สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 จากเดิม 7.5 ล้านตัน เป็น 8.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2567) มีการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 25.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ชนิดข้าวที่ส่งออกมากที่สุดคือข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมไทย ในขณะที่ข้าวนึ่งมีการส่งออกลดลง
มีการคาดการณ์ว่าไทยอาจส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.5-9 ล้านตัน หากการส่งออกในครึ่งปีหลังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกคือ การห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย และความต้องการข้าวในหลายประเทศยังคงสูง เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เม็กซิโก และบราซิล
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น นโยบายส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจเปลี่ยนแปลง และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวของไทยที่ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่างเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดข้าวโลก
แนวโน้มในอนาคตยังคงต้องติดตามว่าจีนจะกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่หรือไม่ โดยปัจจุบันจีนมีสต๊อกข้าวในประเทศสูงถึง 100-120 ล้านตัน ซึ่งอาจส่งผลให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและอันดับในตลาดข้าวโลก
จีนอาจกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก
มีการคาดการณ์ว่าไทยอาจส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.5-9 ล้านตัน หากการส่งออกในครึ่งปีหลังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกคือ การห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย และความต้องการข้าวในหลายประเทศยังคงสูง เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เม็กซิโก และบราซิล
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น นโยบายส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจเปลี่ยนแปลง และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวของไทยที่ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่างเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดข้าวโลก
แนวโน้มในอนาคตยังคงต้องติดตามว่าจีนจะกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่หรือไม่ โดยปัจจุบันจีนมีสต๊อกข้าวในประเทศสูงถึง 100-120 ล้านตัน ซึ่งอาจส่งผลให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและอันดับในตลาดข้าวโลก