วันที่ 5 ของคนอื่นบอดช้ำจากอดีตชาติตน แต่สำหรับเน็ตแล้วมันเหมือนเขาแค่อยู่และตาย
เครื่องเล่นในสวนสนุกแทบไม่มีคนเล่น ทุกคนร้องไห้ หาที่เงียบ ๆ ทำ เนื่องจากร่างกายของเด็กทุกคนที่อยู่ในนี้ ชราภาพกันหมด
ภารกิจวันที่ห้าที่ไม่น่าจะมีก็เกิดขึ้น “จงมีความสุขที่ส่งมอบความสุขให้คนอื่นต่อไปได้”
ความสุขที่แทบหาไม่ได้ในอดีตชาติ เน็ตจะทำได้เหรอ อหิงสาใบหน้าคนเดินและยิ้มพร้อมพูด
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
“เล่นเครื่องเล่นไหม”
“ไม่ครับ”
“มันไม่สนุกหรอก ฉันว่ามันเหมาะกับคนแบบคุณเลยนะ”
เน็ตมองรอบ ๆ ที่สวนสนุกกลางวันคนวัยชราทำอะไรกันอยู่
ทุกคนเล่นพิเรนท์ ก่อกวน หาคนพูดคุย พวกเขามีรอยยิ้ม แต่สำหรับเน็ตความสุขที่แท้จริงไม่ใช่อย่างนั้น
“คุณจะอยู่ตรงนี้เหรอ” เน็ตถามเพราะไม่อยากคุยกับใคร
“คุณเคยเห็นพวกฉันเปลี่ยนร่างไหม”
“เคย แต่แวบ ๆ”
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณท่องสวนสนุกแห่งนี้ จนคุณลืมไม่หลง”
เน็ตสนใจการเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบบล็อก เป็นแล้วก็น่าจะไปที่ไหนก็ได้หมด แต่เขาแค่คิด
อหิงสาหน้าคนเปลี่ยนตนเองเป็นพรม
“ให้ผมขึ้นไปนั่ง” เน็ตถามและสงสัย
“เอาไว้เป็นผ้าคลุม”
เน็ตรู้สึกว่าอหิงสาอ่านใจคนได้ แต่เรื่องนี้เขาปล่อยผ่าน เขายื่นมือเพื่อจะแตะดู ผ้าคลุมเข้าไปรัดตัวเน็ตและลอยขึ้นฟ้าทันที
“ปล่อยนะ ปล่อยนะ”
อหิงสาจัดแจงตัวเองเป็นผ้าคลุมหลัง ในตอนนี้เน็ตเริ่มรู้สึกถึงความสุขเพียงเล็กน้อยจากที่ตัวเขาลอยได้
มีหลายคนมองมาที่เน็ต เขาเอียงตัวไปทางไหนเขาก็ลอยไปทางนั้น แต่พอมองด้านล่าง เน็ตถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่ลอยได้
หากบอกว่าเน็ตจะตายวันพรุ่งนี้ เน็ตก็พร้อมน้อมรับ ชีวิตที่ถูกกดขี่จากบรรดาผู้ประเสริฐ
อหิงสาพาเน็ตลงมาบนพื้น เขาอยากขอบคุณที่ทำให้เขายิ้มได้ แต่ก็เป็นแค่ความคิด อหิงสากลับร่างเดิม
“คุณอหิงสา คุณเป็นเทพในสวรรค์เหรอ”
“ฉันไม่ได้เป็นเทพนะ ถ้าใกล้เคียงสุดคือทาส อหิงสาทุกตัวสามารถถูกขายได้”
“แล้วใครเป็นคนซื้อ”
“ฉันบอกไม่ได้ เอาเป็นว่าฉันขอตัวไปมอบความสุขให้แก่คนอื่นก่อนนะ หวังว่าวันหนึ่งเราจะได้พบกันใหม่”
ร้านไอศรีมฮิตสุด ๆ แต่ก็เป็นอาหารเพียงหนึ่งอย่างที่พบได้ในดินแดนพระอาทิตย์ หญิงชราคนหนึ่งลอยลงมาที่กลางวงคนจำนวนหนึ่ง เธอกล่าวว่า
“ชั้นที่หนึ่งร้อยของหอคอย ถ้าพิชิตได้ เราจะกลับเป็นเด็กเหมือนเดิม”
หลายคนไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ได้รับพลังวิเศษมามันคนละอย่าง ข่าวกระจายไปอย่างไว เน็ตไม่อยากผจญภัยอีก เขาขออยู่ภายใต้แสงพระอาทิตย์จะดีกว่า
