คำว่าเลิกจ้างอาจจะดูน่ากลัวถ้าเราเทียบกับอดีต
แต่เลิกจ้างในยุคที่เทคโนโลยีพร้อม อาจเป็นการเปลี่ยนผ่าน
ทุกคนเกี่ยวข้องกันแบบหลวมๆ เฉพาะงาน เฉพาะโปรเจค
สมัยก่อน เรียนหนังสือจบ ป ตรี /โท แล้วประกอบอาชีพหนึ่งไปจนเกษียณ
กลุ่มที่ยังใช้ชีวิตแบบนี้จะน้อยลง ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนส่วนใหญ่
การไม่อยู่ภายใต้องค์กร แปลว่า องค์กร สามารถลดต้นทุน เรื่องจ่ายประกันสังคม
ต้องดูแลไปพนักงานระยะยาว เปลี่ยนเป็นจ้างเฉพาะเรื่อง หมดสัญญา ก็หมดพันธะต่อกัน
ดังนั้น 1 คน ทำงานให้หลายองค์กร
คุณลองนึกภาพ การดำรงอยู่แบบไม่มีเจ้าของ
จะเกิดกับทุกๆ เรื่องไม่ว่า ชีวิตคู่ การเช่าสิ่งของ หรือ เรื่องงาน
หลายคนอาจจะเรียกการแต่งงาน ว่าความมั่นคง
แต่ในนั้นเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย การปะทะ และพันธะต่อกัน
ในทางกลับกัน ชีวิตคู่แบบไม่ผูกติด จะกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
หรือ หลายคน ชอบเช่ารถ เปลี่ยนรถตามชอบ
มากกว่ามีรถ 1 คัน ต้องดูแลตั้งแต่ตอนใหม่ไปจนเก่า
หรือ บางคนชอบขึ้นรถไฟฟ้า แม้ว่าเขามีเงินพอจะซื้อรถเป็นของตนเอง
เพราะการมีรถ 1 คน ต้องมีเวลาดูแล ซ่อมบำรุง หาที่จอด
ในอนาคต เราอาจไม่ต้องการเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝาก
ไม่ต้องการมีทองอยู่ในบ้าน เพราะการครอบครองคือภาระที่ต้องดูแล
แต่เรามีส่วนเป็นเจ้าของกิจการคอนโด ในฐานะหุ้นส่วน
เหมือนกับการทำงาน ถ้าเราอยู่ออฟฟิศเดิม 10 ปี ไม่ใช่ทุกวันหรอก ที่เราจะทำงาน
แบบสุดๆ บางวัน เราแทบไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เงินเดือนได้ครบทุกบาท
ผลเสีย คือ องค์กร ต้องรับภาระ ค่าแอร์ ค่าเครื่องเขียน ค่าดูแลพนักงาน
วิธีใหม่คือ จ้างบริษัทขนาดเล็ก ให้ทำเฉพาะด้าน
เช่น สมัยก่อน มีฝ่ายขายเป็นฝ่ายงานหนึ่งของบริษัท
อนาคต แต่ละ department คือ อีกบริษัทย่อย ที่บริษัทใหญ่จ้างมาทำ
หรือ มีฟรีแลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
อาจเป็นไปได้ ที่คุณจะได้เงินจากการทำงานแบบใหม่น้อยลง
หรือ เงินไม่ได้มาจากการทำงาน และงานอาจไม่ได้มาจากคน แต่มาจากเทคโนโลยีเป็นผู้ทำงาน
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ความกดดันทางเศรษฐกิจ จะบีบให้เปลี่ยนเป็นเช่นนั้น
บริษัทจำเป็นต้องปลดพนักงาน พนักงานหันไปประกอบธุรกิจของตัวเอง
บางคนไม่ชอบ แต่ประสพความสำเร็จบนเส้นทางใหม่
บางคนไม่ประสพความสำเร็จ แต่มีเวลาและอิสระภาพมากขึ้น
เป็นไปได้ ที่ Gen XY ลงมาจะได้มรดกจาก Babyboomers ซึ่งมีชีวิตการทำงานที่ยาว บางคนทำถึง 70 ปี
Babyboomers มีเวลาที่จะสร้างทรัพย์สิน แต่ไม่มีเวลาจะใช้ พวกเขามองการทำงานสัมพันธ์กับเกียรติทางสังคม
แต่คนยุคต่อไป จะมีความสามารถเฉพาะทางที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ไม่ fit กับกรอบตำแหน่งในยุคเก่า
ประชากรที่ลดลงในอนาคต รวมทั้งเป็นไปได้ ที่คนจะย้ายออกจากเมืองใหญ่ ด้วยการทำงานออนไลน์
จะทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป การได้เงินทุกเดือน อาจไม่ใช่ความจำเป็นสำหรับชีวิตในอนาคต
คุณอาจมีบางเดือนที่มีรายได้สูง และบางเดือนที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ความพิเศษก็คือ ชีวิตที่ไม่ต้องเขียนใบลา
เมื่อความมั่นคงมีมาก อิสระภาพก็จะหายไป
ขอย้ำ ว่างานแบบเดิมไม่ได้หมดไป บางคนชอบการสังกัดองค์กร เพราะ
ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เราทำงานให้องค์กร องค์กรดูแลเรา
แต่การเกิดใหม่ของบริษัทขนาดเล็ก และฟรีแลนด์เก่งๆ จะมีสัดส่วนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
