รอดหรือรุ่ง ? วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นอสังหาฯ ปี 2567

ตลาดอสังหาฯ ในไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในไตรมาสแรกของปี 2567 ด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงและการปล่อยสินเชื่อต่ำสุดในรอบ 6 ปี สะท้อนถึงการชะลอตัวของการลงทุนในภาคอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสในวิกฤตจากปัจจัยที่ Wealthy Thai ได้รวบรวมไว้ ดังนี้

มาตรการกระตุ้นของรัฐบาล
- ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนองเหลือ 0.01%
- ขยายเพดานราคาบ้านจาก 3 ล้านเป็น 7 ล้าน
- สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

สัญญาณการเติบโต
- การกลับมาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีน รัสเซีย และพม่า
- การขยายตัวของธุรกิจใหม่และธุรกิจเดิม
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ย

กลยุทธ์การลงทุน
- เลือกบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและประวัติการดำเนินงานดี
- กระจายการลงทุนในหลายบริษัทและหลายประเภทของอสังหาฯ
- ลงทุนในบริษัทที่เจาะตลาดต่างชาติ

แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง 2567
นักวิเคราะห์หลายแห่งคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ จะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 2567 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามและเฝ้าระมัดระวัง

ความเสี่ยงที่ควรระวัง
- ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
- ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน
- หนี้ครัวเรือนสูงที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อ
- การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจกดดันต้นทุนการพัฒนาอสังหาฯ

สรุป
คาดว่าตลาดอสังหาฯ จะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 2567 ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกมาตรการ LTV ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการฟื้นตัว เช่น 3 หุ้นหลักอย่าง AP, SPALI และ LH

สำหรับปัจจัยพื้นฐานของ AP นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินไตรมาส 2/67 ภาพรวมการขายและการโอนจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยจุดเด่นของบริษัทคือมีสัดส่วนที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 7 ล้านบาทอยู่ที่ 51.80% ของสต็อกทั้งหมด ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท

ส่วน SPALI นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากการเริ่มโอน 3 โครงการใหญ่ โดยให้คำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 23.40 บาท ณ สิ้นปี 2567

สุดท้าย LH นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประมาณการปี 2567 คาดกำไรปกติที่ 6.8 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน จากฐานต่ำของธุรกิจที่อยู่อาศัย โดยปัจจัยบวกมาจากธุรกิจให้เช่าและบริการมีแนวโน้มเติบโต รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงแรม Grande Centre Point สุรวงศ์ ส่วนคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 8.60 บาท ณ สิ้นปี 2567 และคาดเงินปันผล 0.48 บาท หรือ Div. yield 6.9%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่