เริ่มต้นก่อนว่า เราอายุ 37 ท้องแรก(เคยเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น ก่อนท้องประมาณ 1ปีกว่า) ไม่ถึงขั้นผ่าตัด แค่กายภาย)
ช่วงท้องได้ 2-3 เดือนอาการก็ปกติ มีแค่แพ้ผื่นขึ้นตามตัว คัน ใต้ราวนมรังแร้ ท้อง และมีรอยดำขึ้นมา มีติ่งเนื้อเริ่มขึ้น และมีอาการหลังยอก
ปวดร้าวหลังบ้าง แต่ไม่รุนแรงมาก ทำกายภาพตัวเองวนไปด้วย
แต่งานที่ทำต้องเกี่ยวกับการเดิน และยกเอกสารบ้าง และเหงื่อออก มีปวดหลังบ้าง เดินในที่นี่คือ 1วัน =8,000-12,000 ก้าวจับจากนาฬิกานะค่ะ
และทำงานนั่งโต๊ะช่วงเช้า เดินบ่าย ประมาณ 1-3 ชม. บ่าย
(วิถีชีวิตมาทำงานคือรถไฟ ยืนบ้างนั่งบ้าง ตามน้ำใจของผู้ร่วมโดยสาย 1ชม. การมาทำงาน และเดินมาที่ทำงานต่ออีก )
พอมาเข้าเดือนที่ 5 ประมาณ 18-20week เราขอหัวหน้าไม่เดินเอกสาร เพราะรู้สึกต้องเซฟตัวเองแล้ว และเริ่มรู้สึกว่า เค้ากำลังจะดิ้น เลยเปลี่ยนจากการเดินเอกสาร ยกเอกสาร มาทำงานที่โต๊ะ // โดยการเดินจะลดลงมา เหลือแค่ 4,000-7,000 ก้าวต่อวัน
ช่วงแรกหัวหน้าบอกไม่ได้ค่ะ มันคือหน้าที่คนอื่นเค้าทำกัน 7-8 เดือน เราก็ไม่ได้ว่าอะไร และถามผู้เคยผ่านประสบการณ์มา เพื่อนร่วมงาน ซึ่งเต็มที่คือ 5 เดือนก็เริ่มไม่เดินส่งงานแล้วค่ะ
ปล. การเดินส่งงานแต่ก่อนคือ 1ชม. เสร็จ
แต่หน้าที่เราเป็นหลัก ต้องเดินเยอะกว่าเดินคือ
1-3ชม. จะเสร็จ เพราะต้องเดินแทนคนอื่นๆด้วย
และในหน่วยงาน คนที่ท้องอายุมากสุดคือ 34 ปี
เรา 37 ปีแล้วตั้งท้อง
หัวหน้าบอกถ้าไม่เดินงาน ต้องทำงานคนอื่นๆ ทดแทน ซึ่งเราก็ไม่ได้ปฎิเสธ // การเดินงานของเรา คนทำแทน 7 คน// อาทิตย์ละคนสลับกัน
และทำแค่ 1 ชม. จบ (ไม่ต้องเดินแบบเรา)
เราเข้าใจ ทุกคนมีงานหลักและเอางานเราไปเสริม คงกระจายกันไป
(แต่งานคนอื่นจะมาอยู่ที่โต๊ะเรา คือการพิมพ์,จัด,คัดแยก) เราทำได้ ก็นิ่งๆไป
ช่วงเดือนที่ 5 หน้าที่เราคือ ธุรการ// แต่งานที่เราต้องทำแทนคืองานจัดซื้อ (ก็แปลกดีนะค่ะ)
เราต้องสอนงานน้องที่จะมาทำแทนเราเกี่ยวกับเงินโอที วันลา ข่าวสาร ,จัดหาพัสดุ,เบิกจ่ายครุภัณฑ์,และระบบต่างๆ ของธุรการ
เดินสอนงาน , สอนพิมพ์งาน , สอนรับพัสดุ ,ครุภัณฑ์ เอกสารอื่นๆ ที่ต้องเตรียมสอน ซึ่งมันละเอียดมาก และมีเกี่ยวกับการเงินด้วยโอทีพนักงาน
