ดูคลิป ที่ผู้เสียหายออกมาพูดแล้ว "ของขึ้น" นิดๆครับ 5 5 5 5 ไปหาดูเอาเอง
ผมไม่รู้หรอกว่าทัวร์ไหน ที่โชคร้ายขนาดนี้
แต่ในฐานะของคนที่เป็นหัวหน้าทัวร์มากว่า 30 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุโรป
ผมว่ามันง่ายเกินไป ที่เอะอะอะไรก็มาโทษไกด์ โทษบริษัททัวร์
ผมยอมรับ ว่า ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก ว่า เหตุเกิดกี่โมง และ เที่ยวบินออกกี่โมง ด้วยสายการบินอะไร
เรื่องแย่ๆแบบนี้ มันเกิดขึ้น เป็นประจำครับ
ผมอาจจะยอมรับ ว่า หัวหน้าทัวร์คนนั้นอาจจะ ผมใช้คำว่า "อาจจะ" ขาดประสบการณ์ในการทำงานในพื้นที่
ถึงได้ไม่เตือนลูกทัวร์ ให้ระมัดระวัง ดูแลรักษาทรัพย์สินของตัวเองให้ดี "เป็นพิเศษ" ระหว่างการเดินทาง
เพราะในยุโรป มิจฉาชีพเหล่านี้ชุมยิ่งกว่ายุง !
ถามว่า หากไกด์ เตือนแล้ว ผู้เสียหาย จะไม่โดนฉกหรือครับ หรือโดนฉก แล้วของจะไม่หาย
หากเตือนแล้ว ผู้เสียหาย จะเก็บนาฬิกาไว้ที่ไหนครับ หากไม่ใช่บนข้อมือของตัวเอง
กระเป๋ากางเกงก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยเท่าไหร่
25 ปีในการทำงาน ผมผ่านเรื่องแย่ๆแบบนี้ มาหมดแล้วครับ โอเค ส่วนใหญ่ไม่ใช่นาฬิกา
ทั้งมิลาน เวนิซ โรม ซาลส์บวร์ก ลูเซิร์น โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม ปารีส ลอนดอน โดนมาหมด
ทุกเคส ที่กล่าวมา ต่างกรรม ต่างวาระ ไม่มีลูกทัวร์คนไหนมาโทษหัวหน้าทัวร์ หรือ บริษัททัวร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว !
มีบางเคส ได้ของคืนด้วย
คนเรามัน ซวยกันได้ครับ
แค่นี้จริงๆ ! นี่แหละประเด็น
แต่คนเราก็มักจะไม่เคยโทษความโชคร้ายของตัวเราเองซะที
โน่น ...ชีโบ๊ ชี้เบ๊ โทษคนอื่นทั้งปี ยกเว้นตัวเอง
ที่เอาของมีค่าเหล่านั้นใส่ไปเดินทาง ไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองเพื่อ.
ในฐานะหัวหน้าทัวร์ เราไม่มีสิทธิที่จะไป คอมเม้นต์รสนิยมการแต่งกายของลูกทัวร์ได้หรอกครับ
มันเป็นเรื่องของลูกทัวร์เอง ที่เลือกจะใส่นาฬิกา Patek Phillipe ราคา 6 ล้านบาท
หรือจะใส่ Casio G Shock เรือนละ 3 พันบาท
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน จะไปละลาบละล้วง เรื่องส่วนตัวของลูกค้าด้วยครับ
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน คอยมาเดินดู ตรวจเช็ค นาฬิกาข้อมือของลูกทัวร์ หรอกว่าท่านไหนใส่ของถูก ของแพง ของเก๊ ของจริง
ที่สำคัญ ในวันที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทย
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน เอาความโชคร้ายของลูกทัวร์ 1 ท่าน มา สร้างความเสียหายของการเดินทางให้กับลูกทัวร์ที่เหลือด้วย !
