ไม่ใช่นักกีฬา ไม่ได้กินคลีน แต่ จดส่วนผสมอาหารที่กินแต่ละมื้อ มีจ้างปรึกษานักโภชนากรเป็นพักๆ
คนออกกำลังกายจริงจัง เล่นกีฬาจริงจัง ส่วนมากยังไม่ทำเลย จริงหรือ?
เนื่องจากได้พบกับเพื่อนเก่า แล้วเค้าว่าไลฟ์สไตล์ผมแปลกมาก แปลกเกินไป ดูไม่มีความสุข แล้วระวังลูกก็จะรู้สึกชีวิตมันตึงเกินไปด้วย
ผมกับลูกสาว(15 ปี) ชอบวิ่ง แต่ไม่ได้วิ่งจริงจัง แค่วิ่งกันเกือบทุกวัน 5-7 กม. แล้วแต่เวลาอำนวย ไปงานวิ่งเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้วิ่งไกล วิ่ง 10 กม. นี่แหละ เคยชวนกันไปฮาล์ฟแล้ว มันทรมานเกินไป เกินสนุกไปหน่อย แล้วช่งเตรียมไปฮาล์ฟ ก็รู้สึกชีวิตตึงเครียด เลยวิ่งกันแค่นี้พอ ไม่ได้ต้องการไล่ล่าเกียรติยศ
เข้าฟิตเนสหมู่บ้านสัปดาห์ละหน ไม่เป็นกิจวัตร ไม่มีคอร์ส เข้าไปเล่นกันไปคุยกันไปมากกว่า ไม่มีเทรนเนอร์
ไม่ว่ายน้ำจริงจัง ไม่ปั่นจักรยาน(เพราะลูกสาวไม่ชอบ) มีตีแบดฯบ้างถ้ามีเพื่อนนัด ไปตี 1-2 ชม. แต่มันเหนื่อยมากกกก เทนนิส ก็นานๆที มีคอร์ทของหมู่บ้าน ก็เล่นขำๆกับคุณลุงในหมู่บ้าน แต่พอเล่นไม่บ่อยก็เล่นห่วย สองคนรุมลุงยังแพ้เลย
แต่เรื่องของเรื่องคือ อาหารการกิน ซึ่ง 90% ทำอหารกินเองที่บ้าน จะไปกินนอกบ้านเป็นรางวัลชีวิตเท่านั้น เวลาทำอาหารจะคอยจดเมนูและน้ำหนักวัตถุดิบคร่วๆเอาไว้ตลอด ครบสัปดาห์ คำนวนรวมทีเดียว มีปรึกษาโภชนากร เพราะตอนที่จะไปฮาล์ฟมาราธอน ตอนนั้น ต้องจัดการกับน้ำหนักตัวด้วย จากนั้นมา ไม่ได้ปรึกษาตลอด แต่ได้คำแนะนำให้ทำแบบนี้ แล้ว 2-3 เดือน ก็มาอัพเดทกัน สุขภาพมีปัญหาอะไรมั้ย หุ่นมีปัญหาอะไรมั้ย เอาข้อมูลที่บันทึกไว้มาคุยกัน
เมนูอาหารก็ไม่ได้สุดขอบมาก เช้ากินไข่ดาว ธัญพืชต่างๆ นม ซีเรียล ผลไม้แห้ง มีเพิ่มพวกแปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน เพื่อรสชาติสลับๆกันไป ทำอาหารกินเอง ก็มีทั้งแบบสุขภาพจัดๆ ปลานึ่งสมุนไพรไม่ปรุงรส ไปจนสตูว์ยัดเนยเป็นก้อน ทำขนมกินก็น้ำตาลเป็นถ้วยๆ ปั่นไอติมกินกันเองก็เอาอร่อย ไม่ได้เอาสุขภาพอะไร แต่รู้สึกสนุก และ ได้ผลไม้ วัตถุดิบแท้ เลือกเกรดดีหน่อย อบขนมปังกินกันเอง ก็ออกมาแข็งๆเป็นขนมปังชาวป่าโบราณๆนี่แหละ
จนกลายเป็นนิสัยว่า เวลาซื้อของ จะต้องอ่านส่วนผสมเสมอ แล้วมีการจดด้วยว่า ขนมถุงนี้ ยี่ห้อนี้ เกลือ ไขมัน อะไรมากกี่เปอร์เซ็นต์
แรกๆก็ยอมรับว่า ติดขัด ตกหล่น แต่พอทำไปเรือ่ยๆก็ชิน ลูกสาวก็ทำมาด้วยกันตลอดจนเป็นนิสัย
เพื่อนบอกว่า คนทั่วไปเค้าไม่ทำแบบนี้กันหรอก นี่มันสุดโต่งเกินไป แล้วระวัง ถ้าลูกติดนิสัยแบบนี้ จนเป็นปกติ ต่อไป จะหาคนอยู่ด้วยยาก เนื่องจาก ไม่มีใครเค้าทำกัน ถ้าจะมีคนอยู่ด้วยได้ก็ต้องพวกเนิร์ด บ้าออกกำลัง
ไม่ใช่นักกีฬาแต่จ้างปรึกษาโภชนากรเ)็นระยะ จัดการอาหาร แปลกมั้ย?
