหรือไม่กิน แล้วไปกินมื้อใหญ่ตอนเย็น ถ้าวันไหนไม่ได้กินมื้อเที่ยงหรือกินน้อย มื้อเย็นก็จะกินเยอะหน่อยและเสริมถั่ว5เซียน เมล็ดฟักทอง และอื่น ๆ เป็นบางวัน
การเลือกทานอาหารเสริม
ในส่วนของวิตามินอาหารเสริมก็สำคัญมากสำหรับการดูแลผิวของผม ขออนุญาตบอกตัวที่ผมทานทุกวันและการวิธีเลือกซื้อ ประโยชน์สรรพคุณอยากให้ท่านไปสืบค้นเอาเอง และหากต้องการทานตามการปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะบางตัวอาจมีผลต่อยาที่ทานหรือโรคที่ท่านเป็นอยู่
1. Lycopene 50 mg 2. Pomegranate 500 mg 3.Grape seed 250 mg 4. Methylsulfonylmethane 1,500 mg 5. Vitamin C 500 mg 6. Vitamin E 400 IU ช่วงนี้ผมทานเท่านี้ จะทานตอนหลังอาหารเย็น
ความต่างของการทานกับไม่ทาน
1. เวลาโดนแดดผิวจะทนแดดหรือไม่ดำง่าย
2. ผิวกระจ่างใส รอยดำ รองแดง จางไว
3. ไม่เป็นสิวง่ายเพราะระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี
4. ผิวชุ่มชื่นจากภายใน แม้ทายาสิว (Benzoyl peroxide) แล้วไม่ทาบำรุง ครีมบำรุงที่ท่านทากันมมันอาจจะไม่ดูดซึมหรือซึมเข้าไปในผิวได้แค่บางส่วน นอกนั้นก็ระเหยไปกับอากาศหมด ไม่ก็กลายเป็นขี้ไคลรอท่านล้างออก หากภายในท่านชุ่มชื่นก็คือชุ่มชื่น แต่การทาก็ดีกว่าไม่ทา เอาพอเหมาะครับ
5. ยังไงก็ต้องทากันแดดนะครับและล้างออกให้ดี
ที่เหลือถ้าท่านลองทานก็จะรู้ได้เอง หรือท่านจะไม่ทานก็ได้ถ้าท่านทานส้ม มะเขือเทศ ทับทิม ได้วันละหลาย ๆ ลูก ผมเป็นคนไม่ชอบกินแต่ก็ยังอยากได้ประโยชน์จากอาหารเหล่านั้น การทานเสริมเลยตอบโจทย์กับตัวผม
การเลือกซื้อท่านอาจจะสั่งจากต่างประเทศซึ่งคำนวณภาษีดี ๆ หรือจะสั่งจากแอพชอปปิ้งก็เลือกร้านที่รีวิวน่าเชื่อถือ ยอดการสั่งซื้อสูง รีวิวที่ไม่ดีไม่มี หรือมีน้อยมากเทียบกับรีวิวดี
ทีนี้ขอมาโฟกัสเรื่องสิวบ้างครับ จากด้านบนมีแต่การเอาอาหารเข้าสู่ร่างกาย การเอาออก (ขับถ่าย) ก็สำคัญมาก ไม่ว่าท่านจะทานอาหารที่ดีก็ควรขับออกตามปกติ ยิ่งอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็ควรเอาออกไว ๆ ไม่งั้นมันก็จะหมักหมม ดูดซึมซ้ำ ๆ ท่านลองจินตนาการถึงข้อเสียดูนะครับ ตัวช่วยของผมคือไฟเบอร์ ซึ่งอาจจะทานอาทิตย์ละวันช่วงอยากเคลียร์ของเก่า ค่อนข้างหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อน เพื่อสุขภาพที่ดี
ยังไงกระทู้นี้ขอจบที่เท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าของท่านในการอ่านนะครับ ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติมผมก็มีกระทู้ที่คยขียนไว้บ้างเกี่ยวกับเรื่องสิว บางกระทู้ก็ได้ลบเนื้อหาไปเพราะคิดว่าเขียนออกมาได้ไม่ดีและยังไม่มีความเข้าใจที่ดีพอ สามารถแนะนำการเขียนของตัวผมได้นะครับ
ป.ล. สำหรับผม รูปร่างภายนอกไม่ได้สำคัญเท่าจิตใจภายในของท่าน