น้องที่มาเรียน จะมาแค่ช่วงเวลา เพราะน้องก็มีงานหลักของเค้าอยู่ด้วย ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
เพราะน้องไม่ถนัดคอมฯเลย จัดหน้ากระดาษ, คำนวณ Excel หรือwork ความถนัด 50/50 เลยค่ะ ซึ่งเราได้แจ้ง หัวหน้าไปเบื้องต้นแล้ว
(ใจคิดเผื่อมีเปลี่ยนแปลงคนมาเรียนงาน)
เราทำคู่มือ สอนน้องทุกขั้นตอน//เข้าใจมากค่ะว่าคงยากและไม่ถนัดน้อง ทั้งดูโปรแกรม, ดูระบบต่างๆ งานธุรการ การเก็บเอกสาร จัดเรียง พิมพ์งาน ทั้งเรื่องเงิน เดินส่งงานสำคัญ งานเร่งด่วน
มันมีเยอะมาก ซึ่งเราก็ให้เท่าที่เค้ารับไหว และที่เหลือเราจะกลับมา จัดการเอง หลังจากลาคลอกเสร็จ และน้องก็ทำได้ประมาณ 60%
ในระยะเวลา 2-3 เดือน (ขอเฉลี่ยการมาเรียนงานนะค่ะ เหมือนน้องเรียนงานได้แค่วันละ 1-2ชม.)
เพราะต้องกลับไปทำงานตัวเอง และอาจมีสับสน
ไม่ต่อเนื่องในการมาทำงานธุรการแทน
(และช่วงที่เราต้องสอนงานน้อง+เราต้องทำงานเอกสารตัวเอง+เตรียมวางแผนงานให้น้อง+ทำคู่มือให้น้อง+ทำงานจัดซื้อทดแทน+จัดประชุม+เข้าอบรม+และเดินส่งงานสำคัญอยู่บ้าง) จะวุ่นๆนิดค่ะ
***กินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่*** และลูกมีขนาดตัวไม่ถึงเกณฑ์ค่ะ เลยต้องเริ่มๆบำรุง
ปล.เราเคยขอหัวหน้าว่าขอไม่รับงานจัดซื้อมาทำได้ไหมค่ะ เพราะต้องเตรีบมสอนงาน และตีดประชุมต่างๆ มันอาจล่าช้า เพราะท้องเริ่มใหญ่
คำตอบคือไม่ได้ค่ะ คนท้องไม่ใช่คนพิการ อย่าเอาเปลี่ยนคนอื่นๆ คนอื่นเดินแทนเราก็ต้องมีน้ำใจกับคนอื่นๆ 😅😅🤕
พอเราเข้าเดือนที่ 7 ประมาณ 27-30week ไปหาหมอตัวพบว่าเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ต้องฉีดอินซูลินช่วย (ตอนนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาขึ้น เพราะต้องตรวจเจาะเลือดทุกวัน ฉีดยาทุกวัน)
เบิกไม่ได้นะค่ะ
**เราลืมบอกไป เราขอไม่เดินเอกสารช่วงจะเข้า 5 เดือน หัวหน้าบอกถ้าไม่เดินเอกสาร ก็ไม่ต้องเอาโอทีค่ะ เราบอกที่ไม่เดินเพราะมีปัญหาเรื่องหลังนะค่ะ และเซฟลูก โอทีส่วนใหญ่จะปล่อยให้ถึง คนท้อง 7-8 เดือนคะ (แต่เราไม่ได้ละค่ะ)😮💨
ช่วง 7-8 เดือนก็จะเริ่มหาหมอบ่อย //แต่ต้องบริหารเวลา ทำงาน สอนน้อง ให้ลงตัว งานที่เป็นจัดซื้อก็จะมาวางไว้ที่โต๊ะ ก็ต้องทำ ,งานจัดหาพัสดุ,ครุภัณฑ์ทุกอย่างต้องทำเหมือนเดิม , คือบริหารค่ะ ถ้าอยู่เกินเวลา คือไม่มีโอทีนะค่ะ
