ศาล รธน.มติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องวินิจฉัย กกต.ละเลยหน้าที่ ปล่อยก้าวไกลหาเสียงแก้ 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_4599795
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องวินิจฉัย กกต. กรณีละเลยหน้าที่ ปล่อยให้ก้าวไกลชูปมแก้ ม.112 หาเสียงเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณีที่ นาย
ธรณิศ มั่นศรี (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้อง) มีหน้าที่ในการกำกับ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 5 มาตรา 28 และมาตรา 29 และระเบียบ
คณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 17 แต่ผู้ถูกร้องละเลยให้ พรรคก้าวไกล นำประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง การกระทำของผู้ถูกร้องป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นการสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลกระทำผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องประสงค์ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการใดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง กรณีไม่เป็นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ยื่นปธ.กกต.สอบคุณสมบัติผู้สมัครสว.กลุ่ม 9-10 ป้องกันฮั๊ว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_724671/
“ยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ” ยื่นประธาน กกต.ขอตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 หวั่นเข้าข่ายเป็นจัดตั้ง “ฮั๊วกัน”
นาย
ยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ ผู้สมัคร สว. ยื่นหนังสื่อถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)โดยขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติหรือเงื่อนไขของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 9 กลุ่มประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย ที่มีจำนวน 1,844 คน และกลุ่ม 10 กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการตามข้อ 9 ที่มี จำนวน 1,200 คน ทั่วประเทศ
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้สมัครบางคนของกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จึงตั้งข้อสังเกตุว่าอาจเข้าข่ายเป็นการจัดตั้งหรือเป็นการฮั้วกันหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าบางคนมีรายได้ของธุรกิจเกินกว่าที่จะที่จะลงสมัครในกลุ่ม 9 หรือคุณสมบัตินั้นเข้าข่ายสมัครได้ในกลุ่ม 10 แต่กลับมาสมัครที่กลุ่ม 9 ซึ่งเห็นว่าในขณะสมัครไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ประกอบ และอ้างว่าผู้สมัครบางราย เปิดบริษัทมาไม่ถึง 10 ปี แต่ต้องการให้ลูกหลานเข้ามาสมัครจึงเข้าไปแก้ไขเอกสารภายในบริษัทเพื่อให้ได้ใช้สิทธิ์ลงสมัคร สว.
นอกจากนี้ยังอ้างข้อเรียกร้อง 3 ข้อไปยัง กกต. คือ 1.ขอให้ตรวจสอบผู้สมัครกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ทุกคนทั่วประเทศ 2.ให้กกตตรวจสอบรายได้ของบริษัทผู้สมัครในกลุ่ม 9ว่าเข้าเกณฑ์ตามคุณสมบัติหรือไม่ 3.ให้ตรวจสอบรายได้ผู้สมัครกลุ่ม 10 ซึ่งเห็นว่าจะต้องมีรายได้ต่อปีมากกว่า 500 ล้านบาทถึงจะสามารถลงสมัครได้ หรือหากเป็นภาคบริการต้องมีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาทต่อปีจึงจะสามารถลงสมัครได้
“
ผมเชื่อว่ามีหลายคนไม่มีคุณสมบัติที่จะสมัคร กลุ่ม 10 อาจจะเป็นการจัดตั้ง หรือกลุ่มที่มีการฮั้วกันมาไปสมัครจึงอยากให้ กกต.ตรวจสอบ” นายยศพัทธร์ กล่าว
นอกจากนี้ขอให้ผู้สมัครในกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ร่วมการตรวจสอบคัดกรองผู้สมัครและขอความร่วมมือให้นำเอกสารที่แสดงถึงรายได้บริษัทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติในการลงสมัคร ส่งให้กกต.หรือผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอ เพื่อยืนยันว่ามีคุณสมบัติและมีประสบการณ์จริง ทำงานต่อเนื่องเกิน 10 ปี รวมถึงมีรายได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อปี เพื่อเป็นการคัดกรองคนที่ไม่มีคุณสมบัติออกไป พร้อมขอให้กกต.ออกระเบียบเพื่อตรวจสอบกลุ่มผู้สมัคร
นาย
ยศพัทธร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ไปตรวจสอบรายได้ของบริษัทผู้สมัครสว. บางรายในกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงตามเงื่อนไขที่สมัคร และเชื่อว่าในการสมัครเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการตรวจสอบละเอียดถึงรายได้ของบริษัทผู้สมัคร และเชื่อว่าอาจจะมีการคัดค้านให้มีการเพิกถอนในภายหลัง ทำให้ต้องเสียงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ และอ้างอิงว่าจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบผู้สมัคร สว. 1 คน ไม่มีคุณสมบัติในการสมัคร และคาดการณ์ว่ายังมีอีก 2 คน ไม่มีรายได้ตามเงื่อนไขในการลงสมัคร ก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้ายว่าเป็นข้อมูลที่ตนเองสันนิษฐานจากการสืบในเบื้องต้น จึงมาร้องให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริง
เตือนภัยด่วน! ‘อีสาน-ตะวันออก’ เตรียมรับมือฝนตกหนัก-น้ำทะเลหนุนสูง
https://www.dailynews.co.th/news/3480702/
