แชร์ประสบการณ์สาววัย19หนีออกจาบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียวกทม.ครั้งแรกเจอกับอะไรบ้าง

โพสต์นี้ยาวหน่อยนะคะ อยากเขียนนานแล้ว เพิ่งมีเวลาเรียบเรียงอยากลงให้จบซะทีจะได้ไม่คาใจ คิดนานเหมือนกันว่าจะลงดีไหม จะสื่อไปยังไงดีเพราะมันมีหลายหลายเหตุกาณ์มาก สาเหตุว่าทำไมถึงอยู่กทม.เดียว/ทำไมเราถึงตัดสินใจอะไรพลาดแบบนั้น เผื่อจะเป็นคำตอบได้ดีที่สุด
https://m.ppantip.com/topic/41436250?  Ep.1(ตอนอยู่กับครอบครัวที่เป็นเหมือนยาพิษกัดกินชีวิต)
https://m.ppantip.com/topic/41436276? Ep.2 (ตอนหนีออกจากบ้าน) มันเป็นเรื่องของอดีตนะคะที่ผ่านมาแล้วตอนนั้นอายุ19-24ว่า ทำอะไรพลาดไปบ้าง บางเรื่องอยากให้อ่านเผื่อบางอย่างเป็นอุทาหรณ์ ในการใช้ชีวิตเราจุดเริ่มต้นคือการโดนตีกรอบทุกความคิด,การกระทำคนในครอบครัว ไม่เคยอนุญาตให้เราแสดงความคิดเห็น,แสดงออกทุกเรื่อง ไม่เคยถูกใส่ใจ ไม่เคยอนุญาตให้เราไปไหน ให้ไปได้แค่โรงเรียน,และร้านของชำเวลาเค้าใช้ไปซื้อของเท่านั้น ไม่เคยนั่งรถโดยสารเอง ไม่เคยอนุญาตให้ไปไหน แม้แต่รพ.เวลาเรารู้สึกเจ็บป่วย อ้างว่าแพงต้องใช้เงินแต่มีสิทธิ์บัตรทอง

👩‍🦰ถ้าจำเป็นต้องไปไหน จะมีคนประกบ จับตาเพื่อจับผิดและคำที่แม่จะด่าเวลาเราใช้ร่างกายตัวเอง เช่น นั่งไขว่ห้างเพราะเมื่อย= ด่าว่ากระแดะ ถ้านอนเอามือก่ายหน้าผาก ด่าว่าทำไปทำไม เครียดอะไรนักหนา ถ้ายืนเอามือไพล่หลังแค่บางครั้ง ด่าเราว่าทำเลียนแบบผู้ใหญ่ห้ามทำมันดูโต งงมาก เยืนหลังตรง ด่าว่าแอ่นน่าอกแรด  เราไม่มองหน้า ไม่สบตาใครเพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เพราพครอบครัวโดยเฉพาะแม่สั่งห้ามว่า ห้ามคบใครเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นญาติตัวเองที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามห้ามพูดคุย พบเจ สุงสิงหรือคลุกคลีจนจะมีคนทักท้วง แม่หลายคนคนข้างบ้านและญาติ  ถามแม่ทำไมบังคับลูกมากขนาดนี้ แม่และครอบครัวทำกับเราแบบนี้ แค่เราคนเดียว พี่น้องตั้ง3-4 คน แม่ไม่เป็นแบบนี้เลยเป็นแค่กับเราคนเดียวที่เป็นลูกสาวคนเล็ก 
แม่ว่าเราไม่ชอบมองหน้าและสบตาใครเพราะว่า เราไม่มีสิทธิ์คบใครอยู่แล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องหน้าหรือยิ้มให้ใคร เราทำไรก็ผิด ยิ้มแม่ก็จะด่าอีกว่าทำตัวไปสุงสิง แรด  ถ้าทำไปก็โดนโดนแม่ด่าเรา ว่าทำตัวน่ากลัวเหมือนปอบไม่มองตาใคร ด่าแรงมาก เสียใจมาก
ไม่เคยใช้เหตุผลใช้แต่อารมณ์และความรุนแรง บ่นด่าเราโทษเรา ว่ารู้มั้ยชาวบ้านเค้านินทากูกันหมดแล้วที่ทำตัวทุกข์ใจประจานกูอยู่ใช่มั้ยว่ากูบังคับอะไร ทำตัวเหมือนคนมีทุกข์เหมือนกูไปทำร้ายจิตใจอะไรนักหนา (เอ่อ ก็แม่ทำเยอะมากความทุกข์ใจของลูกที่แสดงออกชัดขนาดนั้นแม่ยังไม่แคร์เลยไม่รู้จะตอบยังไงตอบก็โดนตีโดนทำร้าย🥲)

🥺ใช้ชีวิตอยู่แบบเหมือนคนจะ สติแตกรายวัน เพราะมีแต่เห็นแก่ตัว พลังลบขอบคนในบ้าน ต่อให้บ้านลำบากแค่ไหนเราทนได้แต่ทำร้ายจิตใจเราทุกวันเราเจ็บอยู่ไม่ไหวแต่ต้องทน แต่ตอนนั้นเรายังเด็กยังไม่สามารถไปไหนได้ ยังต้องพึ่งข้าวสาร ที่ซุกหัวนอนอยู่ เคยแอบคิดแวบๆในหัว ตอนอายุ16 เหมือนกัน แต่ยังไม่มีเงิน และไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน กลัวไม่รอด ยังไม่ไม่กล้าพอที่จะออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ยังไม่รู้เท่าทันความทุกข์ใจตัวเองจนมันเพิ่มทับกันเป็นชั้นๆที่หนักมาก หายใจไม่ออก อยากหนีแล้วก็ตอน19-20ที่มากทม.
