เรื่องของเรื่องก็คือ
ผมขอสินเขื่อบ้านกับธนาคารแห่งหนึ่งเมื่อ 24/5/67 ที่ผ่านมา
โดนยอดสินเชื่อเป็นยอดค่ากู้ซื้อบ้าน + ประกันอัคคีภัย 3 ปี (ประมาณ 15,000) บาท
ซึ่งจริงๆผมต้องการยอดสินเชื่อเฉพาะค่ากู้ซื้อบ้าน และแยกจ่ายค่าประกันอัคคีภัยออกไป
แต่ด้วยเหตุผลที่คุยกับตัวแทนสินเชื่อของธนาคารว่าต้องไปทำเรื่องขออนุมัติใหม่ ซึ่งใช้ระยะเวลานาน อาจจะไม่ทันกำหนดการรับโอนบ้าน
ผมเลยตกลงเป็นรวมค่าประกันอัคคีภัยไปในยอดขอสินเชื่อนั้น โดยที่ผมขอจ่ายค่าประกันอัคคีภัยแยกออกมาก่อนงวดผ่อนบ้านงวดแรก เพื่อที่จะได้ตัดจบปัญหาเรื่องค่าประกันอัคคีภัย
วันที่ 24/5/67 ผมจึงทำสัญญาขอสินเชื่อ โดยในวันนั้นเสียค่าอากรแสมป์(ประมาณ 3,500) และค่าประกันอัคคีภัยไป (ประมาณ 15,000) โดยมีกำหนดชำระค่างวดบ้านรอบแรกวันที่ 28/6/67 นี้ โดยมีค่างวดที่ต้องชำระประมาณ 20,000 บาท
ปัญหาคือ เมื่อสัปดาห์ก่อน (พุธ 19/6/67 ) ผมเข้าไปเช็คในบัญชีที่จ่ายค่าบ้าน
ปรากฏว่าค่างวดที่ต้องจ่ายกลายเป็น 36,000
ซึ่งน่าจะเป็นค่างวด + ค่าประกันอัคคีภัย
ผมสอบถามไปทางตัวแทนสินเชื่อคนเดิม ได้คำตอบว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของระบบ แต่ตัวของเค้าดูแลถึงแค่จบขัเนตอนการทำสัญยาสินเชื่อ ไม่ได้ดูแลหลังจากนั้น จะประสานงานและช่วยดำเนินการให้ และหากดำเนินการไม่ทันในวันพุธที่ 26/7/67 ให้ผมโอนเงินในบัญชีที่จะจ่ายค่างวดออกให้เหลือแค่ประมาณ 20,000 ที่เป็นค่างวดอย่างเดียว โดยไม่ต้องเผื่อไว้ 36,000 ตามที่ในแอปแจ้ง
วันอังคาร 25/6/67 ผมเริ่มกังวลมากขึ้น เพราะค่าผ่อนยังเป็น 36,000อยู่
และกลัวว่าถ้าเราทำตามที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อแจ้งว่าให้เหลือเงินในบัญชีไว้แค่ประมาณ 20,000 พอดีสำหรับค่างวดพอ หากว่าธนาคารตัดยอด 36,000 จริงจะทำให้กลายเป็นว่าผมจ่ายค่างวดรอบแรกไม่ครบ กลายเป็นเสียเครดิตไป
จึงติดต่อจนทคนเดิม และได้คำตอบเดิมว่าเค้าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่จะเร่งประสานให้
ผมได้ขอให้เค้าแจ้งเจ้าหน้าที่คนที่รับผิดชอบให้ติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับ
เมื่อวาน 26/6/67 จึงติดต่อไปอีกครั้ง ได้คำตอบรูปแบบเดิมว่าเค้าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่พอผมจะขอทราบชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดช กลับถูกบ่ายเบี่ยง และพูดแต่ว่าจะประสานและเร่งดำเนินการให้
ผมรู้สึกว่าการติดต่อทางนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น จึงเหลืออด เลยโทรไป call center ของธนาคารนั้น เพื่อหาทางอื่น ทางจนท call center พูดจาดีมากและตรวจสอบให้
พบว่าผมยังไม่ได้ชำระค่าประกันอัคคีภัยทั้งๆที่เคยชำระไปแล้วแน่นอน และเงินที่ผมเข้าใจว่าชำระเป็นค่าประกันอัคคีภัยเข้าไปนั้นไปเข้าเงินต้นของค่าผ่อนบ้านแทน