(ต้องบริหารเวลาให้ลงตัว อาจเพราะเราเอาเวลางานไปหาหมอด้วย ก็ไม่คิดอะไรมาก)
หน้าที่ต้องบริหารให้ได้ค่ะ
พอเข้าเดือนที่ 8 เรา 32-35 week เราให้น้องทำเบิกเงินโอทีเอง เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา น้องทำไปด้วย และสอบถามไปด้วย เราก็มั่นใจเพราะไม่เคยผิดพลาด พอครั้งนี้เราให้น้องทำแบบไม่มีเราควบคุมผลออกมาว่าน้องทำเงินพนักงาน หายไป 11คน ซึ่งเราตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าน้องทำถูก //แต่เราอาจดูไม่ละเอียด น้องบันทึกไฟล์ทับข้อมูล (น้องบอกลืมขั้นตอน สับสน) เราเข้าใจมาก เพราะเค้าไม่ได้ทำงานหน้าเดียว เค้ามีงานหลักของเค้าด้วย และงานธุรการ/การเงินมันละเอียดมาก
เราเลยต้องแก้ไขทั้งหมด และมีผลกระทบกับพนักงานที่เงินหาย เราต้องไปขอโทษ และทำเรื่องใหม่ (คือสรุปอยากจะร้อง)
เรารายละเอียดหัวหน้าทุกขั้นตอนระหว่างการสอนน้อง ว่าน้องทำได้แค่ไหน หัวหน้าบอกตามนั้น
เรารายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้น และขอให้มีคนมาช่วยน้องดูอีกคนได้ไหม คำตอบหัวหน้าคือไม่มีคน
ทำได้เท่านั้นทำนั้น รับผิดชอบกันเอง
(เราก็ต้องใจนะ..ส่งคนไม่เป็นคอมมาเรียนงาน,
เกิดปัญหาไม่มารับผิดชอบ,และให้แก้ปัญหากันเอง)
ช๊อค..ช๊อค..ช๊อค.. (อยากรายงานหัวหน้าใหญ่มาก)😔😪😔😪😔
พอเราแก้ไขเสร็จทุกคนเข้าใจว่าน้องใหม่ ก็คือน้องใหม่ เค้าก็หวั่นๆ กันละ เราเต็มที่มากกับงาน
จนเรา 36 week เข้า 9 เดือน
ตอนนี้เราเป็นริดซี่ดวง แบบสุดๆ คือก้อนใหญ่เท่านิ้วโป้ง ทรมานสุดๆ (เราไม่ได้ท้องผูกนะ)
ลูกโก่งตัวบ่อย, ท้องแข็งบ่อย, หมอสันนิฐานว่าลูกอาจดิ้นไปโดยทับหลอดเลือดดำ
เราทรมานมากๆๆๆๆ คือเราจะบอกว่า เราเดินทำงานตลอดเวลา ,หัวหน้านั่งที่โต๊ะ คือเรียกเราไปหา ไปส่งงานสำคัญ ,ไปเช็คของ,หรืออื่นๆ คือเราเดินบ่อยมากๆ และต้องทำงานกับเวลา ,บางทีท้องแข็ง หยุดพักแปบนึ่ง ก็ต้องทำงานให้เสร็จ
"มีคำพูดหัวหน้าว่า คนท้องไม่ใช่คนพิการหน้าที่แบบไหนก็ต้องทำแบบนั้น"
"คนท้องต้องเดินเยอะๆ ไม่ใช่เอาแต่นั่ง จะได้คลอดง่ายๆ"
((มันไม่จริงเสมอไป...จำไว้นะทุกคน คนท้องไม่เหมือนกันทุกคน))
เราไปเป็นริดซี่ แบบ 1คืน โตเท่าหัวแม่โป้ง
คือลูกท้องแข็ง โก่งตัว 2วันติด ปวดๆตูด