พวกเค้าไม่ได้รู้อิโหน่ อิเหน่อะไรด้วยนีนา
ทำไมพวกเค้าต้องมาเสี่ยงตกเครื่องบิน เพราะคนๆหนึ่งโชคร้ายโดนปล้นนาฬิกา จะต้องไปหาคนร้าย
ในเมื่อ มันคิอเวลาที่ต้องไปสนามบิน !
หลายๆท่านอาจจะไม่ทราบ
ว่าตำรวจในต่างประเทศเค้า แค่รับแจ้ง ลงบันทึกประจำวัน...จบครับ
เค้าไม่วางแซนด์วิชที่เค้ากินอยู่ หรือ วางงานที่เขาทำอยู่ออกมาวิ่งไล่จับผู้ร้ายให้หรอกนะครับ
ผมเจอประจำตอนพาลูกค้าไปแจ้งความ
แจ้งความเสร็จ ตำรวจยักไหล่ มองบนหาพระเจ้า แล้วบอก Bienvenue a Paris
ยินดีต้อนรับสู่ปารีส
แค่นี้จริงๆครับ !
อยากจะบอกผู้เสียหาย ว่า ทัวร์ดี หรือ ไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ ท่านโดนฉกของหรือเปล่า
ความโชคร้ายของท่าน ไม่ใช่ดัชนีชี้วัดคุณภาพของทัวร์ ว่า ดี หรือ ห่วย
ไม่มีใครบังคับให้ท่าน ต้องใส่นาฬิกาเรือนละ 6 ล้านไปเที่ยวยุโรป
และเรื่องสุดท้าย คนเรา มันมี Good day มี Bad day ครับ ความซวย เป็นเรื่องจริง
และเวลาเราโชคร้ายน่ะ ก็ไม่ต้องไปโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป
เป็นความเห็นส่วนตัว และ เป็นประสบการณ์จริงในการทำงานในยุโรปของ จขกท.
เชื่อแล้ว ไม่สบายใจ กรุณาอย่าเชื่อครับ
อูกะ อูกะ สวัสดี
กรณีโดนฉกนาฬิกา 6 ล้านที่แฟรงค์เฟิร์ท แล้ว เหยื่อออกมาโทษบริษัททัวร์ โทษหัวหน้าทัวร์ ...ผมว่ามันไม่ถูกนะครับ
ผมไม่รู้หรอกว่าทัวร์ไหน ที่โชคร้ายขนาดนี้
แต่ในฐานะของคนที่เป็นหัวหน้าทัวร์มากว่า 30 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุโรป
ผมว่ามันง่ายเกินไป ที่เอะอะอะไรก็มาโทษไกด์ โทษบริษัททัวร์
ผมยอมรับ ว่า ผมไม่รู้รายละเอียดมากนัก ว่า เหตุเกิดกี่โมง และ เที่ยวบินออกกี่โมง ด้วยสายการบินอะไร
เรื่องแย่ๆแบบนี้ มันเกิดขึ้น เป็นประจำครับ
ผมอาจจะยอมรับ ว่า หัวหน้าทัวร์คนนั้นอาจจะ ผมใช้คำว่า "อาจจะ" ขาดประสบการณ์ในการทำงานในพื้นที่
ถึงได้ไม่เตือนลูกทัวร์ ให้ระมัดระวัง ดูแลรักษาทรัพย์สินของตัวเองให้ดี "เป็นพิเศษ" ระหว่างการเดินทาง
เพราะในยุโรป มิจฉาชีพเหล่านี้ชุมยิ่งกว่ายุง !
ถามว่า หากไกด์ เตือนแล้ว ผู้เสียหาย จะไม่โดนฉกหรือครับ หรือโดนฉก แล้วของจะไม่หาย
หากเตือนแล้ว ผู้เสียหาย จะเก็บนาฬิกาไว้ที่ไหนครับ หากไม่ใช่บนข้อมือของตัวเอง
กระเป๋ากางเกงก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยเท่าไหร่
25 ปีในการทำงาน ผมผ่านเรื่องแย่ๆแบบนี้ มาหมดแล้วครับ โอเค ส่วนใหญ่ไม่ใช่นาฬิกา
ทั้งมิลาน เวนิซ โรม ซาลส์บวร์ก ลูเซิร์น โคโลญจน์ อัมสเตอร์ดัม ปารีส ลอนดอน โดนมาหมด
ทุกเคส ที่กล่าวมา ต่างกรรม ต่างวาระ ไม่มีลูกทัวร์คนไหนมาโทษหัวหน้าทัวร์ หรือ บริษัททัวร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว !
