ต้องบอกก่อนค่ะว่าอาการนอนไม่หลับมีหลายแบบ เรายังไม่ได้เป็น Insomnia อาการนอนไม่หลับของเรามาจากความกังวล แพนิค เครียดค่ะ
เราเพิ่งเคยมีอาการนอนไม่หลับเป็นครั้งแรก รู้สึกเหนื่อยหมดกำลังใจกังวล ทุกความรู้สึกมันล้นไปหมดเลยค่ะ วันนี้เราเลยตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเราเองว่าเรานอนได้ดีขึ้นได้ยังไง (โปรดอย่าตัดสินกันเลย หัวใจเราแข็งแรงไม่เท่ากัน)
(ข้ามก็ได้นะคะ ตรงนี้เป็นที่มาว่าทำไมนอนไม่หลับ)
ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาสุขภาพกายเป็นไข้ท้องเสียจะเป็นลม เลยไปพบคุณหมอเค้าก็ให้ยาเรามากินแต่แม่เราเป็นห่วงว่าให้ยาแบบนี้จะหายหรอ(เก่งเกินหมอ)เลยหายานอกจากที่หมอสั่งให้เรากิน(โดยปรึกษาเภสัชที่เป็นญาติกันก่อน) เรากังวลแต่เราก็กินโดยที่ไม่ได้ไปดูข้อมูลมาก่อนว่ามันคือยาอะไร ใกล้ๆ จะหมดแผงเรามีอาการแน่นหน้าอกหายใจลำบากเลยไปหาข้อมูลดูพบว่าผลข้างเคียงของยาตัวนี้คือตามแบบที่เราเป็นเด๊ะเลย เหลือแค่ชัก แต่เราก็กินต่อเพราะเภสัชบอกต้องกินครบ 3 แผง พักหลังตอนใกล้หมดแผงที่หนึ่งทุกครั้งที่กินเราจะมีอาการแบบที่ว่า ตกตอนกลางคืนหลังจากกินยาตัวนั้นทำให้เราหายใจไม่สะดวกเหมือนใจเต้นหนักๆ เราก็นึกถึงผลข้างเคียงที่เราเคยอ่านค่ะ ทำให้คืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับ มีอาการแพนิคกลัวต*ยแล้วเราก็ไม่กินยาตัวนั้นอีกเลย ใจเราก็ไม่เต้นผิดปกติอีก
คืนต่อมาเราไม่ไหวแล้วอยากจะพักผ่อนเพราะกลางวันเราก็ไม่ได้นอน คืนนั้นเราคิดว่าโอเคต่อให้ต*ยก็ไม่เป็นไรขอแค่เราได้พักไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายเราก็นอนไม่หลับทั้งคืนเหมือนเดิมเพราะ "กลัวว่าจะนอนไม่หลับเลยทำให้นอนไม่หลับ"
ผปค.เราทราบค่ะทั้งสุขภาพกายและใจเพราะเราจะเป็นลมบ่อยๆ กลางคืนเราเลยไปนอนกับพวกท่านเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน(อาการตอนจะเป็นลมมันนึกถึงแต่หน้าพ่อหน้าแม่) ต่อ-->เราเลยตัดสินใจบอกพ่อให้พาไปรพ.เพราะไม่ไหวแล้วอยากหลับ พอไปถึงเราก็เล่าอาการทางกายทั้งหมดให้หมอฟังก่อนปรากฏว่าเราเป็นลำไส้อักเสบ แล้วค่อยต่อด้วยอาการทางจิตว่านอนไม่หลับเค้าก็จ่ายยาที่ทำให้ผ่อนคลายมาให้(ตอนบอกหมอเราน้ำตาแตกเลยคืออดกลั้นจนทนไม่ไหวแล้วหมอช่วยที)
กลับมาบ้านเราก็กินยาค่ะ แล้วววววววก็หลับ
เรากินอยู่แบบนี้ 3 คืน พอคืนที่ 4 เราตัดสินใจที่จะลองหลับเองดู(ก่อนหน้านี้เราก็เสิร์ชหาข้อมูลมาบ้างเรื่องอาการนอนไม่หลับ) เราบอกตัวเองว่า "คืนนี้ไม่หลับก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยกินยาแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มด้วยกันใหม่ การที่ไม่หลับเลยไม่ทำให้เราต*ย พรุ่งนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว" แล้วเราก็หลับค่ะแต่กว่าจะหลับได้ตีอะไรไม่รู้ หลับได้แปปเดียวเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกแล้วก็ไม่ได้นอน ฟังดูเหมือนแย่นะคะแต่วันนั้นเป็นวันที่เราดีใจที่สุดเลย วันต่อมาเรามีกำลังใจมากขึ้นเริ่มกล้าที่จะนอนแล้วอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นในทุกๆ วันค่ะ
