JJNY : ร้านอาหาร-ภัตตาคารหงอยค้าขายเงียบ│บ.ดังศรีราชาเตรียมปลดพนง.│ทองร่วงเปิดตลาดเช้านี้│เซเลนสกีอ้างจีนขวางร่วมประชุม

ร้านอาหาร-ภัตตาคาร หงอยค้าขายเงียบ ชี้หน้าฝน-การเมืองวุ่นๆ ทำคนเบื่อ เมินกิน-ช้อปนอกบ้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4608146
 
 
ร้านอาหาร-ภัตตาคาร หงอยค้าขายเงียบ ชี้หน้าฝน-การเมืองวุ่นๆ ทำคนเบื่อ เมินกิน-ช้อปนอกบ้าน

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผย มติชน ว่า จากที่ได้พูดคุยกับสมาชิกร้านอาหารและผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ระบุเหมือนกันว่า การค้าและยอดขายหงอยมาก ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมเรื่อยมา โดยประเมินปัจจัยกระทบต่อการใช้จ่ายที่หดตัวลงอย่างรวดเร็วสำหรับธุรกิจร้านอาหาร คือ 
 
1. เข้าหน้าฝนทำให้คนลดการเดินทางทานอาหารบอกบ้าน หรือ ลดความถี่ทานนอกบ้าน หันซื้อไปปรุงเองที่พักอาศัยหรือที่ทำงานแทน ซึ่งจะยาวถึงเทศกาลเข้าพรรษา 
2. เริ่มเปิดเทอมเรียน ทำให้ค่าใช้จ่ายหลักไปอยู่ที่การศึกษาบุตรหรือหลาน 
3. ค่าใช้จ่ายหรือราคาสินค้าอยู่ในระดับสูง ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย 
4. แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยถึง 14 ล้านคนแล้ว โดยเฉพาะชาวจีน ที่มีจำนวนมาก แต่การใช้จ่ายยังไม่ลงถึงชุมชนหรือร้านค้าทั่วไป 
และ 5. ความกังวลเรื่องการเมือง และรอความชัดเจนกรณีนายกฯ เศรษฐา หลังศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคำร้อง 40 สว.

” สำหรับร้านอาหารที่ทำธุรกิจกันมา 10 ปี 20 ปี ก็จะเตรียมใจแล้วว่าเมื่อเข้าหน้าฝน ยอดขายก็จะลดลง แต่ปีนี้ค่อนข้างตกใจ เพราะยอดขายวูบลงเฉลี่ยทั้งตลาดน่าจะเกือบ 50% จากที่พูดคุยร้านใหญ่เอง ขายอาหารอีสานเคยขายไก่ย่างอย่างน้อยได้วันละ 2-3 พันตัวต่อวัน เหลือ1 พันตัวเท่านั้น วงการค่อนข้างวิตกว่าเกิดอะไรขึ้น การเมืองตอนนี้ก็มีผลต่อจิตวิทยาพอควร ทำให้รอดูสถานการณ์ ชะลอใช้จ่าย เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ต่อแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจหรือนโยบายรัฐที่จะเปลี่ยยแปลงไปไหม ต้องมีการเปลี่ยนตัวบุคคลไหม ล้วนมีผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ใช้จ่ายทั้งการกินการซื้อของทั้งสิ้น ” นางฐนิวรรณ กล่าว

นางฐนิวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับภาคท่องเที่ยว ก็ต้องข้อสังเกตุว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแยะ แต่เงินสะพัดในประเทศไม่ได้มากขึ้นตาม ซึ่งได้ข้อมูลจากกลุ่มการค้าคนไทยว่า ตอนนี้ทุนจีนเข้ามาบริหารจัดการเอง จากเดิมจะเป็นแบบความร่วมมือคนไทยกับธุรกิจจากจีน เช่น เดิมธุรกิจนำคนจีนมาเที่ยวไทย ก็จะร่วมกับธุรกิจไทยในการจัดหาที่พัก รถเดินทาง จุดแวะร้านอาหารหรือซื้อของที่ระลึก รวมถึงคัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัด แต่วันนี้มีกลุ่มคนจีนในไทยรับช่วงจัดการเอง อาจมีส่วนให้เงินจากใช้จ่ายท่องเที่ยวอยู่ในมือคนไทยไม่ได้มากเท่าที่ควร ถือเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต แม้เราจะได้นักท่องเที่ยวสูงแต่รายได้ลงสู่ระบบฐานรากก็ไม่ได้เต็ม100% เหมือนที่ผ่านมา

