JJNY : “ทนายอั๋น”ร้องกกต.เปิดหลักฐาน│ผู้สมัครสว.บุกกกต.ยื่นหลักฐาน│เงินบาทวันนี้ แข็งค่า│ชี้ 2024 อาจเป็นปีที่ร้อนที่สุด

“ทนายอั๋น” ร้องกกต.เปิดหลักฐานสส.นัดกินข้าวกับผู้สมัครสว.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_742953/
 
  
“ทนายอั๋น” ร้องกกต. พร้อมเปิดหลักฐาน สส.นัดกินข้าวกับผู้สมัคร สว.ที่จังหวัดขอนแก่น ชี้ เข้าข่ายฮั้ว เตือนฝืนประกาศรับรองผล โดนจองกฐินแน่
 
นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้าร้อง กกต.เปิดหลักฐาน สส.นัดกินข้าวกับผู้สมัคร สว.ที่จังหวัดขอนแก่น อาจเข้าข่ายฮั้วการเลือก สว.โดยมีการยื่นเสนอตำแหน่งผู้ช่วย สว.และพูดคุยทางโทรศัพท์ ซึ่งปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าพ่อเขากระโดง และเป็นถึงรัฐมนตรี ตนเองจึงขอให้ กกต.ขยายผลว่าเจ้าพ่อเขากระโดงเป็นใคร มีบทบาทอย่างไรกับการเลือก สว.รวมถึง สส.ที่นัดกินข้าวกับ สว.ด้วยซึ่ง
 
นายภัทรพงศ์ อ้างว่า กกต. มีอำนาจขอหลักฐานบันทึกการโทรของ สส.คนดังกล่าวได้ เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ในวันดังกล่าว ทั้งนี้ที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาให้สัมภาษณ์หลังนายเอกราช ช่างเหลา สส.พรรคภูมิใจไทย ถูกพาดพิงว่าเป็น สส.คนดังกล่าว โดยระบุว่านายเอกราช เป็นเพียง สส.จึงไม่แน่ใจว่านายอนุทินดูถูกคนอีสานหรือไม่ แต่ดั้งเดิมนายอนุทินก็ไม่ใช่คนบุรีรัมย์ นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะสอย สว.ในกลุ่มสื่อสารมวลชน อย่างน้อย 3-4 คนด้วย
 
ทั้งนี้หาก กกต.ฝืนประกาศรับรองผล ขอเตือนว่าทั้ง 77 จังหวัดได้จองกฐินเตรียมดำเนินคดีกับ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. ตามมาตรา 157 ตนเดาว่าเลขาธิการ กกต.ไม่กล้าประกาศผลรับรองในช่วงนี้ เพราะมี กกต.หลายคนไม่เอาด้วย เหตุการณ์ตอนหน้าหนาจะย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายหน้าจะหนาหรือใหญ่มาจากไหนก็ติดคุกทั้งนั้น



ผู้สมัคร สว. บุก กกต.ยื่นหลักฐานเพิ่ม จี้เปิดหีบคะแนนพิสูจน์‘ฮั้ว’-ทวงสอบคุณสมบัติ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777819281

ผู้สมัคร สว. บุก กกต.ยื่นหลักฐานเพิ่ม จี้เปิดหีบพิสูจน์ฮั้วลงคะแนน หนุน สว.ชุดปัจจุบันร่วมสอบ หวังได้ความยุติธรรม ด้านผู้สมัครกลุ่มเอสเอ็มจี ทวงสอบคุณสมบัติ พบมีคนไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการจริง
 
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายฯ ยื่นหนังสือและหลักฐานเพิ่มเติมต่อกกต. เป็นครั้งที่ 4 และติดตามความคืบหน้าคำร้องที่ยื่นก่อนหน้านี้ ขอให้ตรวจสอบความผิดปกติในการลงคะแนนที่พบว่า มีการจัดตั้ง มีการลงคะแนนตามโพย จึงขอให้มีการเปิดหีบพิสูจน์การลงคะแนนว่าเป็นไปตามโพย และคัดค้านการประกาศรับรองสว.200คน และบัญชีสำรอง 100 คน

โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อกกต.ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. และมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อเนื่องจนถึงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆจากกกต. ตนพยายามหาความเป็นธรรมไปยื่นคำร้องต่อศาลต่างๆ แต่ศาลยกคำร้องโดยเห็นว่ากกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองผล
 
ตนจึงต้องมาเรียกร้องให้กกต. ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ยื่นไว้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าบัตรที่อยู่ในหีบรอบเลือกไขว้นั้น มีการลงคะแนนตรงตามโพยทุกใบ หลังจากมาเทียบดูแล้ว ผู้ได้รับคะแนนสูงๆเป็นไปตามโพยทุกประการ วันนี้จึงเอามาให้กกต. เผื่อกกต.ทำไม่เป็นจะได้ทำตามที่ตนยื่น รับรองจะเจอข้อเท็จจริงแน่นอน
 
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หากกกต.ไม่ดำเนินการ พวกตนจะมายื่นทุกวัน หรือถ้าไม่สนใจแล้วประกาศรับรองสว. 200 คนไปโดยไม่ดำเนินการใดๆ จะถือว่ากกต.หลีกเลี่ยงที่จะผดุงความสุจริตและเที่ยงธรรม ตามที่มาตรา 32 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.กำหนดไว้ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 69 จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีและอาจโดน ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากเห็น ขอวิงวอนให้กกต.เปิดหีบบัตรลงคะแนนตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่าง

