ช่วยงานแม่ตั้งแต่ประถมจนเรียนจบและทำงาน จนรู้สึกแย่กับ(แม่)ตัวเอง?

ขอเกริ่นก่อนว่าเราช่วยงานแม่เรามาตั้งแต่ตอนอยู่ ป.6 เลยค่ะ เป็นงานประเภทพิมพ์เอกสารซึ่งแม่เราเขาไม่ค่อยถนัดเรื่องการพิมพ์งานและใช้คอม เขาเห็นว่าเราค่อนข้างมีความสามารถทางคอมมากกว่าเขา เพราะว่าตอนประถมเราเคยได้ไปเป็นตัวแทนไปแข่งประกวดงานเกี่ยวกับคอม โปรแกรมเกี่ยวกับ ms office  แม่เราเห็นว่าเราสามารถทำได้  รวมถึงงานฝีมือด้วยค่ะ คือแม่เราเขาเป็นครูต้องมีสื่อการเรียนการสอนไว้ประเมินผลงานตลอดทุกปีๆ  เราก็ต้องเป็นคนทำให้เขา เพราะเขาก็เห็นว่ามีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านนี้ แรกเริ่มเขาให้เราลองทำลองช่วยเขาก่อน พอเขาเห็นว่าเราทำได้ดี จากนั้นเขาก็ใช้เรามาตลอดค่ะจนถึงตอนนี้

    ซึ่งเราก็ทำให้เขามาตลอดตั้งแต่เด็กไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะคิดว่าเราเป็นลูกช่วยแบ่งเบาภาระแม่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร  แต่ก็มีแอบรู้สึกหงุดหงิดบ้างเพราะเวลาว่างๆเราก็อยากพัก แต่เราต้องมานั่งทำงานให้เขาต่อ เราเคยคิดว่าเดี๋ยวเรียนจบมีงานทำเขาก็คงเลิกส่งงานมาให้ทำแล้ว เขาน่าจะเข้าใจว่าเราคงไม่ค่อยมีเวลาว่างแล้ว คนที่บ้านคนรอบข้างเราเขาก็พูดกันแบบนี้ (เพราะเราแยกตัวมาทำงานในเมือง)  แต่ไม่เลย ความคิดที่เคยคิดไว้ว่าจะเป็นอิสระมันหายไป เราคิดว่าเราจะยังช่วยเขาอยู่ตอนช่วงเราหางาน เราก็ช่วยมาตลอด แต่จนพอเราทำงานแล้วเขาก็ยังส่งงานมาให้เราช่วยทำทางไลน์ ระหว่างที่เราทำงานของเราเขาก็จะมีโทรมาหาให้ช่วยงานเขา ช่วยพิมพ์งานให้เขาหน่อย โดยอ้างว่าเขาพิมพ์ช้า ทำไม่ทัน หรือทำไม่เป็น บางทีก็ส่งงานมาให้เราช่วยหลังจากที่เรากลับมาจากที่ทำงาน  กว่าเราจะได้กลับถึงห้องก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว เรายังต้องมานั่งพิมพ์งาน ช่วยงานให้เขาต่อ ซึ่งเราเหนื่อยมาก รู้สึกไม่ได้พักจนร้องไห้ไปหลายครั้ง เพราะจัดการเวลาไม่ได้  จนมีความคิดเข้ามาว่า "ทำไมไม่ทำเอง ทำไมต้องเอางานตัวเองมาเบียดเบียนเวลาพักเราด้วย ต้องให้ช่วยไปจนถึงไหน"  บางงาน งานของเขาเองเราทำให้เขาตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้เราทำให้เขาตลอดจนเขาทำไม่เป็นค่ะ เลยต้องเอามาให้เราทำทุกครั้ง

    เราเคยบ่นเขาไปหลายรอบแล้วมีปากมีเสียงกันด้วย เพราะเราก็สอนเขาทุกอย่าง แต่เขาจำไม่ค่อยได้ แล้วเราต้องสอนเขาทุกครั้งซ้ำไปซ้ำมา คือเราคิดว่ามันน่าเบื่อ ซ้ำไปซ้ำมาจริงๆค่ะ เรื่องเดิมๆที่เขาทำไม่ได้ เขาก็จะมีวิธีการจดของเขาแต่ละขั้นตอน ว่าทำยังไง แต่จดไปยังไงก็มาถามเราอยู่ดี  แล้วเราไม่ใช่คนที่ใจเย็นด้วย เลยทำให้มีปากมีเสียงกันตลอดทุกครั้งที่โทรมาให้เราช่วยงาน  ถ้าเราบ่นเรามักจะโดนสวนกลับมาประโยคว่า "กูไม่ได้เลี้ยงมาให้มาปากดี", "กูเลี้ยงดูส่งเสียตังให้มึ**เรียนสูงๆหวังพึ่ง" "ลูกคนอื่นเขายังไม่เป็นขนาดเลย"  "ลูกคนอื่นเขาก็ช่วยแม่เขากันทั้งนั้น"  "ลูกคนอื่นเขาโดนให้ช่วยเยอะกว่าอีก"  เราได้แต่สงสัยว่า หรอวะ? เพราะเราก็เห็นเพื่อนร่วมงานเขามาตั้งแต่เด็ก เห็นว่าเขาทำอะไรได้บ้างมาตลอด งานประดิษฐ์ สื่อการเรียนการสอน งานเอกสาร เราก็เห็นคนอื่นเขาก็ทำได้กัน และบางคนก็ไม่ได้มีลูก เราน้อยใจมากคือเราช่วยเขาเยอะมากจริงๆ ช่วยมาตั้งแต่เล็กจนโต  ทำสื่อการเรียนการสอนตกแต่งห้องเรียนเขา เราก็ทำคนเดียวหมด นี่ยังไม่เข้าประเด็นรวมงานบ้านนะคะที่เราทำให้เขาอีก ทั้งๆที่เราไม่ได้อยู่ด้วย TT