มอนิเตอร์และเพื่อนคนหนึ่งมาที่เน็ตนั่งอยู่
“เน็ตเราต้องไปแดนแสงจันทร์ เดี๋ยวนี้”
มอนิเตอร์วาร์ปเพื่อนมาที่บ้านที่มีรูปลักษณ์บิดเบี้ยว แต่หลังใหญ่ พวกเขาเปิดประตูเข้าไป
ในบ้านจะเย็น หิมะก็ตก เน็ตน้ำตาคลอเบ้า สมัยวัยรุ่นเขาอยากไปดูหิมะ แต่ด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่างเลยทำให้เขามุ่งเป้าเพียงอย่างเดียว ตอนนี้รับรู้ได้แค่ความหนาว
สันทยาที่หลบซ่อนในบ้านขยับ พวกมันใส่ของป้องกันที่หาได้ทั่วไปในบ้านใส่เป็นเกราะป้องกัน และมารวมตัวกันเป็นก้อนเดียว นี่คือสิ่งพิเศษของพวกมัน
“มีปัญหาที่ถ่อมาไกลถึงที่นี่เลยเหรอ” สันทยาลับถาม
“กว่าจะไขปริศนาได้ก็ดันกลายเป็นว่าอลหม่านกันหมด”
“ของล่ะ” เพื่อนที่มากับมอนิเตอร์เดินไปด้านหน้าสันทยาก่อนที่ทั้งสองจะรวมร่างกัน
เน็ตชะงักไปพักใหญ่ พอรวมกันเสร็จ เด็กชายก็ตัวสูงขึ้นและเหมือนว่าจะปล่อยพลังได้ด้วย เน็ตมีความสุขที่ได้เห็น
“อยู่ด้านหลังนี้” ร่างใหม่มองกำแพงด้านหน้าที่มีแต่หิมะ
“ก็คงเป็นอย่างงั้น” มอนิเตอร์ตอบ
หน้าที่ของสองตัวรวมกันเดินออกจากด้านหน้า คนที่เหลือเดินตามไปด้านหลังบ้าน
พายุหิมะปิดบังทัศนวิสัยรอบทิศ แต่ได้เพื่อนสันทยาสร้างร่างกายที่ร้อนจนแผ่ขยายถึงเพื่อน สิ่งที่รับรู้มีเพียงตอนไหนจะถึงจุดหมายเพียงเท่านั้น
เสียงสีรุ้งปรากฏเป็นช่วง ๆ ท่ามกลางหมอก
สักพักพวกเขาก็มาถึงสุดทางของดินแดน มันเป็นกำแพงใสที่มีสีรุ้งว่าวไปหลายมา
“พลังที่คุณมีคืออะไรเหรอเน็ต” มอนิเตอร์ถาม เขารู้มันคืออะไร แต่ที่ถามออกไปก็เพราะว่าเน็ตไว้ใจต่อเขาหรือเปล่า
“ไม่มีครับ”
คำตอบของเน็ตทำเอามอนิเตอร์ขาดความเชื่อใจจากเขา
ด้านนอกกำแพงล่องหนไม่มีสิ่งไหนอยู่เลย เหมือนว่าจุดที่เขาอาศัยอยู่คือโลกมนุษย์ แต่อยู่บนฟ้า
“เอาไงต่อ”
ไม่กี่วิต่อมาเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนที่เป็นอันตรายกับดินแดนทั้งสอง ใบหน้าชายสามคนคือ เน็ต มอนิเตอร์ และเพื่อนอีกคน
การหลบซ่อนตัวในวันสุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายชนะ หลายคนที่ได้ยินและเห็นประกาศจับ น้อยคนหนักที่จะบอกว่าได้รับรางวัลไหม
“เจอตัวแล้ว” เสียงที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ดังจากทางที่พวกเน็ตเดินมา
เหล่าคนหลบซ่อนจนมุม ก่อนที่เสียงเดินย่ำหิมะจะใกล้เข้ามา คนซ่อนไม่กล้าปริปากเพราะอาจจะมีใครได้ยิน
เน็ตรู้สึกปวดร้าวที่กระดูกเพราะอากาศเย็น
“ผมรู้สึกปวดกระดูกมากเลยครับ” เน็ตว่า
“งั้นรีโมต ช่วยขยายความร้อนอีกสักนิดที” มอนิเตอร์ตอบ
แต่กลับเป็นว่าคนที่มา เขาจะมารวมกลุ่มกับมอนิเตอร์