สรุป
เราต้องลองถามตัวเองค่ะ ว่าเรานอนไม่หลับเพราะอะไร อาจจะกลัวต*ย กลัวที่จะนอนไม่หลับ กังวล แพนิคฯ จากนั้นค่อยๆ ยอมรับในสิ่งที่เป็นค่ะ
นี่คือตัวอย่างของเรา
1.) กลัวต*ย --> ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงความต*ยเป็นของเที่ยง เกิดมาพอหมดอายุไขก็จาก เรามีความเชื่อว่าจะได้ไปอยู่ในโลกใหม่ตามที่จิตพาเราไป เคยคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อแล้ว ท่านบอกไม่ต้องห่วงพวกท่าน(เราไปบอกเค้าว่าถ้าต*ยไปต้องคิดถึงแน่เลย) ทำใจให้สบายนึกถึงพระพุทธเจ้าพอ
2. กลัวที่จะนอนไม่หลับ กังวล แพนิคฯ --> เราไม่บังคับตัวเองให้หลับค่ะแต่กลับกันเรายอมรับว่านอนไม่หลับก็ไม่เป็นไรและให้กำลังใจตัวเอง
"คืนนี้ไม่หลับก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยกินยาแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มด้วยกันใหม่ การที่ไม่หลับเลยไม่ทำให้เราต*ย พรุ่งนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว" ส่วนเรื่องอาการแพนิคเราไม่มันใจค่ะว่าหายได้ไงแต่เราใช้วิธีการหายใจจากคุณวูดดี้เอา
3.) นอนให้ตรงเวลา --> อย่าทำให้ตารางนอนของคุณมั่ว พยายามนอนให้ตรงช่วงเวลาทุกคืนเพราะร่างกายจะได้จดจำช่วงเวลานอนของคุณได้ อีกอย่างเตียงไว้ใช้สำหรับการนอนพอ เรื่องอื่นให้ทำในที่ๆควรจะทำกิจกรรมนั้นๆ
4.) อย่าดูนาฬิกา ไม่ต้องดูค่ะเดี๋ยวเครียด แล้วก็ไม่ต้องนับชม.การนอนของคุณด้วย
ฝากท้าย
การนอนไม่หลับพบได้บ่อยกว่าที่เราคิดเยอะ เกือบจะเป็นอาการปกติไปแล้วเพราะพบบ่อยเกิ๊นนเพราะงั้นเราไม่อยากให้คุณคิดว่าคุณไม่ปกติ ผิดหรือแปลกคุณไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวเพราะยังมีพวกเราอยู่ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยนะคะทั้งจากตัวเราเองและสภาพแวดล้อมด้วย เราไม่ใช่จิตแพทย์และยังไม่เคยพบ(จริงๆอยากเข้าพบมากแต่อาการดีขึ้นเลยอด)นี่เป็นเพียงประสบการณ์ที่เราพบเจอและแก้ไขด้วยตัวเองเท่านั้น อาจจะมีความคิดผิดๆ อยู่บ้างเรารู้ แต่ถ้าคิดแล้วหลอกตัวเองให้หลับได้เราก็พอใจกับมัน ขอให้คุณผ่านคืนนี้และในแต่ละวันไปได้นะคะ ขอให้คุณอย่าละทิ้งและจงโอบกอดตัวเองไว้คุณจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน
ขออีกท้าย
ณ ปัจจุบัน เมื่อวานเรากังวลอีกแล้ว กลัวว่าอาการนอนไม่หลับจะกลับมาอีก (เพราะดันไปดูหนังจนดึก ตั้งแต่ป่วยทางกายก็นอนเร็วมาโดยตลอด) ตอนนั้นเราก็เศร้าด้วย กังวล คิดมาก ทุกอารมณ์มันล้นหมดเลยทำให้ร้องไห้(การร้องไห้เป็นเรื่องปกติ มันคือการระบายอารมณ์ส่วนเกินที่มากไป สังเกตดีใจก็ร้องได้ โกรธก็ร้องได้) ณ ขณะนั้นเราแค่ต้องการคนมาอยู่ข้างๆ คอยปลอบเฉยๆ เพราะเรากลัว เราโชคดีที่มีสภาพแวดล้อมสังคมที่ดีอยากจะขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆ ในยามที่ลำบาก สุดท้ายเราก็นอนหลับไปตอนตีอะไรไม่รู้
ที่เราเล่าตรงนี้ให้ฟังเพราะอยากจะบอกว่า มันไม่เป็นไรเลยที่คุณจะกลับมาเป็นอีก ไม่ต้องกลัวนะทำเหมือนที่คุณเคยทำก็พอ รักคุณนะแล้วก็อย่าลืมรักตัวเอง