แล้วเม็ดริดซี่ โตภายใน 12 ชม. ทรมานแบบนั่งเดินไม่ไหว เราไปหาหมอ หมอทำได้แค่ให้ยาพารา,ยาระบาย, และให้แช่น่ำอุ่น และบอกให้ราอดทน
(ไม่มีผลกับการตั้งครรภ์) เราสุดจริง หมอเขียนใบลาให้เรา 1อาทิตย์ เราปวดร้าวๆมากๆๆ
ตอนนี้ 37 week ริดซี่เราแตกมีเลือดไหล น้ำตาคือแทบอาบแก้มเลยค่ะ หมอก็ให้เราอดทน แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดคือให้มาหาหมอศัลยกรรมทันที
((งานเราก็ห่วง หัวหน้าก็ถามงาน))
((น้องที่ทำงานแทน ก็โทรมากลัวตัวเองทำผิด))
(เราสอนน้องทุกคนทุกอย่างเตรียมงานไว้หมดแล้ว))
แต่เราเข้าใจละว่าพอไม่มีคนทำงานธุรการ//เกี่ยวกับเงิน//ประชุม//ข่าวสาร//อื่นๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของตนเอง เบิกค่าต่างๆพนักงาน จะเป็นกังวลกัน
มาสรุปตอนท้ายนะค่ะ
(เราอยากให้คุณแม่ทุกคนดูแลตัวเองดีๆ)
เราเข้าใจเลยว่าการเห็นแก่ตัวบ้าง มันก็ทำให้ตัวเองไม่ลำบาก ตอนนี้คุณแม่ทรมานกับการเป็นริดซี่ดวง ตอน 9 เดือนมากๆๆ และไม่ได้มีใครซัพพอร์ตร่างกายเรา เราต้องดูแลตัวเองและลูกนะค่ะ
กับอีกเรื่อง คนส่วนใหญ่จะมองงานธุรการเป็น งานที่ไม่มีอะไรเลยไม่สำคัญ แต่หัวหน้า พนักงานส่วนใหญ่ก็ถามงานกับธุรการตลอดเวลา งานทุกตำแหน่งก็มีความสำคัญกันหมดนะค่ะ
พรุ่งนี้เราหมอนัดแล้ว/// ไม่รู้จะผ่าริดซี่ก่อน
หรือผ่าคลอดน้องก่อน เราเบ่งไม่ไหว//
ไว้จะอัพเดท อาการต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์ และอัพเดท ลูกสาวสุดสตรอง ของเรา ให้ทราบนะค่ะ
เราเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ
ปวดหลังเพราะหมอนรอง, เบาหวาน, ริดซี่แบบขั้นสุด
อายุครรภ์ 36week เป็นริดซี่ดวงเท่าหัวแม้โป้งมือ ทรมานมากๆ
ช่วงท้องได้ 2-3 เดือนอาการก็ปกติ มีแค่แพ้ผื่นขึ้นตามตัว คัน ใต้ราวนมรังแร้ ท้อง และมีรอยดำขึ้นมา มีติ่งเนื้อเริ่มขึ้น และมีอาการหลังยอก
ปวดร้าวหลังบ้าง แต่ไม่รุนแรงมาก ทำกายภาพตัวเองวนไปด้วย
แต่งานที่ทำต้องเกี่ยวกับการเดิน และยกเอกสารบ้าง และเหงื่อออก มีปวดหลังบ้าง เดินในที่นี่คือ 1วัน =8,000-12,000 ก้าวจับจากนาฬิกานะค่ะ
และทำงานนั่งโต๊ะช่วงเช้า เดินบ่าย ประมาณ 1-3 ชม. บ่าย
(วิถีชีวิตมาทำงานคือรถไฟ ยืนบ้างนั่งบ้าง ตามน้ำใจของผู้ร่วมโดยสาย 1ชม. การมาทำงาน และเดินมาที่ทำงานต่ออีก )