คนออกกำลังกายจริงจัง เล่นกีฬาจริงจัง ส่วนมากยังไม่ทำเลย จริงหรือ?
เนื่องจากได้พบกับเพื่อนเก่า แล้วเค้าว่าไลฟ์สไตล์ผมแปลกมาก แปลกเกินไป ดูไม่มีความสุข แล้วระวังลูกก็จะรู้สึกชีวิตมันตึงเกินไปด้วย
ผมกับลูกสาว(15 ปี) ชอบวิ่ง แต่ไม่ได้วิ่งจริงจัง แค่วิ่งกันเกือบทุกวัน 5-7 กม. แล้วแต่เวลาอำนวย ไปงานวิ่งเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้วิ่งไกล วิ่ง 10 กม. นี่แหละ เคยชวนกันไปฮาล์ฟแล้ว มันทรมานเกินไป เกินสนุกไปหน่อย แล้วช่งเตรียมไปฮาล์ฟ ก็รู้สึกชีวิตตึงเครียด เลยวิ่งกันแค่นี้พอ ไม่ได้ต้องการไล่ล่าเกียรติยศ
เข้าฟิตเนสหมู่บ้านสัปดาห์ละหน ไม่เป็นกิจวัตร ไม่มีคอร์ส เข้าไปเล่นกันไปคุยกันไปมากกว่า ไม่มีเทรนเนอร์
ไม่ว่ายน้ำจริงจัง ไม่ปั่นจักรยาน(เพราะลูกสาวไม่ชอบ) มีตีแบดฯบ้างถ้ามีเพื่อนนัด ไปตี 1-2 ชม. แต่มันเหนื่อยมากกกก เทนนิส ก็นานๆที มีคอร์ทของหมู่บ้าน ก็เล่นขำๆกับคุณลุงในหมู่บ้าน แต่พอเล่นไม่บ่อยก็เล่นห่วย สองคนรุมลุงยังแพ้เลย
แต่เรื่องของเรื่องคือ อาหารการกิน ซึ่ง 90% ทำอหารกินเองที่บ้าน จะไปกินนอกบ้านเป็นรางวัลชีวิตเท่านั้น เวลาทำอาหารจะคอยจดเมนูและน้ำหนักวัตถุดิบคร่วๆเอาไว้ตลอด ครบสัปดาห์ คำนวนรวมทีเดียว มีปรึกษาโภชนากร เพราะตอนที่จะไปฮาล์ฟมาราธอน ตอนนั้น ต้องจัดการกับน้ำหนักตัวด้วย จากนั้นมา ไม่ได้ปรึกษาตลอด แต่ได้คำแนะนำให้ทำแบบนี้ แล้ว 2-3 เดือน ก็มาอัพเดทกัน สุขภาพมีปัญหาอะไรมั้ย หุ่นมีปัญหาอะไรมั้ย เอาข้อมูลที่บันทึกไว้มาคุยกัน
เมนูอาหารก็ไม่ได้สุดขอบมาก เช้ากินไข่ดาว ธัญพืชต่างๆ นม ซีเรียล ผลไม้แห้ง มีเพิ่มพวกแปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน เพื่อรสชาติสลับๆกันไป ทำอาหารกินเอง ก็มีทั้งแบบสุขภาพจัดๆ ปลานึ่งสมุนไพรไม่ปรุงรส ไปจนสตูว์ยัดเนยเป็นก้อน ทำขนมกินก็น้ำตาลเป็นถ้วยๆ ปั่นไอติมกินกันเองก็เอาอร่อย ไม่ได้เอาสุขภาพอะไร แต่รู้สึกสนุก และ ได้ผลไม้ วัตถุดิบแท้ เลือกเกรดดีหน่อย อบขนมปังกินกันเอง ก็ออกมาแข็งๆเป็นขนมปังชาวป่าโบราณๆนี่แหละ
จนกลายเป็นนิสัยว่า เวลาซื้อของ จะต้องอ่านส่วนผสมเสมอ แล้วมีการจดด้วยว่า ขนมถุงนี้ ยี่ห้อนี้ เกลือ ไขมัน อะไรมากกี่เปอร์เซ็นต์
แรกๆก็ยอมรับว่า ติดขัด ตกหล่น แต่พอทำไปเรือ่ยๆก็ชิน ลูกสาวก็ทำมาด้วยกันตลอดจนเป็นนิสัย
เพื่อนบอกว่า คนทั่วไปเค้าไม่ทำแบบนี้กันหรอก นี่มันสุดโต่งเกินไป แล้วระวัง ถ้าลูกติดนิสัยแบบนี้ จนเป็นปกติ ต่อไป จะหาคนอยู่ด้วยยาก เนื่องจาก ไม่มีใครเค้าทำกัน ถ้าจะมีคนอยู่ด้วยได้ก็ต้องพวกเนิร์ด บ้าออกกำลัง