แชร์ประสบการณ์การนอนไม่หลับและอาการดีขึ้นได้ยังไง
เราเพิ่งเคยมีอาการนอนไม่หลับเป็นครั้งแรก รู้สึกเหนื่อยหมดกำลังใจกังวล ทุกความรู้สึกมันล้นไปหมดเลยค่ะ วันนี้เราเลยตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเราเองว่าเรานอนได้ดีขึ้นได้ยังไง (โปรดอย่าตัดสินกันเลย หัวใจเราแข็งแรงไม่เท่ากัน)
(ข้ามก็ได้นะคะ ตรงนี้เป็นที่มาว่าทำไมนอนไม่หลับ)
ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาสุขภาพกายเป็นไข้ท้องเสียจะเป็นลม เลยไปพบคุณหมอเค้าก็ให้ยาเรามากินแต่แม่เราเป็นห่วงว่าให้ยาแบบนี้จะหายหรอ(เก่งเกินหมอ)เลยหายานอกจากที่หมอสั่งให้เรากิน(โดยปรึกษาเภสัชที่เป็นญาติกันก่อน) เรากังวลแต่เราก็กินโดยที่ไม่ได้ไปดูข้อมูลมาก่อนว่ามันคือยาอะไร ใกล้ๆ จะหมดแผงเรามีอาการแน่นหน้าอกหายใจลำบากเลยไปหาข้อมูลดูพบว่าผลข้างเคียงของยาตัวนี้คือตามแบบที่เราเป็นเด๊ะเลย เหลือแค่ชัก แต่เราก็กินต่อเพราะเภสัชบอกต้องกินครบ 3 แผง พักหลังตอนใกล้หมดแผงที่หนึ่งทุกครั้งที่กินเราจะมีอาการแบบที่ว่า ตกตอนกลางคืนหลังจากกินยาตัวนั้นทำให้เราหายใจไม่สะดวกเหมือนใจเต้นหนักๆ เราก็นึกถึงผลข้างเคียงที่เราเคยอ่านค่ะ ทำให้คืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับ มีอาการแพนิคกลัวต*ยแล้วเราก็ไม่กินยาตัวนั้นอีกเลย ใจเราก็ไม่เต้นผิดปกติอีก
คืนต่อมาเราไม่ไหวแล้วอยากจะพักผ่อนเพราะกลางวันเราก็ไม่ได้นอน คืนนั้นเราคิดว่าโอเคต่อให้ต*ยก็ไม่เป็นไรขอแค่เราได้พักไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายเราก็นอนไม่หลับทั้งคืนเหมือนเดิมเพราะ "กลัวว่าจะนอนไม่หลับเลยทำให้นอนไม่หลับ"
ผปค.เราทราบค่ะทั้งสุขภาพกายและใจเพราะเราจะเป็นลมบ่อยๆ กลางคืนเราเลยไปนอนกับพวกท่านเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน(อาการตอนจะเป็นลมมันนึกถึงแต่หน้าพ่อหน้าแม่) ต่อ-->เราเลยตัดสินใจบอกพ่อให้พาไปรพ.เพราะไม่ไหวแล้วอยากหลับ พอไปถึงเราก็เล่าอาการทางกายทั้งหมดให้หมอฟังก่อนปรากฏว่าเราเป็นลำไส้อักเสบ แล้วค่อยต่อด้วยอาการทางจิตว่านอนไม่หลับเค้าก็จ่ายยาที่ทำให้ผ่อนคลายมาให้(ตอนบอกหมอเราน้ำตาแตกเลยคืออดกลั้นจนทนไม่ไหวแล้วหมอช่วยที)
กลับมาบ้านเราก็กินยาค่ะ แล้วววววววก็หลับ เรากินอยู่แบบนี้ 3 คืน พอคืนที่ 4 เราตัดสินใจที่จะลองหลับเองดู(ก่อนหน้านี้เราก็เสิร์ชหาข้อมูลมาบ้างเรื่องอาการนอนไม่หลับ) เราบอกตัวเองว่า "คืนนี้ไม่หลับก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยกินยาแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มด้วยกันใหม่ การที่ไม่หลับเลยไม่ทำให้เราต*ย พรุ่งนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว" แล้วเราก็หลับค่ะแต่กว่าจะหลับได้ตีอะไรไม่รู้ หลับได้แปปเดียวเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกแล้วก็ไม่ได้นอน ฟังดูเหมือนแย่นะคะแต่วันนั้นเป็นวันที่เราดีใจที่สุดเลย วันต่อมาเรามีกำลังใจมากขึ้นเริ่มกล้าที่จะนอนแล้วอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นในทุกๆ วันค่ะ
