ท่ามกลางความชื่นมื่นของพรรครัฐบาล
ดูเหมือนราบรื่นมากว่าครึ่งปี จนกระทั่ง ...บุ้งเสียชีวิต
และมีการแต่งตั้งคุณพิชิตเป็นรัฐมนตรี
ซึ่งเมื่อปี 2551 เคยเป็นผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดอำนาจศาล
ด้วยเข้าข่ายร่วมกันพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
ระหว่างทำหน้าที่ทนายความให้กับคุณทักษิณ ชินวัตร
และภรรยา ในคดีซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ
อย่างไรก็ดี คุณพิชิตชี้แจงว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ถือถุงเงิน
และติดสินบนจริงหรือไม่ ส่วนนี้อัยการไม่สั่งฟ้อง
เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจนในบางประการ
"บุ้งพิชิต" คือสองเรื่องราวประจวบเหมาะ
ให้ความรู้สึกลึกๆ กับคนไทยหลายอย่าง
ก่อคำถามถึงการตัดสินใจของนายกฯ
ว่ามีอิสระจากคุณทักษิณ จริงหรือไม่ ? ประวัติของคุณพิชิต
คือหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่ายึดโยงกับคุณทักษิณ
จนเกิดข้อสงสัยว่า นายกฯ ไม่เห็นตัวเลือกนัก กม คนอื่น
ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเลยหรือ เช่น ความจัดเจนทาง กม.
ประวัติการศึกษา การทำงาน วุฒิภาวะ และอื่นๆ
ส่วน บุ้ง แม้เขาสมัครใจที่จะป่วย ผ่านการอดอาหารในเรือนจำ
ทราบว่า ตนมีโอกาสตายได้ ต่างจากผู้ป่วยรายอื่นที่ป่วยด้วยวัยชรา
ไม่แน่ใจว่า รัฐมีแผนรับมืออย่างไร เพราะการอดอาหารไม่ได้ฉับพลัน
แต่ทำมาระยะหนึ่งแล้ว
นำไปสู่การเปรียบเทียบกรณีส่วนราชการปฏิบัติต่อคนมีเงิน กับ คนไม่มีเงิน
เมื่อติดคุก ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลง
ลองเช็คบันทึกว่าคนที่ได้นอน รพ โดยไม่ต้องนอนคุกนั้น
มักจะเป็นกลุ่มคนมีเงินจริงหรือไม่ ?
ถ้าไม่ นั่นก็ตอบได้เปราะหนึ่ง ว่ารัฐปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาค
ล่าสุด นายทุนระดับพันล้านก็ได้นอน รพ แทนคุก เช่นกัน
อาจปฏิบัติกันมาเช่นนี้นานแล้ว ก่อนที่คุณทักษิณจะกลับมาเสียอีก
หรือ เราจะเปิดให้ นักโทษ VIP สร้างตึกโรงพยาบาล บริจาคอุปกรณ์แพทย์เพิ่ม
แล้วให้นอนได้ แต่หลังจากนั้น ต้องมอบให้แก่ภาครัฐดูแล มอบผู้ด้อยโอกาส
ที่ความผิดไม่ร้ายแรง มีสิทธิใช้ด้วย
แม้นายกเศรษฐาจะทำงานทุกวัน ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญ
กับปัญหาของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ
การจัดให้เยาวชนได้รับการพัฒนาอย่าง
เหมาะสมกับบริบทใหม่ หรือ ทำความเข้าใจปัญหาเยาวชน
ในสังคมปัจจุบันในเชิงลึก
เมื่อการศึกษาไม่ตอบโจทย์ เยาวชนไม่ได้รับเวที/พื้นที่สื่อในการแสดงออก
เด็กเติบโตในบริบทยาบ้า เซ็กส์ ความรุนแรง และอื่นๆ
มีรายงานข่าวทุกวัน แต่ไม่เห็นคนของรัฐบาลจะอยากแก้ไข
รมต เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ไม่เห็นออกมาแสดงจุดเปลี่ยน
หรือ เพื่อไทยมองว่า เยาวชนไม่ใช่ฐานเสียง?
หรือ นี่คือสมรภูมิระหว่างพรรคและระหว่างวัย?