     บางครั้งวันหยุดก็โทรมาให้เราช่วยงานค่ะ แล้ววันหยุดเป็นวันที่เราอยากจะออกไปเที่ยวไปพักผ่อนแบบเต็มที่ เราก็ต้องโดนสายโทรเข้าที่ขึ้นชื่อว่า "แม่" โทรมาขอให้ช่วยงาน แทบทุกอาทิตย์ จนเรารู้สึกพะวงตลอดเวลาที่จะออกไปเที่ยวทุกครั้ง เหมือนออกไปเที่ยวไม่เต็มที่ มีหลายครั้งที่เรารับสายเขา เขาก็จะบอกเลยว่ามีงานจะให้ช่วย จนทำให้ทั้งวันนั้นเราไม่แฮปปี้เลยค่ะ ถึงแม้เขาจะพูดว่าให้เที่ยวไปก่อนแล้วค่อยกลับห้องไปช่วยงานเขา มันรู้สึกพักผ่อนไม่เต็มที่จริงๆ จนทุกวันนี้เราคิดทุกครั้งที่จะออกไปเที่ยวเลยค่ะว่าเขาจะโทรมาไหม

    มีหลายคนเคยบอกว่าให้ลองไม่รับโทรศัพท์เขาดู  เราเคยแล้วค่ะ เราโดนเขาว่าว่า "สนุกจนลืมแม่เลยเน้าะ" ประโยคนี้ทำเราจุกอกมาก แล้วเขาโทรมาหลายสายมาก จนทำให้เราสงสัยว่า เขาไม่คิดว่าเราจะมีธุระอะไรบ้างเลยหรอ? เราต้องว่างเพื่อช่วยงานเขาตลอดเลยหรอ? 

    หรือโทรมาตอนเช้าวันหยุด และถ้าเรารับสายช้าเราก็โดนว่าเหมือนกันว่า "กว่าจะรับสายได้เน้าะ"  คือเขาโทรมาแต่เช้าเพื่อให้เราช่วยงานแล้วเขาจะได้ไปเที่ยวมีนัดกับเพื่อนเขาตอนเย็น

    เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้หลายคนอาจสงสัยว่าแม่เราไม่ถามให้เพื่อนร่วมงานช่วยบ้างหรอ คือแม่เราเป็นคนที่ว่าจะให้ใครมาดูถูกไม่ได้ว่าตัวเองทำไม่เป็นเลยเลือกที่จะไม่ให้คนอื่นสอน แล้วให้เราสอนแทนค่ะ  

    เราเคยคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่หลายครั้งเพราะเหนื่อยกับเขาค่ะ เหนื่อยกาย เหนื่อยใจด้วย มันตีกันไปหมด เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้เรารู้สึกหดหู่ในชีวิตมาก  ทำให้เราสามารถรู้สึกแย่กับตัวเองได้ทุกครั้งที่เขาโทรมาเพราะแค่เรื่องงาน คือเราแบบไม่อยากช่วยแล้วอยากมีชีวิตที่เป็นอิสระบ้าง  คนรอบตัวญาติๆเขาก็เข้าใจเราทุกคน เขาสงสารและก็เอือมกับการที่แม่เราเป็นแบบนี้ 
    จนตอนนี้ทุกครั้งที่เขาโทรมาเราก็คิดไปเเล้วว่าเขาโทรมาหาเรื่องงานแน่ๆ ไม่มีครั้งที่โทรมาคุยเล่น หรือถ้าโทรมาคุยเล่นก็จะมีเรื่องงานเกริ่นไว้จะให้เราช่วยงาน เป็นแบบนี้ตลอด