ไม่อยากถูกขังไปแบบนี้ไปตลอดชีวิตอยากมีคุณค่า ถ้าแม่และครอบครัว มองไม่เห็นเราอยากมีค่าในสายตาคนอื่นอยากหางานทำ อยากหลุดพ้น อยากดูแลตัวเองแต่ แม่ประโยคนี้
💁🏼‍♀️มันเป็นพาระ ตัวขี้เกียจ (เราที่แบกปัญหาทุกอย่างไว้บนบ่าแต่ชีวิตเรามีค่าเหมือนเป็นแค่ถังขยะคอยเก็บกวาดซกมกเห็นแก่ตัวของพี่สาวพี่ชาย และแบกรับความเจ็บความเสียใจที่คนอื่นยัดเยียดมาทั้งๆ ที่เราดีกับครอบครัวทุกอย่าง แต่ครอบครัวเห็นแก่ตัวกับเราทุกคน คนที่แสนดีมากๆ ให้อภัยทุกคนมาตลอดไม่เคยระบายหรือโทษแม่และครอบครัวตลอด19ปี แม่ด่าเราพาระ และขี้เกียจเราเสียใจมากๆ แม่เขามีแต่ปกป้องลูกแต่นี่ลูกปกป้องความรู้สึกแม่ ที่ทำร้ายเราอ่ะ ยังโดนด่า)
😰ด่าว่าไม่มีปัญญาไปทำมาหากิน ไปไหนแล้วไม่รอดหรอกถ้าไม่มีกู ประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่าที่ทำแบบนี้เพราะเราหัวอ่อนกลัวจะเสียคน ตัดสินเราแล้ว (ไม่ทันคนเพราะแม่บังคับให้เราเป็นแบบนี้ ห้ามมีenergy) 
🙅‍♀️ แม่และพี่สาวบังคับให้อยู่บ้าน เลี้ยงหลาน ลูกของพี่สาว โดยที่เราไม่ต้องทำงานแต่ไม่มีใครรักและดูแลเราเลย อยู่อย่างอดอยาก แต่บังคับห้ามทำงาน จนเราแอบออกไปของานทำ คนอื่นมาบอกแม่ แม่ก็ด่าเราว่าไปขอเค้าทำงานทำไม อันนี้เรารับไม่ได้ จนสุดขีดจนต้องหนีออกมา โดยเฉพาะพี่สาวที่ทิ้งหลานไว้ให้เรากับแม่เลี้ยง อยู่ตจว.อย่างลำบากพี่สาวส่งเงินมาให้ 2-3 เดือน ส่งมาทีนึง 1000 แต่ตัวเองกินหรูอยู่สบาย
พออายุ19 มันกล้าคิดและกล้าตัดสินใจมากขึ้น รีบคิดวางแผนหนีออกจากบ้านเลยค่ะ เพราะไม่มีความปลอดภัยทางชิวิตทางจิตใจ และไม่มีความมั่นคงตั้งนานแล้ว เอาวะ  ชีวิตจะสร้างชีวิตตัวเองใหม่ และหามันเอง รอดจากการเป็นโรคซึมเศร้ามาได้ถือว่าเก่งมากแล้วเรา  ตัดภาพตอนใช้ชีวิตอยู่กทม. เราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง เพราะไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตเลย และไม่กล้าแสดงออก เราคือคนที่เริ่มต้นจาก 0 ของจริง  ไม่ว่าเราจะล้มแค่ไหน เราไม่เคยหันหลังกลับไปข้อความเชื่อเหลือ วันที่หนีออกมาเราเปลี่ยนชื่อและนามสกุลหมด ไม่บอกใครด้วยเค้าเพิ่งมารู้กันทีหลัง ตอนเปลี่ยนก็ด่าเราว่าบ้า เหมือนกัน 

