เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ผลจากการที่รัฐบาลเมียนมาคุมเข้มชาวเมียนมาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง เนื่องจากชาวเมียนมาถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มหลักเป็นอันดับสองรองจากประเทศจีนที่ซื้อคอนโดในไทย อีกทั้งคาดการณ์ว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่มีผลทำให้สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส2 ติดลบต่อเนื่องจากไตรมาสแรก เนื่องจากดีมานด์ตลาดต่างชาติถือเป็นส่วนสำคัญในภาวะที่ตลาดในประเทศกำลังซื้ออ่อนแอ เป็นผลจากภาวะหนี้ครัวเรือน และถูกปฎิเสธสินเชื่อที่ยังสูงต่อเนื่อง ขณะที่ LTV ยังไม่ได้รับยกเว้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่ลูกค้าเมียนมายังมีในสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับชาวจีนที่ยังคงเป็นลูกค้ารายใหญ่
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทเพิ่งขยายตลาดไปยังลูกค้าเมียนมา ล่าสุดมียอดขายประมาณ 10 ยูนิต ราคา 5-10 ล้านบาท ในโครงการย่านพระราม9 ยังไม่ได้รับผลกระทบ และลูกค้าหลักยังคงเป็นจีนและไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันด้วยภาวะตลาดในประเทศกำลังซื้อไม่ดี มียอดกู้ไม่ผ่านสูงถึง 50% ในกลุ่มต่ำ 3 ล้านบาท ทำให้ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากตลาดต่างชาติเป็นการทดแทน
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดีเลย มาจากหลายปัจจัย โจทย์ใหญ่คือหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อทุกธุรกิจ รวมถึงอสังหาฯด้วย และน่าจะเหนื่อยมากขึ้นหากรัฐจะดันจีดีพีปีนี้ให้โต 3% เพราะดูแล้วมีแค่ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นปัจจัยหนุนเท่านั้น แต่ถ้าปลายปีนี้โครงการเงินดิจิทัลออกมาได้ ก็อาจจะถึงได้ แต่ก็ยังต้องลุ้น” นายขจรศิษฐ์กล่าว
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤกษามีลูกค้าชาวเมียนมาไม่มากที่ซื้อคอนโดฯ เพราะเพิ่งเริ่มจะเข้าไปทำตลาด จึงยังไม่ได้รับผลกระทบและมองหาตลาดประเทศอื่นๆ เช่น ไต้หวัน จีน
“ตลาดอสังหาฯ ในช่วง 5 เดือนนี้ กำลังซื้อยังหนืด เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ซึม รวมถึงปัญหาเดิมๆ กู้แบงก์ไม่ผ่านสูงถึง 40% ขณะที่มาตรการรัฐยังไม่ได้ช่วยอะไรมาก ทำให้ยอดขายต่ำจากเป้าเล็กน้อย จึงขยายพอร์ตมายังบ้านราคาแพง 30-40 ล้านบาทมากขึ้น สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยนั้น ถ้ารัฐจะดันจีดีพีให้โต 3% นั้น คงต้องทำงานอย่างหนัก เพราะไตรมาสแรกโตแค่ 1.5% และต้องอัดเงินและมาตรการกระตุ้นเพิ่ม เพราะการส่งออกก็ยังไม่ดี จะพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างเดียวคงไม่ไหว” นายปิยะกล่าว
นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดลูกค้าต่างประเทศยังไปได้ดี โดยเฉพาะจีนที่ยังคงมีเข้ามา แต่มีเมียนมาที่เริ่มชะลอตัวหลังรัฐบาลเมียนมาคุมเข้มการซื้ออสังหาในไทย ตอนนี้จึงหยุดทำตลาดเมียนมาและขยายไปยังตลาดใหม่ เช่น ไต้หวัน อินเดีย ยุโรป อเมริกัน ส่วนใหญ่นิยมซื้อคอนโดในทำเลทองหล่อ พร้อมพงษ์ สุขุมวิท
นางสาวมณีรัตน์ ธนัชญ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน) สายงานคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15-29 มิถุนายน 2567 ได้จับมือกับพันธมิตรกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โธรน พร็อพเพอร์ตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท, ชูเซ็ง อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ในไต้หวัน และธนาคารกรุงเทพ สาขาไต้หวัน หนึ่งในธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของไทย ประกาศจัดโรดโชว์เต็มรูปแบบครั้งแรก ณ กรุงไทเป โดยมีโครงการไฮไลต์คือ“COCO PARC” เรสซิเดนซ์หรูระดับแฟล็กชิปของอนันดาบนทำเลถนนพระราม 4 รวมทั้งแบรนด์ลักซ์ชัวรีAshton, Culture และแบรนด์ระดับไฮเอนด์ IDEO และ IDEO MOBI