อดย้อนคิดไม่ได้ ถึงตอนที่พรรคก้าวไกล ปฏิเสธ ไม่เป็นรัฐบาล
คล้ายกับการสู้รบครั้งนั้น ไม่ยอมหยิบปืน ซึ่งก็คือ อำนาจรัฐ
ทำให้การต่อสู้ในสภาเสียเชิง -- คนมีปืน กับ คนมือเปล่า สู้กัน
ทำให้นโยบายของก้าวไกล ทำจริงไม่ได้ เพราะขาดคนในสภายกมือสนับสนุน
ส่วนหนึ่ง บุคลากรที่มีอิทธิพลต่อพรรคเอง ก็อยู่ระหว่าง
การพิจารณาความผิดตาม มาตรา 112
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของก้าวไกล ได้ความรู้สึกที่ขั้วตรงข้ามทำไม่ได้
คือ ความซื่อสัตย์ต่อประชาชน เชื่อใจในความตรงไปตรงมา
การต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน รัฐไม่จำเป็นต้องแทรกแซงเศรษฐกิจมาก
เพราะคนมีคุณภาพ เศรษฐกิจก็เติบโตได้ เน้นความสุขและความยั่งยืน
วิธีทำงานแบบผู้นำ Gen XํY เป็นวิทยาศาสตร์ และค่อนข้างเปิดเผย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ก็เหมือนหลายบ้าน
ที่พ่อแม่ไม่ยอมยกมรดกให้เพราะลูกอยากเปลี่ยนแปลงบ้านมากเกินไป
พ่อแม่อยากจะคงสภาพไว้ให้บ้านเหมือนเดิม
ซึ่งก็คือ ประเทศไทย ที่ต้องไม่เปลี่ยนแปลง ไปจากที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้
สิ่งที่ก้าวไกลต้องทำ คือ
1. ทำให้คนรุ่นเก่าเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาชอบ
อย่าเพิ่งเริ่มด้วยสิ่งที่เขาไม่ชอบ
ข้อดีของคนรุ่นใหม่ คือ รู้เรื่องเศรษฐกิจในยุคเทคโนโลยีดี
แต่สิ่งเหล่านั้น ต้องทำให้คนรุ่นเก่าเห็นด้านดี
ไม่ใช่ด้านที่ทำลาย
2. การไม่มีสิทธิเลือก สว ครั้งนี้
ความรู้สึกของ Gen YZ นั้นมีอยู่
ผู้นำเยาวชน ที่เอาถ่าน ในเมืองใหญ่ และ
ต่างจังหวัดเอาเขาเข้ามาพัฒนาทางการเมือง
แล้วให้บทบาทเชิงสร้างสรรค์
3. ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างรูปแบบคอนเทนดีที่แชร์ได้ง่าย
ไอติม พริษฐ์ พยายามพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
เราเข้าใจปัญหาชัดเจนในวันที่เปิดสมัคร สว
ว่าทำไม การแก้รัฐธรรมนูญก่อน จึงสำคัญมาก
เราประชาชน ไม่เห็นภาพที่ชัดเจน และเข้าใจง่าย
ณ วันที่ไอติม เคยพูด..
ดังนั้น ต้องใช้ กราฟฟิค ดีไซน์ กลุ่มแอนนิเมชั่น
มาแกะความคิดที่เป็นนามธรรมให้เห็นผลกระทบ
เป็นรูปธรรม โดยใช้ภาพประกอบ
ตรงข้าม เพื่อไทย พยายามพูดเรื่องง่ายๆ
1. เศรษฐกิจ 2. การรักษาพยาบาลที่สะดวกขึ้น
คนรับรู้ประโยชน์ได้ทันที และหลังดีลเป็นรัฐบาลได้แล้ว
เพื่อไทยก็เงียบกริบ เรื่องปัญหา กม. รวมถึงแก้รัฐธรรมนูญ
อาจมีเหตุผลจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เพื่อไทยไม่อยากแตะ
ประเด็น กม. แต่เรื่องเศรษฐกิจและการรักษาพยาบาล ก็ควรเดินหน้าให้ชัดเจน
4 ปีนี้ อาจเป็นโอกาสที่ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลจะทำคะแนน
เพื่อไทยทำผลงาน ให้ประชาชนเห็น ก่อนเลือกตั้งครั้งต่อไป
ก้าวไกล ทำคะแนนต่อไป เพื่อให้เลือกตั้งครั้งหน้า
มีสมาชิกครบจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่หาพรรคอื่นมาจด MOU