นางฐนิวรรณ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น คือ เมื่อธุรกิจมีรายได้ลดลง จะกระทบต่อแผนงานความร่วมมือ หรือ แนวคิดจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นใช้จ่าย หรือ กิจกรรมเพื่อสังคม ก็จะหายไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯกำลังติดตามสถานการณ์และมีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการค้า และเตรียมข้อเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ และออกมาตรการระยะสั้นที่จะเติมเงินเข้าระบบ ซึ่งตอนนี้การเติมเงินเข้าระบบเศรษฐกิจถือว่าเป็นประเด็นหลักประกอบการทำธุรกิจการค้าการบริการ

เมื่อตลาดรวมของธุรกิจหนึ่งหงอย ก็จะกระทบต่อถึงธุรกิจต่อเนื่องลดลงตาม ก็ห่วงเมื่อรายได้ธุรกิจลด สินค้าราคายังสูง ผลตอบแทนรายได้ให้แรงงานอาจไม่เท่าเดิม วันนี้เราจ้างแรงงานต่างด้าวเกินเดือนละ 1.2 หมื่นบาท แต่มีสวัสดิการครบทั้งกิน 3 มื้อ และมีที่พัก หากจะรับคนใหม่และมีนโยบายขึ้นค่าแรง คนเก่าก็ต้องขยับค่าแรงให้ สวนทางรายได้ที่ธุรกิจทำได้ ในระยะจากนี้ ธุรกิจอาจมีขนาดเล็กลง หรือ คนรุ่นต่อไปเลิกกิจการ ดังนั้นการเทเงินเทงบประมาณของภาครัฐต้องเร็วและแรงเพียงพอ จะรอการท่องเที่ยว การลงทุน ก็ต้องใช้เวลา ” นางฐนิวรรณ กล่าว



บริษัทดังศรีราชา เตรียม ปลดพนักงาน 3 พันชีวิต ตกงานทันที เซ่นปรับโครงสร้าง.
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8266018

ปรับครั้งใหญ่ บริษัทดังในอ.ศรีราชา เตรียม ปลดพนักงาน ซับ 3,000 ชีวิต ยกบริษัท วันที่ 1 ก.ค.67 ตกงานทันที หลังปรับโครงสร้างใหม่ ย้ายพนักงานประจำไประยอง

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.67 เฟซบุ๊ก นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ โพสต์ข้อความระบุว่า บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตัดสินใจปรับโครงสร้างภายในบริษัท โดยการปลดพนักงานซับคอนแทรค ซึ่งตัวเลขในการปลด ถึง 3,000 ราย เลยทีเดียว ส่วนพนักงานประจำก็จะมีการย้ายไปที่สาขาปลวกแดง ระยอง

โดยก่อนหน้านี้ ยอดที่ได้รับรายงาน เพียง 1,000 ราย แต่ข้อมูลล่าสุด บริษัทจะมีการปลดซับ หรือคืนพนักงานซับให้แก่บริษัทต้นสังกัด ราว 3,000 ราย โดยจะสิ้นสุดในการปฏิบัติงาน ในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 นี้

ทั้งนี้สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลนี้ บริษัทดังกล่าวมีคู่แข่งทางการตลาด และปัญหาภายในหลายปัจจัย จึงต้องดำเนินการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อที่จะให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ในสภาวะในการแข่งขันทางการตลาดสูง

ที่มา เฟซบุ๊ก นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์

https://www.facebook.com/newschonburirayongonline01/posts/854749120016006?ref=embed_post



ทองร่วง เปิดตลาดเช้านี้
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_726705/

ทองเปิดตลาด ราคาปรับลง 50 บาท ทองแท่ง รับซื้อ 40,500 บาท ขายออก 40,600 บาท
 
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อ-ขายทอง ประจำวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.08 น. ราคาปรับลง 50 บาท จากราคาวานนี้
 
ทองแท่ง รับซื้อบาทละ 40,500 บาท ขายออกบาทละ 40,600 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 39,764.68 บาท ขายออกบาทละ 41,100 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่