JJNY : กระแสตอบรับ ‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ ดีเกินคาด│นิรโทษ112ชี้ชะตารบ.│บาทแข็งค่า จับตาแบงก์ชาติ│น้ำท่วมฉับพลันที่ซิดนีย์

จับตาพิธานำทีมแถลงสู้คดี ยิ่งยุบยิ่งโต 300% กระแสตอบรับ ‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ ดีเกินคาด
https://www.matichon.co.th/clips/news_4616543
 
 
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ฉายภาพคดีล้มล้างการปกครอง เสี่ยงถูกยุบพรรค ไม่ว่าก้าวไกลจะแถลงอะไร จะไม่มีผลต่อวิธีการพิจารณาของศาลอยู่แล้ว ก้าวไกลพูดในที่ตั้ง พูดเรื่องแนวทางการสู้คดี พวกเขามีสิทธิที่จะพูดได้ ไม่ได้วิจารณ์ศาล ไม่กระทบการพิจารณาคดี คุยให้สังคมได้รับรู้ อนาคตใหม่วันที่เริ่มเป็นก้าวไกล สส. มีแค่ 50 คน แล้วเพิ่มเป็น 150 คน โต 300 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีพรรคไหนในประเทศไทยที่ทำได้ เชื่องูเห่ารอบนี้จะไม่เยอะ เพราะคงไม่มีใครโง่ทิ้งพรรคที่เป็นอันดับ 1 แล้วไปอยู่กับพรรคอันดับ 2-3 แทน กระแสตอบรับ Breaking The Cycle อำนาจ ศรัทธา อนาคต ดีเกินคาด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


นิรโทษ 112 (ทักษิณ) ชี้ชะตารัฐบาล “เศรษฐา”
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_729381/

นายกฯเศรษฐา ทวีสิน มีคดีถอดถอนในศาลรัฐธรรมนูญให้คอยกังวล ต้องลุ้นตัวโก่งจะออกหัวหรือก้อย แม้ “วิษณุ เครืองาม” มือกฏหมายเทวดามาช่วยดูคำชี้แจงให้ แต่ผลก็ยากจะคาดเดาอยู่ดี
 
สัญญาณเดียวที่เห็นว่า น่าจะดี คือสีหน้าที่แจ่มใสกว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของนายกฯ เศรษฐา เพราะน่าจะโล่งใจไปในระดับหนึ่งแล้ว ที่เหลือคือรอไปทีละขั้นตอน ตามกระบวนการของศาล ส่วนเกมการเมืองที่รายล้อม นิรโทษกรรม ม.112 ที่อยู่ในขั้นตอนของสภา น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่ออนาคตของรัฐบาล เพราะเพื่อไทย กับพรรคร่วมเริ่มเห็นต่างกันในประเด็นนี้แล้ว
 
โดยที่พรรคร่วมสายอนุรักษ์ดั้งเดิม “ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-พลังประชารัฐ-ชาติไทยพัฒนา” โชว์จุดยืนกันออกมาหมดแล้ว ไม่เอานิรโทษกรรมเหมาเข่งรวม 112 สวนทางกับท่าทีเพื่อไทย ที่เอียงไปทางก้าวไกลมากขึ้น หลัง”ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่โดนคดี อัยการนัดส่งตัวต่อฟ้องศาล 18 มิ.ย.นี้ และเหตุการณ์ในวันนั้น จะยิ่งกลายเป็นตัวแปรที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่ว่า “ทักษิณ” จะมา หรือไม่มาศาล
 
เพราะผลที่ออกมา จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ต่อคดี 112ไปในทันที ว่าจะเหมือนกับในอดีต ที่นักเคลื่อนไหวการเมือง เยาวชน เผชิญมา และกำลังเผชิญอยู่หรือไม่ จะเป็นบททดสอบกระบวนการยุติธรรมของไทย ว่าจะเรียกคืนศรัทธา จากประชาชนได้แล้ว หรือจะต้องคำครหาว่า 2 มาตรฐานอยู่ต่อไป
 
ท่าทีของ”นายกฯ เศรษฐา” ต่อกรณีนิรโทษกรรม 112 พยายามบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยงที่จะตอบในเรื่องนี้มาตลอด พยายามโยนออกไป เป็นเรื่องของส.ส. เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฏร ดำเนินการ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ต่างจากรองนายกฯ “ภูมิธรรม เวชยชัย” และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่พูดกันไปคนละทิศคนละทาง จนจับอาการได้ว่า หากมีการขับเคลื่อนนิรโทษกรรม และพ่วง 112 ด้วย
 