"บุ้ง-พิชิต" คืนสติเพื่อไทย ปฏิรูปก้าวไกล
ดูเหมือนราบรื่นมากว่าครึ่งปี จนกระทั่ง ...บุ้งเสียชีวิต
และมีการแต่งตั้งคุณพิชิตเป็นรัฐมนตรี
ซึ่งเมื่อปี 2551 เคยเป็นผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดอำนาจศาล
ด้วยเข้าข่ายร่วมกันพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
ระหว่างทำหน้าที่ทนายความให้กับคุณทักษิณ ชินวัตร
และภรรยา ในคดีซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ
อย่างไรก็ดี คุณพิชิตชี้แจงว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ถือถุงเงิน
และติดสินบนจริงหรือไม่ ส่วนนี้อัยการไม่สั่งฟ้อง
เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจนในบางประการ
"บุ้งพิชิต" คือสองเรื่องราวประจวบเหมาะ
ให้ความรู้สึกลึกๆ กับคนไทยหลายอย่าง
ก่อคำถามถึงการตัดสินใจของนายกฯ
ว่ามีอิสระจากคุณทักษิณ จริงหรือไม่ ? ประวัติของคุณพิชิต
คือหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่ายึดโยงกับคุณทักษิณ
จนเกิดข้อสงสัยว่า นายกฯ ไม่เห็นตัวเลือกนัก กม คนอื่น
ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเลยหรือ เช่น ความจัดเจนทาง กม.
ประวัติการศึกษา การทำงาน วุฒิภาวะ และอื่นๆ
ส่วน บุ้ง แม้เขาสมัครใจที่จะป่วย ผ่านการอดอาหารในเรือนจำ
ทราบว่า ตนมีโอกาสตายได้ ต่างจากผู้ป่วยรายอื่นที่ป่วยด้วยวัยชรา
ไม่แน่ใจว่า รัฐมีแผนรับมืออย่างไร เพราะการอดอาหารไม่ได้ฉับพลัน
แต่ทำมาระยะหนึ่งแล้ว
นำไปสู่การเปรียบเทียบกรณีส่วนราชการปฏิบัติต่อคนมีเงิน กับ คนไม่มีเงิน
เมื่อติดคุก ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลง
ลองเช็คบันทึกว่าคนที่ได้นอน รพ โดยไม่ต้องนอนคุกนั้น
มักจะเป็นกลุ่มคนมีเงินจริงหรือไม่ ?
ถ้าไม่ นั่นก็ตอบได้เปราะหนึ่ง ว่ารัฐปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาค
ล่าสุด นายทุนระดับพันล้านก็ได้นอน รพ แทนคุก เช่นกัน
อาจปฏิบัติกันมาเช่นนี้นานแล้ว ก่อนที่คุณทักษิณจะกลับมาเสียอีก
หรือ เราจะเปิดให้ นักโทษ VIP สร้างตึกโรงพยาบาล บริจาคอุปกรณ์แพทย์เพิ่ม
แล้วให้นอนได้ แต่หลังจากนั้น ต้องมอบให้แก่ภาครัฐดูแล มอบผู้ด้อยโอกาส
ที่ความผิดไม่ร้ายแรง มีสิทธิใช้ด้วย
แม้นายกเศรษฐาจะทำงานทุกวัน ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญ
กับปัญหาของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ
การจัดให้เยาวชนได้รับการพัฒนาอย่าง
เหมาะสมกับบริบทใหม่ หรือ ทำความเข้าใจปัญหาเยาวชน
ในสังคมปัจจุบันในเชิงลึก
เมื่อการศึกษาไม่ตอบโจทย์ เยาวชนไม่ได้รับเวที/พื้นที่สื่อในการแสดงออก
เด็กเติบโตในบริบทยาบ้า เซ็กส์ ความรุนแรง และอื่นๆ
มีรายงานข่าวทุกวัน แต่ไม่เห็นคนของรัฐบาลจะอยากแก้ไข
รมต เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ไม่เห็นออกมาแสดงจุดเปลี่ยน
หรือ เพื่อไทยมองว่า เยาวชนไม่ใช่ฐานเสียง?
หรือ นี่คือสมรภูมิระหว่างพรรคและระหว่างวัย?