พอมาเข้าเดือนที่ 5 ประมาณ 18-20week เราขอหัวหน้าไม่เดินเอกสาร เพราะรู้สึกต้องเซฟตัวเองแล้ว และเริ่มรู้สึกว่า เค้ากำลังจะดิ้น เลยเปลี่ยนจากการเดินเอกสาร ยกเอกสาร มาทำงานที่โต๊ะ // โดยการเดินจะลดลงมา เหลือแค่ 4,000-7,000 ก้าวต่อวัน
ช่วงแรกหัวหน้าบอกไม่ได้ค่ะ มันคือหน้าที่คนอื่นเค้าทำกัน 7-8 เดือน เราก็ไม่ได้ว่าอะไร และถามผู้เคยผ่านประสบการณ์มา เพื่อนร่วมงาน ซึ่งเต็มที่คือ 5 เดือนก็เริ่มไม่เดินส่งงานแล้วค่ะ
ปล. การเดินส่งงานแต่ก่อนคือ 1ชม. เสร็จ
แต่หน้าที่เราเป็นหลัก ต้องเดินเยอะกว่าเดินคือ
1-3ชม. จะเสร็จ เพราะต้องเดินแทนคนอื่นๆด้วย
และในหน่วยงาน คนที่ท้องอายุมากสุดคือ 34 ปี
เรา 37 ปีแล้วตั้งท้อง
หัวหน้าบอกถ้าไม่เดินงาน ต้องทำงานคนอื่นๆ ทดแทน ซึ่งเราก็ไม่ได้ปฎิเสธ // การเดินงานของเรา คนทำแทน 7 คน// อาทิตย์ละคนสลับกัน
และทำแค่ 1 ชม. จบ (ไม่ต้องเดินแบบเรา)
เราเข้าใจ ทุกคนมีงานหลักและเอางานเราไปเสริม คงกระจายกันไป
(แต่งานคนอื่นจะมาอยู่ที่โต๊ะเรา คือการพิมพ์,จัด,คัดแยก) เราทำได้ ก็นิ่งๆไป
ช่วงเดือนที่ 5 หน้าที่เราคือ ธุรการ// แต่งานที่เราต้องทำแทนคืองานจัดซื้อ (ก็แปลกดีนะค่ะ)
เราต้องสอนงานน้องที่จะมาทำแทนเราเกี่ยวกับเงินโอที วันลา ข่าวสาร ,จัดหาพัสดุ,เบิกจ่ายครุภัณฑ์,และระบบต่างๆ ของธุรการ
เดินสอนงาน , สอนพิมพ์งาน , สอนรับพัสดุ ,ครุภัณฑ์ เอกสารอื่นๆ ที่ต้องเตรียมสอน ซึ่งมันละเอียดมาก และมีเกี่ยวกับการเงินด้วยโอทีพนักงาน
น้องที่มาเรียน จะมาแค่ช่วงเวลา เพราะน้องก็มีงานหลักของเค้าอยู่ด้วย ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
เพราะน้องไม่ถนัดคอมฯเลย จัดหน้ากระดาษ, คำนวณ Excel หรือwork ความถนัด 50/50 เลยค่ะ ซึ่งเราได้แจ้ง หัวหน้าไปเบื้องต้นแล้ว
(ใจคิดเผื่อมีเปลี่ยนแปลงคนมาเรียนงาน)
เราทำคู่มือ สอนน้องทุกขั้นตอน//เข้าใจมากค่ะว่าคงยากและไม่ถนัดน้อง ทั้งดูโปรแกรม, ดูระบบต่างๆ งานธุรการ การเก็บเอกสาร จัดเรียง พิมพ์งาน ทั้งเรื่องเงิน เดินส่งงานสำคัญ งานเร่งด่วน
มันมีเยอะมาก ซึ่งเราก็ให้เท่าที่เค้ารับไหว และที่เหลือเราจะกลับมา จัดการเอง หลังจากลาคลอกเสร็จ และน้องก็ทำได้ประมาณ 60%
ในระยะเวลา 2-3 เดือน (ขอเฉลี่ยการมาเรียนงานนะค่ะ เหมือนน้องเรียนงานได้แค่วันละ 1-2ชม.)