“มีกลุ่มต่าง ๆ เกิดขึ้นทั่วทั้งสองดินแดน ผมคิดว่ามาเจอพวกคุณน่าจะดีกว่า” ชายแปลกหน้ายกมือขึ้นสองข้าง
“ได้ แต่ห้ามทำร้ายใครในกลุ่ม” มอนิเตอร์กล่าว
“ผมไม่ทำอยู่แล้ว”
ความวุ่ยวายทวีความรุนแรงขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ไม่กี่วันทุกคนก็แบ่งฝักฝ่ายทันที
พวกหลบหนีตามมอนิเตอร์ไปยังสถานที่ข้าง ๆ จุดที่มีหิมะ พ้นออกมามือใครบางคนก็ยืดยาวมาจับเน็ตราวกับว่ารู้ทางหนีของเหยื่อ เน็ตร้องเรียกความช่วยเหลือ
มอนิเตอร์รู้ทันพุ่งตัวด้วยความเร็วถีบหน้าออกคนที่ยืดแขนได้ ถึงจะดูรุนแรง แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นอมตะแม้จะไปกระแทกกับเพื่อนมันก็เหมือนเอาหมอนนุ่ม ๆ ตีกัน
เน็ตกลัวเป็นพิเศษ เขาอยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
มอนิเตอร์บินไปจับรีโมตแล้ววาร์ปไปในที่ที่คนไม่อยากอยู่
“นายชื่ออะไรเหรอ” มอนิเตอร์ถามสมาชิกใหม่ล่าสุดโดยไม่มีความกลัวใด ๆ
“แอร์ครับ”
“แอร์ นายรู้อะไรเกี่ยวภารกิจลับบ้าง”
“เพราะแบบนี้ไงผมถึงมาหาคุณ ผมเจอภารกิจในวันที่ 5 ว่าให้นำศูนย์ไปอยู่ตรงกลางแผ่นดิน”
ตั้งแต่ที่มอนิเตอร์ถามตายายมั่งมี เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากของพวกเขาเลย ทุกอย่างพร้อมที่จะนำศูนย์ไปที่ที่ดังว่า
คนจำนวนหนึ่งไม่สนใจจะตามไล่จับ เพราะคนอื่นเดี๋ยวเขาจะจับได้เอง
“จะข้ามไปแดนอาทิตย์หรือเปล่า” มอนิเตอร์ถามรีโมตที่ใกล้จะรวมกับสันทยาเพราะรวมตัวอยู่นานแล้ว
“ใส่สันทยาไม่มีประโยชน์แล้ว” รีโมตสลายตัวกับสันทยา “แต่อยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยอยู่แล้ว อาศัยความมืดของท้องฟ้า”
“อย่างนั้นก็ได้”
เน็ตถูกลากไปนั่นไปนี่จนตัวเขาเองไม่อยากทำอีกแล้ว
“พอเถอะครับ ผมเบื่อที่จะต้องหนี” แต่เท้าของเขายังตามคนด้านหน้าต่อ
ถึงจะไม่ได้เก่งอะไร ในหมู่นั้นก็จะมีคนคอยอิจฉา แย่งสิ่งที่บางคนมีความสุขไป แม้จะไม่ได้เจอตัวจริงว่าเขาเป็นยังไงมาก่อน
เสียงระฆังดังลั่น พอเสียงหยุด ทุกคนวันที่ 5 ก็ค่อย ๆ จางหายไป
ทุกอย่างเดิมตามเดิม เสียงดีใจของคนที่ต้องเล่นตามเกมของคนวันที่ 5 จบลง ทุกคนมีความสุข ภารกิจที่เน็ตได้รับลุล่วง
เขามาโผล่ที่โลกสีขาว พอคนด้านหน้าที่เป็นเด็กตอน 10 ขวบ เขาเศร้านะ เขาพยายามเดินไปจับหัวของเขาตอนเด็กตามความรู้สึก
อยู่ ๆ ก็มีชายวัยกลางคนออกมาจับมือกับเน็ตในวัยชรา
“ขอบคุณคุณ”
“ทำไมต้องขอบคุณผม”
“โลกหลังความตามต้องการเรื่องราวเช่นเดียวกับคนที่ยังมีชีวิต สิ่งที่ทำให้คัดแยกคนได้ดี เป็นเพราะคุณ”
“ผมแค่หนี”
“แต่คุณก็สามารถใช้เหรียญซื้อของที่ใช้ล่องหนได้นี่”