สรุป
เราต้องลองถามตัวเองค่ะ ว่าเรานอนไม่หลับเพราะอะไร อาจจะกลัวต*ย กลัวที่จะนอนไม่หลับ กังวล แพนิคฯ จากนั้นค่อยๆ ยอมรับในสิ่งที่เป็นค่ะ
นี่คือตัวอย่างของเรา
1.) กลัวต*ย --> ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงความต*ยเป็นของเที่ยง เกิดมาพอหมดอายุไขก็จาก เรามีความเชื่อว่าจะได้ไปอยู่ในโลกใหม่ตามที่จิตพาเราไป เคยคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อแล้ว ท่านบอกไม่ต้องห่วงพวกท่าน(เราไปบอกเค้าว่าถ้าต*ยไปต้องคิดถึงแน่เลย) ทำใจให้สบายนึกถึงพระพุทธเจ้าพอ
2. กลัวที่จะนอนไม่หลับ กังวล แพนิคฯ --> เราไม่บังคับตัวเองให้หลับค่ะแต่กลับกันเรายอมรับว่านอนไม่หลับก็ไม่เป็นไรและให้กำลังใจตัวเอง "คืนนี้ไม่หลับก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยกินยาแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มด้วยกันใหม่ การที่ไม่หลับเลยไม่ทำให้เราต*ย พรุ่งนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว" ส่วนเรื่องอาการแพนิคเราไม่มันใจค่ะว่าหายได้ไงแต่เราใช้วิธีการหายใจจากคุณวูดดี้เอา
3.) นอนให้ตรงเวลา --> อย่าทำให้ตารางนอนของคุณมั่ว พยายามนอนให้ตรงช่วงเวลาทุกคืนเพราะร่างกายจะได้จดจำช่วงเวลานอนของคุณได้ อีกอย่างเตียงไว้ใช้สำหรับการนอนพอ เรื่องอื่นให้ทำในที่ๆควรจะทำกิจกรรมนั้นๆ
4.) อย่าดูนาฬิกา ไม่ต้องดูค่ะเดี๋ยวเครียด แล้วก็ไม่ต้องนับชม.การนอนของคุณด้วย
ฝากท้าย
การนอนไม่หลับพบได้บ่อยกว่าที่เราคิดเยอะ เกือบจะเป็นอาการปกติไปแล้วเพราะพบบ่อยเกิ๊นนเพราะงั้นเราไม่อยากให้คุณคิดว่าคุณไม่ปกติ ผิดหรือแปลกคุณไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวเพราะยังมีพวกเราอยู่ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยนะคะทั้งจากตัวเราเองและสภาพแวดล้อมด้วย เราไม่ใช่จิตแพทย์และยังไม่เคยพบ(จริงๆอยากเข้าพบมากแต่อาการดีขึ้นเลยอด)นี่เป็นเพียงประสบการณ์ที่เราพบเจอและแก้ไขด้วยตัวเองเท่านั้น อาจจะมีความคิดผิดๆ อยู่บ้างเรารู้ แต่ถ้าคิดแล้วหลอกตัวเองให้หลับได้เราก็พอใจกับมัน ขอให้คุณผ่านคืนนี้และในแต่ละวันไปได้นะคะ ขอให้คุณอย่าละทิ้งและจงโอบกอดตัวเองไว้คุณจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน
ขออีกท้าย
ณ ปัจจุบัน เมื่อวานเรากังวลอีกแล้ว กลัวว่าอาการนอนไม่หลับจะกลับมาอีก (เพราะดันไปดูหนังจนดึก ตั้งแต่ป่วยทางกายก็นอนเร็วมาโดยตลอด) ตอนนั้นเราก็เศร้าด้วย กังวล คิดมาก ทุกอารมณ์มันล้นหมดเลยทำให้ร้องไห้(การร้องไห้เป็นเรื่องปกติ มันคือการระบายอารมณ์ส่วนเกินที่มากไป สังเกตดีใจก็ร้องได้ โกรธก็ร้องได้) ณ ขณะนั้นเราแค่ต้องการคนมาอยู่ข้างๆ คอยปลอบเฉยๆ เพราะเรากลัว เราโชคดีที่มีสภาพแวดล้อมสังคมที่ดีอยากจะขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆ ในยามที่ลำบาก สุดท้ายเราก็นอนหลับไปตอนตีอะไรไม่รู้
ที่เราเล่าตรงนี้ให้ฟังเพราะอยากจะบอกว่า มันไม่เป็นไรเลยที่คุณจะกลับมาเป็นอีก ไม่ต้องกลัวนะทำเหมือนที่คุณเคยทำก็พอ รักคุณนะแล้วก็อย่าลืมรักตัวเอง