ฉันต้องขอพักบทความเกี่ยวกับเรื่องเรียน OSS ไว้ก่อน เพราะว่าฉันกับสามีกำลังท่องเที่ยวอยู่บนเรือสำราญบริเวณคาบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน และบนเรือแพคเกจอินเทอร์เน็ตนั้นก็แพงเกินไป.. การเดินทางในช่วงนี้ทำให้ฉันมีความกังวลนิดหน่อย ที่ต้องขาดเรียนทั้งสัปดาห์ และก็ต้องขาดสอบวิชาจิตวิทยาของคุณครู Pacher แต่ฉันก็ได้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะไม่อยู่ช่วงสอบ ครูก็ใจดีบอกว่าเดี๋ยวเราจะคุยกับเลขาเพื่อฟิกซ์วันสอบซ่อมให้คุณ... ที่นี่เมื่อขาดเรียน ก็ไม่ต้องแจ้งเหตุผลหรือแจ้งล่วงหน้า ฉันสามารถขาดเรียนได้ประมาณ 300 ชั่วโมง และก็เพิ่งใช้สิทธิ์ไปไม่ถึง 40 ชั่วโมง และเมื่อรวมกับสัปดาห์นี้ ฉันก็จะยังอยู่ในโควตา..
ตลอดหลายวันมานี้ สามีฉันตั้งตารอที่จะได้ออกเดินทางเสียที ฉันถามเขาว่าอะไรที่ทำให้คุณชอบการท่องเที่ยวทางเรือ เขาก็บอกว่าเรือพาเราเดินทางไปเรื่อยๆ ทุกเช้าที่เราตื่นมาเราก็ได้พบเห็นสถานที่ใหม่ๆ ได้สัมผัสเมืองท่าของประเทศต่างๆ กลับขึ้นเรือมาเราก็กินข้าว อาบน้ำ พักผ่อน มันไม่เหนื่อยจนเกินไป สำหรับเขาเรือเปรียบสเหมือนโลกใบหนึ่ง ส่วนการเดินทางทางอากาศที่เขาเคยชอบมากๆ และบอกทุกครั้งว่าชอบโมเม้นต์ตอนอยู่บนเครื่อง แต่ตอนนี้เขาบอกว่าชอบเรือมากกว่า ส่วนเครื่องบินเป็นเพียงขนส่งทางอากาศ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
สำหรับฉัน ฉันชอบการตกแต่งที่สวยงามโอ่โถง โต๊ะ เก้าอี้ บาร์ ห้องอาหาร และแสงไฟที่ระยิบระยับ ฉันชื่นชอบบรรยากาศที่ผู้คนผ่อนคลาย สนุกสนานรื่นเริง และดูมีความสุขกับคนที่ตนรัก
และนอกจากผู้โดยสารแล้ว คนที่อยู่ร่วมโลกใบเล็กและใบใหญ่นี้กับพวกเรา ก็คือพนักงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนบนเรือ การเดินทางของเราจะสะดวกสบายแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่และการบริการนั่นเอง
และในด้านการบริการ นอกจากความเป็นมืออาชีพแล้ว เซอร์วิสมายด์ก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ความเต็มใจ ความใส่ใจ ความจริงใจ ก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและความพึงพอใจ และจะดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก งานบริการจึงไม่ใช่การทำตามหน้าที่แล้วสิ้นเดือนก็รับเงิน และไม่ใช่การทำเกินหน้าที่แบบว่า ลูกค้าคือพระเจ้า เพราะการจ่ายเงินซื้อบริการก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ซื้อจะต้องได้อะไรเกินขอบเขตและเหตุผล..
ก่อนที่จะมาเรียน OSS ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ รับรู้แค่ว่าแบบนี้คนนี้คือบริการดี แบบนี้คนนี้คือบริการไม่ค่อยดี จบ.. แต่จริงๆมันมีอะไรที่อยู่เบื้องหลังมากกว่านั้นมากๆ ส่วนจะเป็นอะไรและอย่างไรนั้น ฉันจะนำมาเล่าให้ฟังในบทความต่อๆไป
วันนี้ฉันขอลาไปด้วยใบหน้าของผู้ที่มีใจรักบริการ และผู้ที่ฉันมั่นใจว่าในหัวใจนั้น "มีสิ่งที่เรียกว่ารัก" อยู่ตรงนั้น.. ขณะที่ฉันเดินไปจุดบริการอาหารเพื่อถ่ายรูปขาหมูอบ พนักงานสาวที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็ทักทายฉันว่าต้องการชิมซักหน่อยไหม ฉันส่ายหน้าแล้วบอกขอบคุณ แล้วถ่ายรูปต่อ.. แล้วพนักงานหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆก็เดินมาเท้าคางลงกับเคาเตอร์ แล้วยิ้มให้อย่างร่าเริงสดใส ฉันรับรู้ว่านั่นเป็นการอนุญาตให้ถ่ายรูปเขาได้ จึงหันสมาร์ทโฟนไปทางเขาแล้วเพื่อนๆเขาก็หัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วเดินเข้ามาในเฟรมด้วย ฉันเริ่มตื่นเต้นแต่ก็พยายามจับมือถือให้มั่น เพื่อให้กล้องนิ่ง แล้วบรรจงแตะปุ่มชัตเตอร์เบาๆเพื่อให้ภาพออกมาคมชัดมากที่สุด.....