มีบางเคส ได้ของคืนด้วย
คนเรามัน ซวยกันได้ครับ
แค่นี้จริงๆ ! นี่แหละประเด็น
แต่คนเราก็มักจะไม่เคยโทษความโชคร้ายของตัวเราเองซะที
โน่น ...ชีโบ๊ ชี้เบ๊ โทษคนอื่นทั้งปี ยกเว้นตัวเอง
ที่เอาของมีค่าเหล่านั้นใส่ไปเดินทาง ไปเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองเพื่อ.
ในฐานะหัวหน้าทัวร์ เราไม่มีสิทธิที่จะไป คอมเม้นต์รสนิยมการแต่งกายของลูกทัวร์ได้หรอกครับ
มันเป็นเรื่องของลูกทัวร์เอง ที่เลือกจะใส่นาฬิกา Patek Phillipe ราคา 6 ล้านบาท
หรือจะใส่ Casio G Shock เรือนละ 3 พันบาท
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน จะไปละลาบละล้วง เรื่องส่วนตัวของลูกค้าด้วยครับ
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน คอยมาเดินดู ตรวจเช็ค นาฬิกาข้อมือของลูกทัวร์ หรอกว่าท่านไหนใส่ของถูก ของแพง ของเก๊ ของจริง
ที่สำคัญ ในวันที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทย
ไม่มีหัวหน้าทัวร์คนไหน เอาความโชคร้ายของลูกทัวร์ 1 ท่าน มา สร้างความเสียหายของการเดินทางให้กับลูกทัวร์ที่เหลือด้วย !
พวกเค้าไม่ได้รู้อิโหน่ อิเหน่อะไรด้วยนีนา
ทำไมพวกเค้าต้องมาเสี่ยงตกเครื่องบิน เพราะคนๆหนึ่งโชคร้ายโดนปล้นนาฬิกา จะต้องไปหาคนร้าย
ในเมื่อ มันคิอเวลาที่ต้องไปสนามบิน !
หลายๆท่านอาจจะไม่ทราบ
ว่าตำรวจในต่างประเทศเค้า แค่รับแจ้ง ลงบันทึกประจำวัน...จบครับ
เค้าไม่วางแซนด์วิชที่เค้ากินอยู่ หรือ วางงานที่เขาทำอยู่ออกมาวิ่งไล่จับผู้ร้ายให้หรอกนะครับ
ผมเจอประจำตอนพาลูกค้าไปแจ้งความ
แจ้งความเสร็จ ตำรวจยักไหล่ มองบนหาพระเจ้า แล้วบอก Bienvenue a Paris
ยินดีต้อนรับสู่ปารีส
แค่นี้จริงๆครับ !
อยากจะบอกผู้เสียหาย ว่า ทัวร์ดี หรือ ไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ ท่านโดนฉกของหรือเปล่า
ความโชคร้ายของท่าน ไม่ใช่ดัชนีชี้วัดคุณภาพของทัวร์ ว่า ดี หรือ ห่วย
ไม่มีใครบังคับให้ท่าน ต้องใส่นาฬิกาเรือนละ 6 ล้านไปเที่ยวยุโรป
และเรื่องสุดท้าย คนเรา มันมี Good day มี Bad day ครับ ความซวย เป็นเรื่องจริง
และเวลาเราโชคร้ายน่ะ ก็ไม่ต้องไปโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป
เป็นความเห็นส่วนตัว และ เป็นประสบการณ์จริงในการทำงานในยุโรปของ จขกท.
เชื่อแล้ว ไม่สบายใจ กรุณาอย่าเชื่อครับ
อูกะ อูกะ สวัสดี