ที่สุดของจิต



"...พูดเมื่อเช้านี้ก็บอกว่าจิตเป็นของสำคัญ วันนี้ก็ต้องย้ำอีกว่าจิตเป็นของสำคัญ จิตเป็นธรรมชาติรู้ มีรู้อย่างเดียว..จิต รู้ดีรู้ชั่ว รู้เป็นคำวิพากษ์วิจารณ์ นั่นเป็นกิริยาของจิตแสดงออก ว่าเป็นเรื่องของสติบ้าง เป็นเรื่องของปัญญาบ้าง แต่จิตแท้ ๆ ไม่มีกิริยาอาการออกใช้ เป็นความ รู้ เท่านั้น ถ้ากิริยาแสดงออกจากจิตก็รู้ดีรู้ชั่ว รู้สุขรู้ทุกข์ รู้นินทารู้สรรเสริญ นี่เป็นกิริยาอาการออกมาแล้ว

สิ่งเหล่านี้เป็นของไม่แน่นอน เพราะเป็นกิริยา เป็นอาการของจิต มีการเกิดการดับ รับทราบแล้วก็ดับไป ๆ เช่นเดียวกับท่านเรียกว่า วิญญาณ คือความรับทราบจากอายตนะภายนอก เช่น รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส เข้ามาสัมผัสกับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ทำให้เกิดวิญญาณขึ้นมา คือรับทราบตามขณะที่สิ่งนั้นมาสัมผัส แล้วดับไปในขณะที่สิ่งนั้นผ่านไป

ความรู้อย่างนี้ท่านเรียกว่าวิญญาณ หรือเรียกว่าอาการของจิต เช่น สังขารความคิดความปรุง ก็เป็นอาการของจิต จิตเมื่อแสดงอาการแล้วก็หาประมาณไม่ได้ แต่เมื่อไม่มีอาการใด ไม่แสดงอาการใดเลย ก็มีอย่างเดียวคือ รู้

แต่รู้ของเรากับรู้ของท่านผู้บริสุทธิ์นั้นผิดกันมาก รู้ของเรามีสิ่งเจือปนอยู่ภายใน รู้ของพระขีณาสพคือพระอรหันต์ท่าน ไม่มีอันใดเจือปน มีแต่ความ รู้ ล้วน ๆ ความ รู้ ล้วน ๆ ที่ไม่มีอะไรเจือปนนั้นแลเป็นความรู้ที่วิเศษ เป็นความรู้ที่อัศจรรย์ เป็นความรู้ที่ทรงไว้ซึ่งความสุขเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มภูมิฐานของจิตที่บริสุทธิ์ สุขก็เต็มภูมิ คงเส้นคงวา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแปรปรวนเหมือนโลกทั้งหลาย เหมือนอาการต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในโลกซึ่งเต็มไปด้วย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา แต่จิตนี้ไม่เป็นอย่างนั้น นี่หมายถึงจิตของท่านผู้ชำระได้บริสุทธิ์เต็มภูมิแล้ว

แต่หลักแห่งการท่องเที่ยวในวัฏสงสาร คือในภพชาติต่าง ๆ นั้น จิตเป็นหลัก จิตเป็นตัวสำคัญ จิตเป็นตัวการ ท่านจึงเรียกว่าสังสารจักร ก็คือหมายความว่าความเปลี่ยนไปตามกฎแห่งกรรม เพราะจิตอยู่ใต้อำนาจของกฎแห่งกรรม กรรมพาหมุนไปอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรมนั้น ๆ เนื่องจากจิตยังไม่พ้นวิสัยของกรรม

นอกจากจิตพระขีณาสพเท่านั้น นั่นท่านพ้นแล้ว ขึ้นชื่อว่าสมมุติไม่เข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย ไม่ว่าสมมุติดีสมมุติชั่ว สมมุติประเภทใด ท่านอยู่เหนือสมมุติ คำว่าเหนือก็คือว่าไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องได้ จิตนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับอะไร เป็นความ รู้ โดยหลักธรรมชาติของตนอยู่เช่นนั้นเมื่อบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว นี่เป็นที่สุดของจิต สุดที่ตรงนี้ สุดที่ตรงบริสุทธิ์..."

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑

https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1704&CatID=2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่