มาตรา 59 ของกฎหมายเดียวกัน ให้อำนาจกกต.ทั้งเรื่องเลือกใหม่ การยับยั้ง หรือบัญชีที่กกต.ประกาศไปแล้วก็ทำขึ้นใหม่ได้ และมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้นด้วย กกต.เปิดหีบบัตรออกมาแล้วพบว่าผู้ได้รับเลือกได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งต้องได้ใบแดงตามที่กฎหมายกำหนด แล้วก็เลื่อนคนที่ได้คะแนนลำดับถัดไปขึ้นมา อาจจะเกินบัญชีสำรองที่ได้ อยู่ในวิสัยที่กกต.ทำได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจกกต.ไว้
 
พล.ต.ท.คำรบ ยังเห็นด้วยที่สว.ชุดปัจจุบันตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบการเลือกสว. ในขณะนี้ เพราะผู้สมัครสว.มายื่นร้องกันก็ไม่รู้ว่ากกต.จะรับฟังเท่าไหร่ การที่สว.เข้ามาช่วยตรวจสอบก็เหมือนเป็นแรงหนุนที่อาจทำให้ความยุติธรรมเพิ่มขึ้นมา

ต่อมา นายยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ ผู้สมัครสว. กลุ่มที่ 9 ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม เข้ายื่นต่อกกต. เพื่อสอบถามความคืบหน้า กรณีขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติหรือเงื่อนไขของผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9
 
โดยนายยศพัทธร์ กล่าวว่า ก่อนการเลือกสว.ระดับประเทศ ตนเคยมายื่นหนังสือต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสว. กลุ่ม 9 ทั้งหมด ซึ่งผู้สมัครกลุ่มนี้มีกฎหมายเกี่ยวข้องอยู่ 2 ฉบับ คือพระราชกฤษฎีกาปี 2558 ที่กำหนดคุณลักษณะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมว่าต้องมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และ กฎกระทรวงที่ระบุลักษณะวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ในปี2562 กำหนดว่า คนที่จะมาสมัครกลุ่ม 9 ได้นั้นถ้าเป็นธุรกิจภาคการผลิตต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี
 
แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในระดับอำเภอ ตนเข้าไปดูโปรไฟล์ผู้สมัครแต่ละคนในแต่ละจังหวัด ปรากฏว่ามีจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการเข้ามาสมัคร และมีบางคนที่เขียนในใบสว.3 ว่า เป็นเจ้าของบริษัท แต่เมื่อตนช็กดูแล้วเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ เลย นั่นแสดงว่าคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ประกอบกิจการเกิน 10 ปี
 
ทั้งนี้ เมื่อถึงขั้นตอนสมัคร ทางกกต.จังหวัดไม่ได้ให้ยื่นเอกสารประกอบการสมัครว่า คนนี้มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาทหรือไม่ หรือเป็นผู้ประกอบการจริงหรือไม่
 
นายยศพัทธร์ กล่าวอีกว่า เมื่อตนได้รับเลือกให้มาเลือกในระดับจังหวัด ตนเคยมายื่นเรื่องนี้ต่อ กกต.กทม. แต่เจ้าหน้าที่แค่รับเอกสารไป ไม่ได้ดำเนินการอะไร ปล่อยให้คนที่ขาดคุณสมบัติหรือไม่ได้เป็นผู้ประกอบการเข้ามาเลือกคนอื่น เช่น วันนั้นที่ตนอยู่ในเหตุการณ์มีผู้สมัครที่ได้รับเลือกมีคะแนนผิดปกติ 2-3 คน
 
จากนั้นเพื่อความเป็นธรรมตนจึงได้ไปยื่นต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จนศาล มีคำสั่งว่า ผู้สมัครไม่มีอำนาจหรือกฎหมายที่จะไปยื่นให้ตรวจสอบลบรายชื่อผู้สมัครคนอื่น
 
ดังนั้น วันนี้ที่ตนมาเพื่อจะมายื่นสอบถามความคืบหน้าเรื่องที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ พร้อมกล่าวโทษผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 74 พ.ร.ป.ว่าด้วยได้มาซึ่งสว. คือรู้อยู่แล้วว่าตนเองขาดคุณสมบัติแต่มาสมัครโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีความผิดทางอาญาโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี
 
ดังนั้น ตนจึงขอกล่าวโทษให้กับคนกลุ่มเหล่านี้ที่เกาะกลุ่มกันมาแล้วมาเลือกคนอื่น สร้างความเสียหายให้กับประชาชน.
 


ค่าเงินบาทวันนี้ 8 ก.ค. แข็งค่า 36.40 บาท จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ
https://www.dailynews.co.th/news/3616719

ค่าเงินบาทวันนี้ 8 ก.ค. เปิดตลาดแตะระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ ขยับแข็งค่าขึ้น จับตาปัจจัยทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสกุลเงินในภูมิภาค คาดกรอบ 36.40-36.60 บาทต่อดอลลาร์

วันที่ 8 ก.ค. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.40-36.42 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 36.58 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค 

ขณะที่เงินดอลลาร์ ยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐ หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ มีภาพที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด เพราะแม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมิถุนายนจะออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด แต่ก็มีการปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมและเมษายนลงมา 

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนมิถุนายนก็ขยับขึ้นไปที่ 4.1% ซึ่งสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ทั้งนี้ จากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ ที่มีภาพอ่อนแอดังกล่าวทำให้ตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายนที่จะถึงนี้ขึ้นมาที่ 77%

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.40-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค ผลการเลือกตั้งรอบสองของฝรั่งเศส และตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐ เดือนมิ.ย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่