วันนี้เป็นวันแรกของฉันบนเรือ แต่สำหรับพวกเขาน่าจะเป็นเวลา 3 เดือนได้แล้วที่อยู่บนนี้ ตั้งแต่ฤดูกาลท่องเที่ยวทางเรือสำราญในปีนี้ได้เริ่มขึ้น.. ฉันเคยได้รับรู้รับฟังมาว่างานบนเรือนั้นหนักแค่ไหน และต้องอดทนกับอะไรบ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความรักของพวกเขาก็ไม่เคยที่จะหยุดเดินทางไปพร้อมกับเขาเลย..
ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขามาจากไหน
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาชื่ออะไร
และฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาศาสนาอะไร
หรือไม่นับถืออะไรเลย
แล้วสิ่งที่ว่ามามันสำคัญกว่าสิ่งที่
"อยู่ตรงนั้น" ไหม??
🤍ความรักกำลังเดินทาง🤍
ตลอดหลายวันมานี้ สามีฉันตั้งตารอที่จะได้ออกเดินทางเสียที ฉันถามเขาว่าอะไรที่ทำให้คุณชอบการท่องเที่ยวทางเรือ เขาก็บอกว่าเรือพาเราเดินทางไปเรื่อยๆ ทุกเช้าที่เราตื่นมาเราก็ได้พบเห็นสถานที่ใหม่ๆ ได้สัมผัสเมืองท่าของประเทศต่างๆ กลับขึ้นเรือมาเราก็กินข้าว อาบน้ำ พักผ่อน มันไม่เหนื่อยจนเกินไป สำหรับเขาเรือเปรียบสเหมือนโลกใบหนึ่ง ส่วนการเดินทางทางอากาศที่เขาเคยชอบมากๆ และบอกทุกครั้งว่าชอบโมเม้นต์ตอนอยู่บนเครื่อง แต่ตอนนี้เขาบอกว่าชอบเรือมากกว่า ส่วนเครื่องบินเป็นเพียงขนส่งทางอากาศ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
สำหรับฉัน ฉันชอบการตกแต่งที่สวยงามโอ่โถง โต๊ะ เก้าอี้ บาร์ ห้องอาหาร และแสงไฟที่ระยิบระยับ ฉันชื่นชอบบรรยากาศที่ผู้คนผ่อนคลาย สนุกสนานรื่นเริง และดูมีความสุขกับคนที่ตนรัก
และนอกจากผู้โดยสารแล้ว คนที่อยู่ร่วมโลกใบเล็กและใบใหญ่นี้กับพวกเรา ก็คือพนักงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนบนเรือ การเดินทางของเราจะสะดวกสบายแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่และการบริการนั่นเอง
และในด้านการบริการ นอกจากความเป็นมืออาชีพแล้ว เซอร์วิสมายด์ก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ความเต็มใจ ความใส่ใจ ความจริงใจ ก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและความพึงพอใจ และจะดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก งานบริการจึงไม่ใช่การทำตามหน้าที่แล้วสิ้นเดือนก็รับเงิน และไม่ใช่การทำเกินหน้าที่แบบว่า ลูกค้าคือพระเจ้า เพราะการจ่ายเงินซื้อบริการก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ซื้อจะต้องได้อะไรเกินขอบเขตและเหตุผล..
ก่อนที่จะมาเรียน OSS ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ รับรู้แค่ว่าแบบนี้คนนี้คือบริการดี แบบนี้คนนี้คือบริการไม่ค่อยดี จบ.. แต่จริงๆมันมีอะไรที่อยู่เบื้องหลังมากกว่านั้นมากๆ ส่วนจะเป็นอะไรและอย่างไรนั้น ฉันจะนำมาเล่าให้ฟังในบทความต่อๆไป
วันนี้ฉันขอลาไปด้วยใบหน้าของผู้ที่มีใจรักบริการ และผู้ที่ฉันมั่นใจว่าในหัวใจนั้น "มีสิ่งที่เรียกว่ารัก" อยู่ตรงนั้น.. ขณะที่ฉันเดินไปจุดบริการอาหารเพื่อถ่ายรูปขาหมูอบ พนักงานสาวที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็ทักทายฉันว่าต้องการชิมซักหน่อยไหม ฉันส่ายหน้าแล้วบอกขอบคุณ แล้วถ่ายรูปต่อ.. แล้วพนักงานหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆก็เดินมาเท้าคางลงกับเคาเตอร์ แล้วยิ้มให้อย่างร่าเริงสดใส ฉันรับรู้ว่านั่นเป็นการอนุญาตให้ถ่ายรูปเขาได้ จึงหันสมาร์ทโฟนไปทางเขาแล้วเพื่อนๆเขาก็หัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วเดินเข้ามาในเฟรมด้วย ฉันเริ่มตื่นเต้นแต่ก็พยายามจับมือถือให้มั่น เพื่อให้กล้องนิ่ง แล้วบรรจงแตะปุ่มชัตเตอร์เบาๆเพื่อให้ภาพออกมาคมชัดมากที่สุด.....
วันนี้เป็นวันแรกของฉันบนเรือ แต่สำหรับพวกเขาน่าจะเป็นเวลา 3 เดือนได้แล้วที่อยู่บนนี้ ตั้งแต่ฤดูกาลท่องเที่ยวทางเรือสำราญในปีนี้ได้เริ่มขึ้น.. ฉันเคยได้รับรู้รับฟังมาว่างานบนเรือนั้นหนักแค่ไหน และต้องอดทนกับอะไรบ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความรักของพวกเขาก็ไม่เคยที่จะหยุดเดินทางไปพร้อมกับเขาเลย..
ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขามาจากไหน
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาชื่ออะไร
และฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาศาสนาอะไร
หรือไม่นับถืออะไรเลย
แล้วสิ่งที่ว่ามามันสำคัญกว่าสิ่งที่
"อยู่ตรงนั้น" ไหม??