ผมรู้สึกงงมากว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น จึงให้เค้าช่วยประสาน จนท ที่รับผิดชอบ ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นคนละคนกับ จนท สินเชื่อที่ผมคุยด้วย แต่ได้ความว่าสินเชื่อของผมมีจนทที่ดูแลเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ จนท ที่ผมได้ติดต่ออยู่ช่วงที่ผ่านมา และได้รับคำตอบเดิมว่าจะเร่งประสานให้
ผมยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปอีก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ค่าประกันอัคคีภัยทำไมถึงไปเข้าค่าเงินต้นของบ้านแทน แต่ยังไม่ได้จ่ายค่าประกัน? แล้วเจ้าหน้าที่สินเชื่อทีต้องดูแลตรงส่วนนี้มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นการแอบอ้างจาก จนท สินเชื่อคนแรกเท่านั้น
จนถึงวันนี้ (27/6/67) ใกล้จะถึงวันผ่อนบ้านวันแรกแล้ว ในระบบก็ยังขึ้นเป็นค่าผ่อนชำระประมาณ 36,000 อยู่
ผมเลยอยากสอบถามว่า ผมควรทำยังไงดีครับ
พรุ่งนี้จะต้องจ่ายค่างวดบ้านแล้ว ควรใส่เงินในบัญชีไว้เท่าไหร่ ? 20,000 ตาม จนท บอก หรือ 36,000 ตามแอปscb บอก ?
ผมควรทำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อคนนี้? สรุปเค้าทำผิดพลาดใช่ไหม?
3. ควรดำเนินการเรื่องนี้ยังไงต่อดี ? เป็นความรับผิดชอบของธนาคารใช่ไหมครับ?
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่เข้ามาตอบนะครับ
แบบนี้คือโดนธนาคารเล่นไม่ซื่อรึเปล่าครับ?
ผมขอสินเขื่อบ้านกับธนาคารแห่งหนึ่งเมื่อ 24/5/67 ที่ผ่านมา
โดนยอดสินเชื่อเป็นยอดค่ากู้ซื้อบ้าน + ประกันอัคคีภัย 3 ปี (ประมาณ 15,000) บาท
ซึ่งจริงๆผมต้องการยอดสินเชื่อเฉพาะค่ากู้ซื้อบ้าน และแยกจ่ายค่าประกันอัคคีภัยออกไป
แต่ด้วยเหตุผลที่คุยกับตัวแทนสินเชื่อของธนาคารว่าต้องไปทำเรื่องขออนุมัติใหม่ ซึ่งใช้ระยะเวลานาน อาจจะไม่ทันกำหนดการรับโอนบ้าน
ผมเลยตกลงเป็นรวมค่าประกันอัคคีภัยไปในยอดขอสินเชื่อนั้น โดยที่ผมขอจ่ายค่าประกันอัคคีภัยแยกออกมาก่อนงวดผ่อนบ้านงวดแรก เพื่อที่จะได้ตัดจบปัญหาเรื่องค่าประกันอัคคีภัย
วันที่ 24/5/67 ผมจึงทำสัญญาขอสินเชื่อ โดยในวันนั้นเสียค่าอากรแสมป์(ประมาณ 3,500) และค่าประกันอัคคีภัยไป (ประมาณ 15,000) โดยมีกำหนดชำระค่างวดบ้านรอบแรกวันที่ 28/6/67 นี้ โดยมีค่างวดที่ต้องชำระประมาณ 20,000 บาท
ปัญหาคือ เมื่อสัปดาห์ก่อน (พุธ 19/6/67 ) ผมเข้าไปเช็คในบัญชีที่จ่ายค่าบ้าน
ปรากฏว่าค่างวดที่ต้องจ่ายกลายเป็น 36,000
ซึ่งน่าจะเป็นค่างวด + ค่าประกันอัคคีภัย
ผมสอบถามไปทางตัวแทนสินเชื่อคนเดิม ได้คำตอบว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของระบบ แต่ตัวของเค้าดูแลถึงแค่จบขัเนตอนการทำสัญยาสินเชื่อ ไม่ได้ดูแลหลังจากนั้น จะประสานงานและช่วยดำเนินการให้ และหากดำเนินการไม่ทันในวันพุธที่ 26/7/67 ให้ผมโอนเงินในบัญชีที่จะจ่ายค่างวดออกให้เหลือแค่ประมาณ 20,000 ที่เป็นค่างวดอย่างเดียว โดยไม่ต้องเผื่อไว้ 36,000 ตามที่ในแอปแจ้ง