อดย้อนคิดไม่ได้ ถึงตอนที่พรรคก้าวไกล ปฏิเสธ ไม่เป็นรัฐบาล
คล้ายกับการสู้รบครั้งนั้น ไม่ยอมหยิบปืน ซึ่งก็คือ อำนาจรัฐ
ทำให้การต่อสู้ในสภาเสียเชิง -- คนมีปืน กับ คนมือเปล่า สู้กัน
ทำให้นโยบายของก้าวไกล ทำจริงไม่ได้ เพราะขาดคนในสภายกมือสนับสนุน
ส่วนหนึ่ง บุคลากรที่มีอิทธิพลต่อพรรคเอง ก็อยู่ระหว่าง
การพิจารณาความผิดตาม มาตรา 112
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของก้าวไกล ได้ความรู้สึกที่ขั้วตรงข้ามทำไม่ได้
คือ ความซื่อสัตย์ต่อประชาชน เชื่อใจในความตรงไปตรงมา
การต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน รัฐไม่จำเป็นต้องแทรกแซงเศรษฐกิจมาก
เพราะคนมีคุณภาพ เศรษฐกิจก็เติบโตได้ เน้นความสุขและความยั่งยืน
วิธีทำงานแบบผู้นำ Gen XํY เป็นวิทยาศาสตร์ และค่อนข้างเปิดเผย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ก็เหมือนหลายบ้าน
ที่พ่อแม่ไม่ยอมยกมรดกให้เพราะลูกอยากเปลี่ยนแปลงบ้านมากเกินไป
พ่อแม่อยากจะคงสภาพไว้ให้บ้านเหมือนเดิม
ซึ่งก็คือ ประเทศไทย ที่ต้องไม่เปลี่ยนแปลง ไปจากที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้
สิ่งที่ก้าวไกลต้องทำ คือ
1. ทำให้คนรุ่นเก่าเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เขาชอบ
อย่าเพิ่งเริ่มด้วยสิ่งที่เขาไม่ชอบ
ข้อดีของคนรุ่นใหม่ คือ รู้เรื่องเศรษฐกิจในยุคเทคโนโลยีดี
แต่สิ่งเหล่านั้น ต้องทำให้คนรุ่นเก่าเห็นด้านดี
ไม่ใช่ด้านที่ทำลาย
2. การไม่มีสิทธิเลือก สว ครั้งนี้
ความรู้สึกของ Gen YZ นั้นมีอยู่
ผู้นำเยาวชน ที่เอาถ่าน ในเมืองใหญ่ และ
ต่างจังหวัดเอาเขาเข้ามาพัฒนาทางการเมือง
แล้วให้บทบาทเชิงสร้างสรรค์
3. ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
สร้างรูปแบบคอนเทนดีที่แชร์ได้ง่าย
ไอติม พริษฐ์ พยายามพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
เราเข้าใจปัญหาชัดเจนในวันที่เปิดสมัคร สว
ว่าทำไม การแก้รัฐธรรมนูญก่อน จึงสำคัญมาก
เราประชาชน ไม่เห็นภาพที่ชัดเจน และเข้าใจง่าย
ณ วันที่ไอติม เคยพูด..
ดังนั้น ต้องใช้ กราฟฟิค ดีไซน์ กลุ่มแอนนิเมชั่น
มาแกะความคิดที่เป็นนามธรรมให้เห็นผลกระทบ
เป็นรูปธรรม โดยใช้ภาพประกอบ
ตรงข้าม เพื่อไทย พยายามพูดเรื่องง่ายๆ
1. เศรษฐกิจ 2. การรักษาพยาบาลที่สะดวกขึ้น
คนรับรู้ประโยชน์ได้ทันที และหลังดีลเป็นรัฐบาลได้แล้ว
เพื่อไทยก็เงียบกริบ เรื่องปัญหา กม. รวมถึงแก้รัฐธรรมนูญ
อาจมีเหตุผลจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เพื่อไทยไม่อยากแตะ
ประเด็น กม. แต่เรื่องเศรษฐกิจและการรักษาพยาบาล ก็ควรเดินหน้าให้ชัดเจน
4 ปีนี้ อาจเป็นโอกาสที่ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลจะทำคะแนน
เพื่อไทยทำผลงาน ให้ประชาชนเห็น ก่อนเลือกตั้งครั้งต่อไป
ก้าวไกล ทำคะแนนต่อไป เพื่อให้เลือกตั้งครั้งหน้า
มีสมาชิกครบจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่หาพรรคอื่นมาจด MOU