“การตัดสินใจรุกตลาดไต้หวันถือเป็นส่วนสำคัญในแผนการขยายธุรกิจของอนันดาปี 2567 โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของไต้หวันจะนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจครั้วสำคัญ ซึ่งอนันดามีความพร้อมอย่างมากในการตอบสนองความต้องการที่กำลังพุ่งสูงขึ้นของนักลงทุนไต้หวันที่มีต่อโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงของเมืองไทย ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองหรือเพื่อการลงทุนก็ตาม”นางสาวมณีรัตน์กล่าว
นายแทงก์ เฉิน ผู้ก่อตั้ง โธรน พร็อพเพอร์ตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยระดับหรูในทำเลทองของกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวไต้หวัน สิ่งที่ทำให้นักลงทุนไต้หวันให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยมาก คือ เรื่องสิทธิในการครอบครองตามกฎหมายที่เทียบเท่าคนไทย ราคาอสังหาฯ ที่ซื้อหาได้ และการยกเว้นพื้นที่ส่วนกลางออกจากต้นทุนทรัพย์สิน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราเสมือนได้อยู่ในโรงแรม 5 ดาว
นายฉิน กล่าวว่า อีกทั้งค่าครองชีพในไทยยังค่อนข้างต่ำ ในขณะที่กรุงเทพฯ มีโครงข่ายการคมนาคมที่ครอบคลุม เพียบพร้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำ ถือเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก ห้องชุดในประเทศไทยก็ได้รับการตกแต่งครบครัน สะดวกต่อการย้ายเข้าอยู่ได้ทันทีเพียงหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไป เหมาะทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและการลงทุน
“นอกจากนี้ ราคาอสังหาฯ ในไทยยังมอบผลตอบแทนจากการเช่าสูงกว่าในไต้หวัน ซึ่งนักลงทุนไต้หวันไม่เพียงสนใจโอกาสในการลงทุนเท่านั้น แต่ยังหลงใหลไลฟ์สไตล์วัยเกษียณที่หรูหราสะดวกสบายของประเทศไทยอีกด้วย” นายเฉิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(REIC) พบว่าไตรมาส 1 ของปี 2567 มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของต่างชาติทั่วประเทศ จำนวน 3,938 หน่วย และมีมูลค่า 18,013 ล้านบาท โดย 3 สัญชาติที่มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด ได้แก่ จีน 1,596 หน่วย มูลค่า 7,570 ล้านบาท รองลงมาเมียนมา 392 หน่วย มูลค่า 2,207 ล้านบาท และรัสเซีย 295 หน่วย มูลค่า 924 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/economy/news_4633691
คอนโดไทยซึม เอฟเฟกต์แบงก์ไม่ปล่อยกู้พุ่ง เศรษฐีพม่าหยุดช้อป ลุยหาน่านน้ำใหม่
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทเพิ่งขยายตลาดไปยังลูกค้าเมียนมา ล่าสุดมียอดขายประมาณ 10 ยูนิต ราคา 5-10 ล้านบาท ในโครงการย่านพระราม9 ยังไม่ได้รับผลกระทบ และลูกค้าหลักยังคงเป็นจีนและไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันด้วยภาวะตลาดในประเทศกำลังซื้อไม่ดี มียอดกู้ไม่ผ่านสูงถึง 50% ในกลุ่มต่ำ 3 ล้านบาท ทำให้ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากตลาดต่างชาติเป็นการทดแทน
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดีเลย มาจากหลายปัจจัย โจทย์ใหญ่คือหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อทุกธุรกิจ รวมถึงอสังหาฯด้วย และน่าจะเหนื่อยมากขึ้นหากรัฐจะดันจีดีพีปีนี้ให้โต 3% เพราะดูแล้วมีแค่ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นปัจจัยหนุนเท่านั้น แต่ถ้าปลายปีนี้โครงการเงินดิจิทัลออกมาได้ ก็อาจจะถึงได้ แต่ก็ยังต้องลุ้น” นายขจรศิษฐ์กล่าว
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤกษามีลูกค้าชาวเมียนมาไม่มากที่ซื้อคอนโดฯ เพราะเพิ่งเริ่มจะเข้าไปทำตลาด จึงยังไม่ได้รับผลกระทบและมองหาตลาดประเทศอื่นๆ เช่น ไต้หวัน จีน