"เลิกจ้าง!"... เศรษฐกิจยุคใหม่ ไม่ต้องสังกัดองค์กร
แต่เลิกจ้างในยุคที่เทคโนโลยีพร้อม อาจเป็นการเปลี่ยนผ่าน
ทุกคนเกี่ยวข้องกันแบบหลวมๆ เฉพาะงาน เฉพาะโปรเจค
สมัยก่อน เรียนหนังสือจบ ป ตรี /โท แล้วประกอบอาชีพหนึ่งไปจนเกษียณ
กลุ่มที่ยังใช้ชีวิตแบบนี้จะน้อยลง ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนส่วนใหญ่
การไม่อยู่ภายใต้องค์กร แปลว่า องค์กร สามารถลดต้นทุน เรื่องจ่ายประกันสังคม
ต้องดูแลไปพนักงานระยะยาว เปลี่ยนเป็นจ้างเฉพาะเรื่อง หมดสัญญา ก็หมดพันธะต่อกัน
ดังนั้น 1 คน ทำงานให้หลายองค์กร
คุณลองนึกภาพ การดำรงอยู่แบบไม่มีเจ้าของ
จะเกิดกับทุกๆ เรื่องไม่ว่า ชีวิตคู่ การเช่าสิ่งของ หรือ เรื่องงาน
หลายคนอาจจะเรียกการแต่งงาน ว่าความมั่นคง
แต่ในนั้นเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย การปะทะ และพันธะต่อกัน
ในทางกลับกัน ชีวิตคู่แบบไม่ผูกติด จะกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
หรือ หลายคน ชอบเช่ารถ เปลี่ยนรถตามชอบ
มากกว่ามีรถ 1 คัน ต้องดูแลตั้งแต่ตอนใหม่ไปจนเก่า
หรือ บางคนชอบขึ้นรถไฟฟ้า แม้ว่าเขามีเงินพอจะซื้อรถเป็นของตนเอง
เพราะการมีรถ 1 คน ต้องมีเวลาดูแล ซ่อมบำรุง หาที่จอด
ในอนาคต เราอาจไม่ต้องการเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝาก
ไม่ต้องการมีทองอยู่ในบ้าน เพราะการครอบครองคือภาระที่ต้องดูแล
แต่เรามีส่วนเป็นเจ้าของกิจการคอนโด ในฐานะหุ้นส่วน
เหมือนกับการทำงาน ถ้าเราอยู่ออฟฟิศเดิม 10 ปี ไม่ใช่ทุกวันหรอก ที่เราจะทำงาน
แบบสุดๆ บางวัน เราแทบไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เงินเดือนได้ครบทุกบาท
ผลเสีย คือ องค์กร ต้องรับภาระ ค่าแอร์ ค่าเครื่องเขียน ค่าดูแลพนักงาน
วิธีใหม่คือ จ้างบริษัทขนาดเล็ก ให้ทำเฉพาะด้าน
เช่น สมัยก่อน มีฝ่ายขายเป็นฝ่ายงานหนึ่งของบริษัท
อนาคต แต่ละ department คือ อีกบริษัทย่อย ที่บริษัทใหญ่จ้างมาทำ
หรือ มีฟรีแลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
อาจเป็นไปได้ ที่คุณจะได้เงินจากการทำงานแบบใหม่น้อยลง
หรือ เงินไม่ได้มาจากการทำงาน และงานอาจไม่ได้มาจากคน แต่มาจากเทคโนโลยีเป็นผู้ทำงาน
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ความกดดันทางเศรษฐกิจ จะบีบให้เปลี่ยนเป็นเช่นนั้น
บริษัทจำเป็นต้องปลดพนักงาน พนักงานหันไปประกอบธุรกิจของตัวเอง
บางคนไม่ชอบ แต่ประสพความสำเร็จบนเส้นทางใหม่
บางคนไม่ประสพความสำเร็จ แต่มีเวลาและอิสระภาพมากขึ้น
เป็นไปได้ ที่ Gen XY ลงมาจะได้มรดกจาก Babyboomers ซึ่งมีชีวิตการทำงานที่ยาว บางคนทำถึง 70 ปี
Babyboomers มีเวลาที่จะสร้างทรัพย์สิน แต่ไม่มีเวลาจะใช้ พวกเขามองการทำงานสัมพันธ์กับเกียรติทางสังคม
แต่คนยุคต่อไป จะมีความสามารถเฉพาะทางที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ไม่ fit กับกรอบตำแหน่งในยุคเก่า
ประชากรที่ลดลงในอนาคต รวมทั้งเป็นไปได้ ที่คนจะย้ายออกจากเมืองใหญ่ ด้วยการทำงานออนไลน์
จะทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป การได้เงินทุกเดือน อาจไม่ใช่ความจำเป็นสำหรับชีวิตในอนาคต
คุณอาจมีบางเดือนที่มีรายได้สูง และบางเดือนที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ความพิเศษก็คือ ชีวิตที่ไม่ต้องเขียนใบลา
เมื่อความมั่นคงมีมาก อิสระภาพก็จะหายไป
ขอย้ำ ว่างานแบบเดิมไม่ได้หมดไป บางคนชอบการสังกัดองค์กร เพราะ
ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เราทำงานให้องค์กร องค์กรดูแลเรา
แต่การเกิดใหม่ของบริษัทขนาดเล็ก และฟรีแลนด์เก่งๆ จะมีสัดส่วนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น