    ตอนนี้เราทางตันมากๆ เราไม่รู้จะทำยังไงให้เขาเลิกส่งงานมาให้เราทำ เลยอยากให้เพื่อนๆพี่ๆชาวพันทิปช่วยแนะนำทีค่ะ ว่าเราควรทำยังไงหรือคิดแบบไหนดี เพราะนั่นก็แม่  TT
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
อ่านแล้วเดจาวูมาก 55+ แต่ไม่ใช่เรื่องของเรานะ เรื่องของแฟนเรานี่ล่ะ แม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นครูตำแหน่งค่อนข้างสูง พ่อเสียไปนานแล้ว เป็นลูกชายคนเดียว หน้าที่คือพิมพ์งาน เตรียมเอกสาร ทุกอย่างเกี่ยวกับ IT เพราะเขาทำไม่เร็ว พอช้าเขาก็หงุดหงิดเขาก็คิดถึงลูก ส่วนลูกก็ห่วงอิสระ อยากมีเวลาเป็นของตัวเอง เหมือนไหมล่ะ แม่โทรมามีไรหรือเรียกใช้ทีไร มีปากเสียงกันตลอด... สุดท้ายเขาก็ต้องทำ ทำไปบ่นไป สอนไรก็ไม่จำ จดก็ไม่ทำอยู่ดี

เอาจริงก็เข้าใจอารมณ์แฟนนะ เพราะตอนเราเริ่มคบกับแฟนแล้วมาที่บ้านเจอแม่เขาเรียกแฟนพิมพ์ แฟนเราก็มาใช้เราอีกที เพราะเราพิมพ์เร็วกว่าแฟนเรามาก แถมเราเรียน IT ตรงอีกหลังๆเลยกลายเป็น แม่->แฟน->เรา แบบนี้ประจำ คือหวยมาลงที่เราซะงั้น

ส่วนตัวเราเป็นคนใจเย็นกับเน้นแก้ปัญหานะ อย่างเรื่องพิมพ์มันเข้าใจได้ว่า พอยิ่งแก่มันเรียนไรก็ยากไปหมด เพราะขนาดเราทุกวันนี้เรียนเปียโนยังหงุดหงิดเลย มันสู้สมัยเด็กไม่ได้จริงๆ เราก็พยายามเข้าใจแม่เขาว่าให้ไปฝึกพิมพ์มันยาก คืออะไรที่เราว่ายาก แบบเกรดหนึ่ง สำหรับเค้าคือมันเริ่มที่เกรด 5 เลยแหล่ะ เราก็จะโอเค มาๆ เราพิมพ์ให้ บางครั้งก็สลับให้แฟนพิมพ์ แฟนก็พิมพ์ให้ เราก็เลยเข้าใจแฟนด้วยว่า พอเจอบ่อยๆมันก็มีอคติหน่อยๆสินะ แต่พอมีคนมาแบ่งภาระ เขาก็ยินดีทำให้อยู่

เพราะงั้น เคสพิมพ์งาน+เตรียมเอกสารไรนี่ เราแนะนำให้คุณไป "จ้างคนมาช่วยค่ะ" แล้วให้เขาแบ่งภาระคุณไป เหมือนอย่างที่เราช่วยแฟนเราพิมพ์+เตรียมเอกสารให้ แฟนเราก็เลี้ยงข้าว ซื้อขนมตอบแทน มันคือคอนเซ็ปต์เดียวกันเลย

ส่วนเรื่องสอนไม่จำนี่ก็เจอ คือแฟนเราจะหงุดหงิดทุกครั้งที่แม่เขาถาม ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าจะหงุดหงิดทำไม แต่แฟนเราบอกเขาสอนไปหลายสิบรอบแล้ว แม่ไม่จำเลย เราก็เอ้า.. แล้วต้องใส่อารมณ์ด้วยเหรอ? อาจจะเพราะเราใจเย็นด้วยมั๊ง พอเราแต่งงานย้ายเข้าบ้านเขา เราเลยบอกแม่เขาไม่ต้องเรียกแฟนแล้ว มีไรเรียกเราเลย แล้วเราก็สอนเขา บางทีเขาก็จำไม่ได้หรอก เราก็ทำซ้ำให้ดู ทำซ้ำๆๆจนเขายังขอโทษที่ถามซ้ำ เราก็บอกไม่เป็นไร เราก็จะทำซ้ำให้ดูจนกว่าจะจำได้ คือมันต้องปฏิบัติกับแม่ด้วยความเมตตาอะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ซ้ำไปเรื่อยๆน่ะแหล่ะ อย่าไปคิดมากสิ มองปัญหาเป็นวันๆแล้วแก้เป็นวันๆไปดีกว่า (เดี่ยวจะบอกว่าเราเพิ่งเจอ เราทำแบบนี้มา 15 ปีแล้ว นับจากแต่งเข้าบ้านแฟนมาน่ะ)

เพราะงั้น พยายามปรับวิธีคิด ใจเย็นๆ  แล้วหาทางแก้ปัญหาไป เราว่าการหาคนมาช่วยน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดละนะ แม้ว่าจะต้องใช้เงินจ้างเอาก็ตาม

เดี๋ยวพอแม่เกษียณ งานเอกสารก็จะลดลงแล้วค่ะ เหลือแต่เรื่องสอนแล้วจำไม่ได้นี่ล่ะ ที่ต้องทำตลอดไป จนกว่าจะตายจากกันไปข้างอะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่