สำหรับเราเซฟโซนคือตัวเราเอง
คือ ได้ใช้เวลากับตัวเราเองได้ใช้ความคิดเงียบๆใช้ชีวิตไปเรื่อยๆไม่วุ่นวายกับใคร อยากทำอะไรก็ทำ ทำแบบไม่เดือดร้อนคนอื่น
( แต่ก่อนเคยคิดว่าเซฟโซนที่ดีที่สุดคือครอบครัว แต่ตอนนี้แม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่ใช้เซฟโซนสำหรับตัวเรา)
เรากลายเป็นความหวังของครอบครัวไปโดยปริยาย ทุกคนต่างมาพึ่งพาเรา พอได้ในสิ่งที่ตัวเองพอใจก็ไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ หรือคำถามในความห่วงใยกัน ถึงเวลาสิ้นเดือน ก็จะมีแต่คำถาม ? เงินเดือนออกยัง ?
จะส่งมาให้วันไหน? คำถามเหล่านี้ มันทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม เราแค่อยากได้ยิน
ประโยคคำถามสั้นๆไม่กี่คำ แค่"วันนี้เหนื่อยไหมลูก เงินพอใช้หรือป่าว กินข้าวบ้างนะ (แต่ไม่เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้เลยย)
มันเลยทำให้เรากลายเป็นคนที่ดูแบกทุกอย่างไว้จะพูดออกไปก็ไม่กล้ากลัวจะทำให้เสียความรู้สึก บางทีเหนื่อยจากงานมา ก็ต้องมาตอบคำถามว่าเดือนนี้จะส่งเงินไหมบางทีเราก็อยาก ตัดทุกอย่างแล้วไปใช้ชีวิตแบบเงียบๆแบบไม่มีใครรู้จัก เราเลย มันหน้าจะมีความสุขกว่าการที่เป็นอยู่แบบนี้
เซฟโซนของทุกคืออะไร?
คือ ได้ใช้เวลากับตัวเราเองได้ใช้ความคิดเงียบๆใช้ชีวิตไปเรื่อยๆไม่วุ่นวายกับใคร อยากทำอะไรก็ทำ ทำแบบไม่เดือดร้อนคนอื่น
( แต่ก่อนเคยคิดว่าเซฟโซนที่ดีที่สุดคือครอบครัว แต่ตอนนี้แม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่ใช้เซฟโซนสำหรับตัวเรา)
เรากลายเป็นความหวังของครอบครัวไปโดยปริยาย ทุกคนต่างมาพึ่งพาเรา พอได้ในสิ่งที่ตัวเองพอใจก็ไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ หรือคำถามในความห่วงใยกัน ถึงเวลาสิ้นเดือน ก็จะมีแต่คำถาม ? เงินเดือนออกยัง ?
จะส่งมาให้วันไหน? คำถามเหล่านี้ มันทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม เราแค่อยากได้ยิน
ประโยคคำถามสั้นๆไม่กี่คำ แค่"วันนี้เหนื่อยไหมลูก เงินพอใช้หรือป่าว กินข้าวบ้างนะ (แต่ไม่เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้เลยย)
มันเลยทำให้เรากลายเป็นคนที่ดูแบกทุกอย่างไว้จะพูดออกไปก็ไม่กล้ากลัวจะทำให้เสียความรู้สึก บางทีเหนื่อยจากงานมา ก็ต้องมาตอบคำถามว่าเดือนนี้จะส่งเงินไหมบางทีเราก็อยาก ตัดทุกอย่างแล้วไปใช้ชีวิตแบบเงียบๆแบบไม่มีใครรู้จัก เราเลย มันหน้าจะมีความสุขกว่าการที่เป็นอยู่แบบนี้