“ผมคิดไปเลย”
Morning 5 Ver.1.2 ภารกิจวันที่ 5
เครื่องเล่นในสวนสนุกแทบไม่มีคนเล่น ทุกคนร้องไห้ หาที่เงียบ ๆ ทำ เนื่องจากร่างกายของเด็กทุกคนที่อยู่ในนี้ ชราภาพกันหมด
ภารกิจวันที่ห้าที่ไม่น่าจะมีก็เกิดขึ้น “จงมีความสุขที่ส่งมอบความสุขให้คนอื่นต่อไปได้”
ความสุขที่แทบหาไม่ได้ในอดีตชาติ เน็ตจะทำได้เหรอ อหิงสาใบหน้าคนเดินและยิ้มพร้อมพูด
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
“เล่นเครื่องเล่นไหม”
“ไม่ครับ”
“มันไม่สนุกหรอก ฉันว่ามันเหมาะกับคนแบบคุณเลยนะ”
เน็ตมองรอบ ๆ ที่สวนสนุกกลางวันคนวัยชราทำอะไรกันอยู่
ทุกคนเล่นพิเรนท์ ก่อกวน หาคนพูดคุย พวกเขามีรอยยิ้ม แต่สำหรับเน็ตความสุขที่แท้จริงไม่ใช่อย่างนั้น
“คุณจะอยู่ตรงนี้เหรอ” เน็ตถามเพราะไม่อยากคุยกับใคร
“คุณเคยเห็นพวกฉันเปลี่ยนร่างไหม”
“เคย แต่แวบ ๆ”
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณท่องสวนสนุกแห่งนี้ จนคุณลืมไม่หลง”
เน็ตสนใจการเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบบล็อก เป็นแล้วก็น่าจะไปที่ไหนก็ได้หมด แต่เขาแค่คิด
อหิงสาหน้าคนเปลี่ยนตนเองเป็นพรม
“ให้ผมขึ้นไปนั่ง” เน็ตถามและสงสัย
“เอาไว้เป็นผ้าคลุม”
เน็ตรู้สึกว่าอหิงสาอ่านใจคนได้ แต่เรื่องนี้เขาปล่อยผ่าน เขายื่นมือเพื่อจะแตะดู ผ้าคลุมเข้าไปรัดตัวเน็ตและลอยขึ้นฟ้าทันที
“ปล่อยนะ ปล่อยนะ”
อหิงสาจัดแจงตัวเองเป็นผ้าคลุมหลัง ในตอนนี้เน็ตเริ่มรู้สึกถึงความสุขเพียงเล็กน้อยจากที่ตัวเขาลอยได้
มีหลายคนมองมาที่เน็ต เขาเอียงตัวไปทางไหนเขาก็ลอยไปทางนั้น แต่พอมองด้านล่าง เน็ตถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่ลอยได้
หากบอกว่าเน็ตจะตายวันพรุ่งนี้ เน็ตก็พร้อมน้อมรับ ชีวิตที่ถูกกดขี่จากบรรดาผู้ประเสริฐ
อหิงสาพาเน็ตลงมาบนพื้น เขาอยากขอบคุณที่ทำให้เขายิ้มได้ แต่ก็เป็นแค่ความคิด อหิงสากลับร่างเดิม
“คุณอหิงสา คุณเป็นเทพในสวรรค์เหรอ”
“ฉันไม่ได้เป็นเทพนะ ถ้าใกล้เคียงสุดคือทาส อหิงสาทุกตัวสามารถถูกขายได้”
“แล้วใครเป็นคนซื้อ”
“ฉันบอกไม่ได้ เอาเป็นว่าฉันขอตัวไปมอบความสุขให้แก่คนอื่นก่อนนะ หวังว่าวันหนึ่งเราจะได้พบกันใหม่”
ร้านไอศรีมฮิตสุด ๆ แต่ก็เป็นอาหารเพียงหนึ่งอย่างที่พบได้ในดินแดนพระอาทิตย์ หญิงชราคนหนึ่งลอยลงมาที่กลางวงคนจำนวนหนึ่ง เธอกล่าวว่า
“ชั้นที่หนึ่งร้อยของหอคอย ถ้าพิชิตได้ เราจะกลับเป็นเด็กเหมือนเดิม”
หลายคนไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ได้รับพลังวิเศษมามันคนละอย่าง ข่าวกระจายไปอย่างไว เน็ตไม่อยากผจญภัยอีก เขาขออยู่ภายใต้แสงพระอาทิตย์จะดีกว่า