ประกาศเตือนไทย มีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 พ.ค. 67 พบว่า
1.สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออก
พายุไต้ฝุ่น “เอวิเนียร์” ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มการเคลื่อนตัวไปทางด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 30-31 พ.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย
คาดการณ์ : วันที่ 30 พ.ค.-3 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรง ขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
2.สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 51% ของความจุเก็บกัก (41,141 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 29% (16,967 ล้าน ลบ.ม.) การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำเฝ้าระวังน้ำน้อย 5 แห่ง ภาคเหนือ : สิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จุฬาภรณ์ ภาคกลาง : กระเสียว ภาคตะวันตก: ศรีนครินทร์ และปราณบุรี
3.คุณภาพน้ำ : น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร
– แม่น้ำท่าจีน ณ สถานีประตูระบายน้ำปากคลองจินดา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
– แม่น้ำแม่กลอง ณ สถานีอัมพวา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
– แม่น้ำบางปะกง ณ สถานีวัดบางคาง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
4.ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
4.1 ประกาศ สทนช. ฉบับที่ 5/2567 ลงวันที่ 25 พ.ค. 67 เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 25-31 พ.ค. 67 มีพื้นที่เฝ้าระวัง ดังนี้
ภาคเหนือ : จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และพิษณุโลก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม ชัยภูมิ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด
ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ภาคตะวันออก : จ.ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จ.ชุมพร และระนอง
4.2 สทนช. แจ้งเตือนเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 23-31 พ.ค. 67 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง และคาดว่าจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
JJNY : ศาลรธน.ไม่รับคำร้องวินิจฉัยกกต.│ยื่นปธ.กกต.สอบผู้สมัครสว.│เตือนภัยด่วน!‘อีสาน-ตะวันออก’│โสมใต้เตือนปชช.หนีให้ห่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4599795
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องวินิจฉัย กกต. กรณีละเลยหน้าที่ ปล่อยให้ก้าวไกลชูปมแก้ ม.112 หาเสียงเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณีที่ นายธรณิศ มั่นศรี (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้อง) มีหน้าที่ในการกำกับ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 5 มาตรา 28 และมาตรา 29 และระเบียบ
คณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 17 แต่ผู้ถูกร้องละเลยให้ พรรคก้าวไกล นำประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง การกระทำของผู้ถูกร้องป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นการสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลกระทำผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องประสงค์ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการใดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง กรณีไม่เป็นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ยื่นปธ.กกต.สอบคุณสมบัติผู้สมัครสว.กลุ่ม 9-10 ป้องกันฮั๊ว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_724671/
“ยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ” ยื่นประธาน กกต.ขอตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 หวั่นเข้าข่ายเป็นจัดตั้ง “ฮั๊วกัน”
นายยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ ผู้สมัคร สว. ยื่นหนังสื่อถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)โดยขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติหรือเงื่อนไขของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 9 กลุ่มประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย ที่มีจำนวน 1,844 คน และกลุ่ม 10 กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการตามข้อ 9 ที่มี จำนวน 1,200 คน ทั่วประเทศ
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้สมัครบางคนของกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด จึงตั้งข้อสังเกตุว่าอาจเข้าข่ายเป็นการจัดตั้งหรือเป็นการฮั้วกันหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าบางคนมีรายได้ของธุรกิจเกินกว่าที่จะที่จะลงสมัครในกลุ่ม 9 หรือคุณสมบัตินั้นเข้าข่ายสมัครได้ในกลุ่ม 10 แต่กลับมาสมัครที่กลุ่ม 9 ซึ่งเห็นว่าในขณะสมัครไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ประกอบ และอ้างว่าผู้สมัครบางราย เปิดบริษัทมาไม่ถึง 10 ปี แต่ต้องการให้ลูกหลานเข้ามาสมัครจึงเข้าไปแก้ไขเอกสารภายในบริษัทเพื่อให้ได้ใช้สิทธิ์ลงสมัคร สว.