เพราะต้องกลับไปทำงานตัวเอง และอาจมีสับสน
ไม่ต่อเนื่องในการมาทำงานธุรการแทน
(และช่วงที่เราต้องสอนงานน้อง+เราต้องทำงานเอกสารตัวเอง+เตรียมวางแผนงานให้น้อง+ทำคู่มือให้น้อง+ทำงานจัดซื้อทดแทน+จัดประชุม+เข้าอบรม+และเดินส่งงานสำคัญอยู่บ้าง) จะวุ่นๆนิดค่ะ
***กินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่*** และลูกมีขนาดตัวไม่ถึงเกณฑ์ค่ะ เลยต้องเริ่มๆบำรุง
ปล.เราเคยขอหัวหน้าว่าขอไม่รับงานจัดซื้อมาทำได้ไหมค่ะ เพราะต้องเตรีบมสอนงาน และตีดประชุมต่างๆ มันอาจล่าช้า เพราะท้องเริ่มใหญ่
คำตอบคือไม่ได้ค่ะ คนท้องไม่ใช่คนพิการ อย่าเอาเปลี่ยนคนอื่นๆ คนอื่นเดินแทนเราก็ต้องมีน้ำใจกับคนอื่นๆ 😅😅🤕
พอเราเข้าเดือนที่ 7 ประมาณ 27-30week ไปหาหมอตัวพบว่าเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ต้องฉีดอินซูลินช่วย (ตอนนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาขึ้น เพราะต้องตรวจเจาะเลือดทุกวัน ฉีดยาทุกวัน)
เบิกไม่ได้นะค่ะ
**เราลืมบอกไป เราขอไม่เดินเอกสารช่วงจะเข้า 5 เดือน หัวหน้าบอกถ้าไม่เดินเอกสาร ก็ไม่ต้องเอาโอทีค่ะ เราบอกที่ไม่เดินเพราะมีปัญหาเรื่องหลังนะค่ะ และเซฟลูก โอทีส่วนใหญ่จะปล่อยให้ถึง คนท้อง 7-8 เดือนคะ (แต่เราไม่ได้ละค่ะ)😮💨
ช่วง 7-8 เดือนก็จะเริ่มหาหมอบ่อย //แต่ต้องบริหารเวลา ทำงาน สอนน้อง ให้ลงตัว งานที่เป็นจัดซื้อก็จะมาวางไว้ที่โต๊ะ ก็ต้องทำ ,งานจัดหาพัสดุ,ครุภัณฑ์ทุกอย่างต้องทำเหมือนเดิม , คือบริหารค่ะ ถ้าอยู่เกินเวลา คือไม่มีโอทีนะค่ะ
(ต้องบริหารเวลาให้ลงตัว อาจเพราะเราเอาเวลางานไปหาหมอด้วย ก็ไม่คิดอะไรมาก)
หน้าที่ต้องบริหารให้ได้ค่ะ
พอเข้าเดือนที่ 8 เรา 32-35 week เราให้น้องทำเบิกเงินโอทีเอง เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา น้องทำไปด้วย และสอบถามไปด้วย เราก็มั่นใจเพราะไม่เคยผิดพลาด พอครั้งนี้เราให้น้องทำแบบไม่มีเราควบคุมผลออกมาว่าน้องทำเงินพนักงาน หายไป 11คน ซึ่งเราตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าน้องทำถูก //แต่เราอาจดูไม่ละเอียด น้องบันทึกไฟล์ทับข้อมูล (น้องบอกลืมขั้นตอน สับสน) เราเข้าใจมาก เพราะเค้าไม่ได้ทำงานหน้าเดียว เค้ามีงานหลักของเค้าด้วย และงานธุรการ/การเงินมันละเอียดมาก
เราเลยต้องแก้ไขทั้งหมด และมีผลกระทบกับพนักงานที่เงินหาย เราต้องไปขอโทษ และทำเรื่องใหม่ (คือสรุปอยากจะร้อง)
เรารายละเอียดหัวหน้าทุกขั้นตอนระหว่างการสอนน้อง ว่าน้องทำได้แค่ไหน หัวหน้าบอกตามนั้น
เรารายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้น และขอให้มีคนมาช่วยน้องดูอีกคนได้ไหม คำตอบหัวหน้าคือไม่มีคน
ทำได้เท่านั้นทำนั้น รับผิดชอบกันเอง