มอนิเตอร์และเพื่อนคนหนึ่งมาที่เน็ตนั่งอยู่
“เน็ตเราต้องไปแดนแสงจันทร์ เดี๋ยวนี้”
มอนิเตอร์วาร์ปเพื่อนมาที่บ้านที่มีรูปลักษณ์บิดเบี้ยว แต่หลังใหญ่ พวกเขาเปิดประตูเข้าไป
ในบ้านจะเย็น หิมะก็ตก เน็ตน้ำตาคลอเบ้า สมัยวัยรุ่นเขาอยากไปดูหิมะ แต่ด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่างเลยทำให้เขามุ่งเป้าเพียงอย่างเดียว ตอนนี้รับรู้ได้แค่ความหนาว
สันทยาที่หลบซ่อนในบ้านขยับ พวกมันใส่ของป้องกันที่หาได้ทั่วไปในบ้านใส่เป็นเกราะป้องกัน และมารวมตัวกันเป็นก้อนเดียว นี่คือสิ่งพิเศษของพวกมัน
“มีปัญหาที่ถ่อมาไกลถึงที่นี่เลยเหรอ” สันทยาลับถาม
“กว่าจะไขปริศนาได้ก็ดันกลายเป็นว่าอลหม่านกันหมด”
“ของล่ะ” เพื่อนที่มากับมอนิเตอร์เดินไปด้านหน้าสันทยาก่อนที่ทั้งสองจะรวมร่างกัน
เน็ตชะงักไปพักใหญ่ พอรวมกันเสร็จ เด็กชายก็ตัวสูงขึ้นและเหมือนว่าจะปล่อยพลังได้ด้วย เน็ตมีความสุขที่ได้เห็น
“อยู่ด้านหลังนี้” ร่างใหม่มองกำแพงด้านหน้าที่มีแต่หิมะ
“ก็คงเป็นอย่างงั้น” มอนิเตอร์ตอบ
หน้าที่ของสองตัวรวมกันเดินออกจากด้านหน้า คนที่เหลือเดินตามไปด้านหลังบ้าน
พายุหิมะปิดบังทัศนวิสัยรอบทิศ แต่ได้เพื่อนสันทยาสร้างร่างกายที่ร้อนจนแผ่ขยายถึงเพื่อน สิ่งที่รับรู้มีเพียงตอนไหนจะถึงจุดหมายเพียงเท่านั้น
เสียงสีรุ้งปรากฏเป็นช่วง ๆ ท่ามกลางหมอก
สักพักพวกเขาก็มาถึงสุดทางของดินแดน มันเป็นกำแพงใสที่มีสีรุ้งว่าวไปหลายมา
“พลังที่คุณมีคืออะไรเหรอเน็ต” มอนิเตอร์ถาม เขารู้มันคืออะไร แต่ที่ถามออกไปก็เพราะว่าเน็ตไว้ใจต่อเขาหรือเปล่า
“ไม่มีครับ”
คำตอบของเน็ตทำเอามอนิเตอร์ขาดความเชื่อใจจากเขา
ด้านนอกกำแพงล่องหนไม่มีสิ่งไหนอยู่เลย เหมือนว่าจุดที่เขาอาศัยอยู่คือโลกมนุษย์ แต่อยู่บนฟ้า
“เอาไงต่อ”
ไม่กี่วิต่อมาเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนที่เป็นอันตรายกับดินแดนทั้งสอง ใบหน้าชายสามคนคือ เน็ต มอนิเตอร์ และเพื่อนอีกคน
การหลบซ่อนตัวในวันสุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายชนะ หลายคนที่ได้ยินและเห็นประกาศจับ น้อยคนหนักที่จะบอกว่าได้รับรางวัลไหม
“เจอตัวแล้ว” เสียงที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ดังจากทางที่พวกเน็ตเดินมา
เหล่าคนหลบซ่อนจนมุม ก่อนที่เสียงเดินย่ำหิมะจะใกล้เข้ามา คนซ่อนไม่กล้าปริปากเพราะอาจจะมีใครได้ยิน
เน็ตรู้สึกปวดร้าวที่กระดูกเพราะอากาศเย็น
“ผมรู้สึกปวดกระดูกมากเลยครับ” เน็ตว่า
“งั้นรีโมต ช่วยขยายความร้อนอีกสักนิดที” มอนิเตอร์ตอบ
แต่กลับเป็นว่าคนที่มา เขาจะมารวมกลุ่มกับมอนิเตอร์