วันอังคาร 25/6/67 ผมเริ่มกังวลมากขึ้น เพราะค่าผ่อนยังเป็น 36,000อยู่
และกลัวว่าถ้าเราทำตามที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อแจ้งว่าให้เหลือเงินในบัญชีไว้แค่ประมาณ 20,000 พอดีสำหรับค่างวดพอ หากว่าธนาคารตัดยอด 36,000 จริงจะทำให้กลายเป็นว่าผมจ่ายค่างวดรอบแรกไม่ครบ กลายเป็นเสียเครดิตไป
จึงติดต่อจนทคนเดิม และได้คำตอบเดิมว่าเค้าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่จะเร่งประสานให้
ผมได้ขอให้เค้าแจ้งเจ้าหน้าที่คนที่รับผิดชอบให้ติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับ
เมื่อวาน 26/6/67 จึงติดต่อไปอีกครั้ง ได้คำตอบรูปแบบเดิมว่าเค้าไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่พอผมจะขอทราบชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดช กลับถูกบ่ายเบี่ยง และพูดแต่ว่าจะประสานและเร่งดำเนินการให้
ผมรู้สึกว่าการติดต่อทางนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น จึงเหลืออด เลยโทรไป call center ของธนาคารนั้น เพื่อหาทางอื่น ทางจนท call center พูดจาดีมากและตรวจสอบให้
พบว่าผมยังไม่ได้ชำระค่าประกันอัคคีภัยทั้งๆที่เคยชำระไปแล้วแน่นอน และเงินที่ผมเข้าใจว่าชำระเป็นค่าประกันอัคคีภัยเข้าไปนั้นไปเข้าเงินต้นของค่าผ่อนบ้านแทน
ผมรู้สึกงงมากว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น จึงให้เค้าช่วยประสาน จนท ที่รับผิดชอบ ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นคนละคนกับ จนท สินเชื่อที่ผมคุยด้วย แต่ได้ความว่าสินเชื่อของผมมีจนทที่ดูแลเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ จนท ที่ผมได้ติดต่ออยู่ช่วงที่ผ่านมา และได้รับคำตอบเดิมว่าจะเร่งประสานให้
ผมยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปอีก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ค่าประกันอัคคีภัยทำไมถึงไปเข้าค่าเงินต้นของบ้านแทน แต่ยังไม่ได้จ่ายค่าประกัน? แล้วเจ้าหน้าที่สินเชื่อทีต้องดูแลตรงส่วนนี้มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นการแอบอ้างจาก จนท สินเชื่อคนแรกเท่านั้น
จนถึงวันนี้ (27/6/67) ใกล้จะถึงวันผ่อนบ้านวันแรกแล้ว ในระบบก็ยังขึ้นเป็นค่าผ่อนชำระประมาณ 36,000 อยู่
ผมเลยอยากสอบถามว่า ผมควรทำยังไงดีครับ
พรุ่งนี้จะต้องจ่ายค่างวดบ้านแล้ว ควรใส่เงินในบัญชีไว้เท่าไหร่ ? 20,000 ตาม จนท บอก หรือ 36,000 ตามแอปscb บอก ?
ผมควรทำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อคนนี้? สรุปเค้าทำผิดพลาดใช่ไหม?
3. ควรดำเนินการเรื่องนี้ยังไงต่อดี ? เป็นความรับผิดชอบของธนาคารใช่ไหมครับ?
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่เข้ามาตอบนะครับ