ในสภาจะเกิดภาพของความขัดแย้ง แตกแยกในจุดยืนทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ กับพรรคร่วม อย่างน้อย 4 พรรค ก็จะเห็นไม่ตรงกัน ในขณะที่ซีกฝ่ายค้าน แม้ก้าวไกล ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”คอยเป็นผู้นำ จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ และต้องการให้เหมาเข่ง แต่อีก 2 พรรค คือ ประชาธิปัตย์ และ ไทยสร้างไทย ก็มีจุดยืนแบบเดียวกับสายอนุรักษ์ ไม่นิรโทษ ไม่แตะต้อง 112 เด็ดขาด เท่ากับว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่านค้าน ล้วนเสียงแตกหากจะนิรโทษแบบเหมาเข่ง และหากดูตามจำนวนของ ส.ส.ที่มีอยู่
 
โดยเฉพาะเพื่อไทยกับก้าวไกล หากจับมือกันผลักดันจริงๆ ก็ยังพอไปไหว ผ่านสภาได้แบบสบายๆ แต่จะผ่านไปตลอด รอดฝั่งหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะกรรมาธฺการชุดนี้แค่ศึกษา ยังไม่ใช่ขั้นตอนการเสนอ ร่าง พรบ.เข้าสภาแต่อย่างใด แถมยังมีตัวแปรนอกสภา ที่อาจผลักดันให้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงพลิกผันอีกระลอกก็ได้ โดยเฉพาะม็อบ คปท.ที่อาจจะจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น ระเบิดเวลาจริงๆ ของนิรโทษกรรม คือ คดี “ทักษิณ” หากเพื่อไทยดึงดันจะเอาแบบเหมาเข่ง
 
ภาพความขัดแย้งครั้งเก่าก็จะกลับมาหลอนอีกครั้ง แต่หากนิรโทษโดยไม่มี 112 ภาพความปรองดองสมานฉันท์ แบบสมประโยชน์ของบางฝ่าย บางคนก็จะเดินหน้าต่อไป รัฐบาลของนายกฯ เศรษฐา ก็จะสามารถทำงานต่อไปได้แบบราบรื่น แล้วค่อยไปวัดดวงกันใหม่ในสนามเลือกตั้งอีกที

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ค่าเงินบาททำสถิติแข็งค่า จับตาแบงก์ชาติ ส่งสัญญาณดอกเบี้ยไทย 12 มิ.ย.นี้
https://www.dailynews.co.th/news/3513348/

สรุปเงินบาทแข็งค่า ทำสถิติในรอบ 2 สัปดาห์ แตะระดับ 36.33 บาทต่อดอลลาร์ จับตาแบงก์ชาติ ประชุม กนง. 12 มิ.ย. นี้ ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยไทย

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 36.33 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ 
 
เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงตามทิศทางบอนด์ยีลด์ของสหรัฐ ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด อาทิ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานที่ปรับตัวลงมาที่ระดับ 8.06 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. (ต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี)
 
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงบางส่วนช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ท่ามกลางกระแสข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลและ ธปท. แต่ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งเนื่องจากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่ตลาดคาด จำกัดกรอบการฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ ไว้
ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 36.33 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะลดช่วงบวกลงตามการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ เพื่อปรับโพสิชันเพื่อรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด (11-12 มิ.ย.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. (12 มิ.ย.) และ BOJ (13-14 มิ.ย.)
 
ในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.51บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ36.79 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (31 พ.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 6,045 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 2,415ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 3,028 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 613 ล้านบาท)
 
สัปดาห์ถัดไป (10-14 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ผลการประชุมนโยบายการเงินตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ และ dot plot ของเฟด (11-12 มิ.ย.) ผลการประชุม กนง. และสัญญาณดอกเบี้ยของไทย (12 มิ.ย.) และผลการประชุม BOJ (13-14 มิ.ย.) ตลอดจนทิศทางเงินทุนต่างชาติ 
 
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน พ.ค. ของจีนและสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของสหรัฐ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่