“มีกลุ่มต่าง ๆ เกิดขึ้นทั่วทั้งสองดินแดน ผมคิดว่ามาเจอพวกคุณน่าจะดีกว่า” ชายแปลกหน้ายกมือขึ้นสองข้าง
“ได้ แต่ห้ามทำร้ายใครในกลุ่ม” มอนิเตอร์กล่าว
“ผมไม่ทำอยู่แล้ว”
ความวุ่ยวายทวีความรุนแรงขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ไม่กี่วันทุกคนก็แบ่งฝักฝ่ายทันที
พวกหลบหนีตามมอนิเตอร์ไปยังสถานที่ข้าง ๆ จุดที่มีหิมะ พ้นออกมามือใครบางคนก็ยืดยาวมาจับเน็ตราวกับว่ารู้ทางหนีของเหยื่อ เน็ตร้องเรียกความช่วยเหลือ
มอนิเตอร์รู้ทันพุ่งตัวด้วยความเร็วถีบหน้าออกคนที่ยืดแขนได้ ถึงจะดูรุนแรง แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นอมตะแม้จะไปกระแทกกับเพื่อนมันก็เหมือนเอาหมอนนุ่ม ๆ ตีกัน
เน็ตกลัวเป็นพิเศษ เขาอยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
มอนิเตอร์บินไปจับรีโมตแล้ววาร์ปไปในที่ที่คนไม่อยากอยู่
“นายชื่ออะไรเหรอ” มอนิเตอร์ถามสมาชิกใหม่ล่าสุดโดยไม่มีความกลัวใด ๆ
“แอร์ครับ”
“แอร์ นายรู้อะไรเกี่ยวภารกิจลับบ้าง”
“เพราะแบบนี้ไงผมถึงมาหาคุณ ผมเจอภารกิจในวันที่ 5 ว่าให้นำศูนย์ไปอยู่ตรงกลางแผ่นดิน”
ตั้งแต่ที่มอนิเตอร์ถามตายายมั่งมี เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากของพวกเขาเลย ทุกอย่างพร้อมที่จะนำศูนย์ไปที่ที่ดังว่า
คนจำนวนหนึ่งไม่สนใจจะตามไล่จับ เพราะคนอื่นเดี๋ยวเขาจะจับได้เอง
“จะข้ามไปแดนอาทิตย์หรือเปล่า” มอนิเตอร์ถามรีโมตที่ใกล้จะรวมกับสันทยาเพราะรวมตัวอยู่นานแล้ว
“ใส่สันทยาไม่มีประโยชน์แล้ว” รีโมตสลายตัวกับสันทยา “แต่อยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยอยู่แล้ว อาศัยความมืดของท้องฟ้า”
“อย่างนั้นก็ได้”
เน็ตถูกลากไปนั่นไปนี่จนตัวเขาเองไม่อยากทำอีกแล้ว
“พอเถอะครับ ผมเบื่อที่จะต้องหนี” แต่เท้าของเขายังตามคนด้านหน้าต่อ
ถึงจะไม่ได้เก่งอะไร ในหมู่นั้นก็จะมีคนคอยอิจฉา แย่งสิ่งที่บางคนมีความสุขไป แม้จะไม่ได้เจอตัวจริงว่าเขาเป็นยังไงมาก่อน
เสียงระฆังดังลั่น พอเสียงหยุด ทุกคนวันที่ 5 ก็ค่อย ๆ จางหายไป
ทุกอย่างเดิมตามเดิม เสียงดีใจของคนที่ต้องเล่นตามเกมของคนวันที่ 5 จบลง ทุกคนมีความสุข ภารกิจที่เน็ตได้รับลุล่วง
เขามาโผล่ที่โลกสีขาว พอคนด้านหน้าที่เป็นเด็กตอน 10 ขวบ เขาเศร้านะ เขาพยายามเดินไปจับหัวของเขาตอนเด็กตามความรู้สึก
อยู่ ๆ ก็มีชายวัยกลางคนออกมาจับมือกับเน็ตในวัยชรา
“ขอบคุณคุณ”
“ทำไมต้องขอบคุณผม”
“โลกหลังความตามต้องการเรื่องราวเช่นเดียวกับคนที่ยังมีชีวิต สิ่งที่ทำให้คัดแยกคนได้ดี เป็นเพราะคุณ”
“ผมแค่หนี”
“แต่คุณก็สามารถใช้เหรียญซื้อของที่ใช้ล่องหนได้นี่”
“ผมคิดไปเลย”