(เราก็ต้องใจนะ..ส่งคนไม่เป็นคอมมาเรียนงาน,
เกิดปัญหาไม่มารับผิดชอบ,และให้แก้ปัญหากันเอง)
ช๊อค..ช๊อค..ช๊อค.. (อยากรายงานหัวหน้าใหญ่มาก)😔😪😔😪😔
พอเราแก้ไขเสร็จทุกคนเข้าใจว่าน้องใหม่ ก็คือน้องใหม่ เค้าก็หวั่นๆ กันละ เราเต็มที่มากกับงาน
จนเรา 36 week เข้า 9 เดือน
ตอนนี้เราเป็นริดซี่ดวง แบบสุดๆ คือก้อนใหญ่เท่านิ้วโป้ง ทรมานสุดๆ (เราไม่ได้ท้องผูกนะ)
ลูกโก่งตัวบ่อย, ท้องแข็งบ่อย, หมอสันนิฐานว่าลูกอาจดิ้นไปโดยทับหลอดเลือดดำ
เราทรมานมากๆๆๆๆ คือเราจะบอกว่า เราเดินทำงานตลอดเวลา ,หัวหน้านั่งที่โต๊ะ คือเรียกเราไปหา ไปส่งงานสำคัญ ,ไปเช็คของ,หรืออื่นๆ คือเราเดินบ่อยมากๆ และต้องทำงานกับเวลา ,บางทีท้องแข็ง หยุดพักแปบนึ่ง ก็ต้องทำงานให้เสร็จ
"มีคำพูดหัวหน้าว่า คนท้องไม่ใช่คนพิการหน้าที่แบบไหนก็ต้องทำแบบนั้น"
"คนท้องต้องเดินเยอะๆ ไม่ใช่เอาแต่นั่ง จะได้คลอดง่ายๆ"
((มันไม่จริงเสมอไป...จำไว้นะทุกคน คนท้องไม่เหมือนกันทุกคน))
เราไปเป็นริดซี่ แบบ 1คืน โตเท่าหัวแม่โป้ง
คือลูกท้องแข็ง โก่งตัว 2วันติด ปวดๆตูด
แล้วเม็ดริดซี่ โตภายใน 12 ชม. ทรมานแบบนั่งเดินไม่ไหว เราไปหาหมอ หมอทำได้แค่ให้ยาพารา,ยาระบาย, และให้แช่น่ำอุ่น และบอกให้ราอดทน
(ไม่มีผลกับการตั้งครรภ์) เราสุดจริง หมอเขียนใบลาให้เรา 1อาทิตย์ เราปวดร้าวๆมากๆๆ
ตอนนี้ 37 week ริดซี่เราแตกมีเลือดไหล น้ำตาคือแทบอาบแก้มเลยค่ะ หมอก็ให้เราอดทน แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดคือให้มาหาหมอศัลยกรรมทันที
((งานเราก็ห่วง หัวหน้าก็ถามงาน))
((น้องที่ทำงานแทน ก็โทรมากลัวตัวเองทำผิด))
(เราสอนน้องทุกคนทุกอย่างเตรียมงานไว้หมดแล้ว))
แต่เราเข้าใจละว่าพอไม่มีคนทำงานธุรการ//เกี่ยวกับเงิน//ประชุม//ข่าวสาร//อื่นๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของตนเอง เบิกค่าต่างๆพนักงาน จะเป็นกังวลกัน
มาสรุปตอนท้ายนะค่ะ
(เราอยากให้คุณแม่ทุกคนดูแลตัวเองดีๆ)
เราเข้าใจเลยว่าการเห็นแก่ตัวบ้าง มันก็ทำให้ตัวเองไม่ลำบาก ตอนนี้คุณแม่ทรมานกับการเป็นริดซี่ดวง ตอน 9 เดือนมากๆๆ และไม่ได้มีใครซัพพอร์ตร่างกายเรา เราต้องดูแลตัวเองและลูกนะค่ะ
กับอีกเรื่อง คนส่วนใหญ่จะมองงานธุรการเป็น งานที่ไม่มีอะไรเลยไม่สำคัญ แต่หัวหน้า พนักงานส่วนใหญ่ก็ถามงานกับธุรการตลอดเวลา งานทุกตำแหน่งก็มีความสำคัญกันหมดนะค่ะ
พรุ่งนี้เราหมอนัดแล้ว/// ไม่รู้จะผ่าริดซี่ก่อน
หรือผ่าคลอดน้องก่อน เราเบ่งไม่ไหว//
ไว้จะอัพเดท อาการต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์ และอัพเดท ลูกสาวสุดสตรอง ของเรา ให้ทราบนะค่ะ
เราเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ
ปวดหลังเพราะหมอนรอง, เบาหวาน, ริดซี่แบบขั้นสุด