นอกจากนี้ยังอ้างข้อเรียกร้อง 3 ข้อไปยัง กกต. คือ 1.ขอให้ตรวจสอบผู้สมัครกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ทุกคนทั่วประเทศ 2.ให้กกตตรวจสอบรายได้ของบริษัทผู้สมัครในกลุ่ม 9ว่าเข้าเกณฑ์ตามคุณสมบัติหรือไม่ 3.ให้ตรวจสอบรายได้ผู้สมัครกลุ่ม 10 ซึ่งเห็นว่าจะต้องมีรายได้ต่อปีมากกว่า 500 ล้านบาทถึงจะสามารถลงสมัครได้ หรือหากเป็นภาคบริการต้องมีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาทต่อปีจึงจะสามารถลงสมัครได้
“ผมเชื่อว่ามีหลายคนไม่มีคุณสมบัติที่จะสมัคร กลุ่ม 10 อาจจะเป็นการจัดตั้ง หรือกลุ่มที่มีการฮั้วกันมาไปสมัครจึงอยากให้ กกต.ตรวจสอบ” นายยศพัทธร์ กล่าว
นอกจากนี้ขอให้ผู้สมัครในกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ร่วมการตรวจสอบคัดกรองผู้สมัครและขอความร่วมมือให้นำเอกสารที่แสดงถึงรายได้บริษัทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติในการลงสมัคร ส่งให้กกต.หรือผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอ เพื่อยืนยันว่ามีคุณสมบัติและมีประสบการณ์จริง ทำงานต่อเนื่องเกิน 10 ปี รวมถึงมีรายได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อปี เพื่อเป็นการคัดกรองคนที่ไม่มีคุณสมบัติออกไป พร้อมขอให้กกต.ออกระเบียบเพื่อตรวจสอบกลุ่มผู้สมัคร
นายยศพัทธร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ไปตรวจสอบรายได้ของบริษัทผู้สมัครสว. บางรายในกลุ่ม 9 และกลุ่ม 10 ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงตามเงื่อนไขที่สมัคร และเชื่อว่าในการสมัครเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการตรวจสอบละเอียดถึงรายได้ของบริษัทผู้สมัคร และเชื่อว่าอาจจะมีการคัดค้านให้มีการเพิกถอนในภายหลัง ทำให้ต้องเสียงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ และอ้างอิงว่าจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบผู้สมัคร สว. 1 คน ไม่มีคุณสมบัติในการสมัคร และคาดการณ์ว่ายังมีอีก 2 คน ไม่มีรายได้ตามเงื่อนไขในการลงสมัคร ก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้ายว่าเป็นข้อมูลที่ตนเองสันนิษฐานจากการสืบในเบื้องต้น จึงมาร้องให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริง
เตือนภัยด่วน! ‘อีสาน-ตะวันออก’ เตรียมรับมือฝนตกหนัก-น้ำทะเลหนุนสูง
https://www.dailynews.co.th/news/3480702/
ประกาศเตือนไทย มีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 พ.ค. 67 พบว่า
1.สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออก
พายุไต้ฝุ่น “เอวิเนียร์” ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มการเคลื่อนตัวไปทางด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงวันที่ 30-31 พ.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย
คาดการณ์ : วันที่ 30 พ.ค.-3 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรง ขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
2.สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 51% ของความจุเก็บกัก (41,141 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 29% (16,967 ล้าน ลบ.ม.) การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำเฝ้าระวังน้ำน้อย 5 แห่ง ภาคเหนือ : สิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จุฬาภรณ์ ภาคกลาง : กระเสียว ภาคตะวันตก: ศรีนครินทร์ และปราณบุรี
3.คุณภาพน้ำ : น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร
– แม่น้ำท่าจีน ณ สถานีประตูระบายน้ำปากคลองจินดา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
– แม่น้ำแม่กลอง ณ สถานีอัมพวา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
– แม่น้ำบางปะกง ณ สถานีวัดบางคาง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
4.ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
4.1 ประกาศ สทนช. ฉบับที่ 5/2567 ลงวันที่ 25 พ.ค. 67 เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 25-31 พ.ค. 67 มีพื้นที่เฝ้าระวัง ดังนี้
ภาคเหนือ : จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และพิษณุโลก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม ชัยภูมิ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด
ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ภาคตะวันออก : จ.ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จ.ชุมพร และระนอง
4.2 สทนช. แจ้งเตือนเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 23-31 พ.ค. 67 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง และคาดว่าจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