“ตลาดอสังหาฯ ในช่วง 5 เดือนนี้ กำลังซื้อยังหนืด เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ซึม รวมถึงปัญหาเดิมๆ กู้แบงก์ไม่ผ่านสูงถึง 40% ขณะที่มาตรการรัฐยังไม่ได้ช่วยอะไรมาก ทำให้ยอดขายต่ำจากเป้าเล็กน้อย จึงขยายพอร์ตมายังบ้านราคาแพง 30-40 ล้านบาทมากขึ้น สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยนั้น ถ้ารัฐจะดันจีดีพีให้โต 3% นั้น คงต้องทำงานอย่างหนัก เพราะไตรมาสแรกโตแค่ 1.5% และต้องอัดเงินและมาตรการกระตุ้นเพิ่ม เพราะการส่งออกก็ยังไม่ดี จะพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างเดียวคงไม่ไหว” นายปิยะกล่าว
นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดลูกค้าต่างประเทศยังไปได้ดี โดยเฉพาะจีนที่ยังคงมีเข้ามา แต่มีเมียนมาที่เริ่มชะลอตัวหลังรัฐบาลเมียนมาคุมเข้มการซื้ออสังหาในไทย ตอนนี้จึงหยุดทำตลาดเมียนมาและขยายไปยังตลาดใหม่ เช่น ไต้หวัน อินเดีย ยุโรป อเมริกัน ส่วนใหญ่นิยมซื้อคอนโดในทำเลทองหล่อ พร้อมพงษ์ สุขุมวิท
นางสาวมณีรัตน์ ธนัชญ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน) สายงานคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15-29 มิถุนายน 2567 ได้จับมือกับพันธมิตรกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โธรน พร็อพเพอร์ตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท, ชูเซ็ง อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ในไต้หวัน และธนาคารกรุงเทพ สาขาไต้หวัน หนึ่งในธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของไทย ประกาศจัดโรดโชว์เต็มรูปแบบครั้งแรก ณ กรุงไทเป โดยมีโครงการไฮไลต์คือ“COCO PARC” เรสซิเดนซ์หรูระดับแฟล็กชิปของอนันดาบนทำเลถนนพระราม 4 รวมทั้งแบรนด์ลักซ์ชัวรีAshton, Culture และแบรนด์ระดับไฮเอนด์ IDEO และ IDEO MOBI
“การตัดสินใจรุกตลาดไต้หวันถือเป็นส่วนสำคัญในแผนการขยายธุรกิจของอนันดาปี 2567 โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของไต้หวันจะนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจครั้วสำคัญ ซึ่งอนันดามีความพร้อมอย่างมากในการตอบสนองความต้องการที่กำลังพุ่งสูงขึ้นของนักลงทุนไต้หวันที่มีต่อโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงของเมืองไทย ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองหรือเพื่อการลงทุนก็ตาม”นางสาวมณีรัตน์กล่าว
นายแทงก์ เฉิน ผู้ก่อตั้ง โธรน พร็อพเพอร์ตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยระดับหรูในทำเลทองของกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวไต้หวัน สิ่งที่ทำให้นักลงทุนไต้หวันให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยมาก คือ เรื่องสิทธิในการครอบครองตามกฎหมายที่เทียบเท่าคนไทย ราคาอสังหาฯ ที่ซื้อหาได้ และการยกเว้นพื้นที่ส่วนกลางออกจากต้นทุนทรัพย์สิน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราเสมือนได้อยู่ในโรงแรม 5 ดาว
นายฉิน กล่าวว่า อีกทั้งค่าครองชีพในไทยยังค่อนข้างต่ำ ในขณะที่กรุงเทพฯ มีโครงข่ายการคมนาคมที่ครอบคลุม เพียบพร้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำ ถือเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก ห้องชุดในประเทศไทยก็ได้รับการตกแต่งครบครัน สะดวกต่อการย้ายเข้าอยู่ได้ทันทีเพียงหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไป เหมาะทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและการลงทุน
“นอกจากนี้ ราคาอสังหาฯ ในไทยยังมอบผลตอบแทนจากการเช่าสูงกว่าในไต้หวัน ซึ่งนักลงทุนไต้หวันไม่เพียงสนใจโอกาสในการลงทุนเท่านั้น แต่ยังหลงใหลไลฟ์สไตล์วัยเกษียณที่หรูหราสะดวกสบายของประเทศไทยอีกด้วย” นายเฉิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(REIC) พบว่าไตรมาส 1 ของปี 2567 มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของต่างชาติทั่วประเทศ จำนวน 3,938 หน่วย และมีมูลค่า 18,013 ล้านบาท โดย 3 สัญชาติที่มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด ได้แก่ จีน 1,596 หน่วย มูลค่า 7,570 ล้านบาท รองลงมาเมียนมา 392 หน่วย มูลค่า 2,207 ล้านบาท และรัสเซีย 295 หน่วย มูลค่า 924 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_4633691