👄เล่าเรื่องที่ชีวิตอยู่ในกรุงเทพเลยนะ สู้ชีวิตมาก แต่ชีวิตสู้กลับ 
👧🏻เวลาไม่รู้อะไร,ต้องการความช่วยเหลือ จากใครแม้เพียงเล็กน้อยไม่เคยทำ ไม่สามารถทำได้เลย ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใครเลย  แม้แต่การถามทาง/ถามกระเป๋ารถเมย์ ถามวินมอไซค์ หรือถามใครๆ เราเดินทางผิดตลอด(หมายถึงการเดินทางด้วยรถ) เสียเวลาตลอด  เพราะเคยชินกับการพึ่งพาตัวเองมาตลอด และถูกเลี้ยงดูมาแบบ ห้ามถามห้ามอยากรู้ห้ามสงสัย เราเลยกลัวการถามคนอื่นกลัวการถูกไม่ใส่ใจ 
👧🏻เช่าหออยู่เก็บเงินมัดจำ6เดือน เวลาจะย้าย ไม่เคยอยู่รอได้เลยสักที่ ทิ้งเงินมัดจำทุกที่มา5-6ที่ ถ้าเป็นคนอื่นคงเสียดาย เราก็เสียดายค่ะ สาเหตุแค่เราไม่กล้าถามเขา ไม่กล้าคุยพนง.หอพัก
👧🏻สั่งของอะไรมาส่ง ไม่รู้ว่าหอพักเค้าสามารถรับพัสดุแทนผู้เช่าได้ด้วย เวรกรรมมาก เวลาเราสั่งของจะให้เค้าไปส่งอีกที่ที่ใกล้กันแล้วอยู่รอรับ ลำบากเลย
👧🏻แพ้กลิ่นในรถเมย์ปรับอากาศ,รถตู้,รถแท็กซี่,รถยนต์บุคคล เวลาเราเดินทางไปไหนในที่ที่เราไม่รู้จักไม่มั่นใจ เรานั่งมอไซค์วิน เช่น จากรามคำแหง ไปในเมือง ที่เลยไปไกลกว่า อนุเสาร์รีย์ ไป-กลับ 1000+  เพราะไม่รู้เส้นทางบ่อยมาก ไม่ต่ำกว่า20 ครั้ง ที่ใช้มอไซค์วินเดินทางไปไกลแทนการนั่งรถเมย์ ไม่ปรับอากาศก็ตาม
👧🏻เรื่องนี้ฝังใจมาก เคยโดนมอไซค์วินพาขับเลยไปนอกเส้นทาง เลยไปไกลมากๆ แล้วมันไปหยุดที่ข้างถนน มันบอกว่าขับเลยขอค่ารถเราเพิ่ม และให้เรากลับเอง  ถ้าเราไม่ให้มัน มันจะไม่ใจดีส่งเรากลับที่เดิม  เรางงมาก ยอมๆให้มันไปเพราะกลัว และไม่รู้ว่าสิ่งที่มันทำคือ อะไร พอมองย้อนไป มัน🦎มากคิดจะข่มขืนเราด้วยแต่ไม่ขอเล่านะคะ เพราะโมโหมันมากจำไม่เคยลืมและไม่เรียกขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาใครด้วย เพราะไม่กล้าอย่างที่เล่าไป
👧🏻ซื้อโทรศัพท์ตามตู้ในตลอดหน้าเดอะมอล์บางกะปิ เป็นโทรศัพท์ก็อป เรานึกว่าของแท้ ร้านก็ไม่บอกอะไร(ไม่ทุกร้านนะคะ )โดนไป4000 แค่โทรยังไม่ได้เลย ตอนซื้อไม่ได้เช็คเลย แต่ก็ไม่กล้าเอาไปบอกหรือเปลี่ยนกับเขากลัวเค้าไม่รับผิดชอบ ซื้อโดยจ่ายเงินสดไม่มีบิลอะไรเลย  ถ้าเราเพิ่มเงินอีกนิด ได้ของแท้Sho
👧🏻มุมมองที่มองโลกได้แคบมากแคบหมายถึงไม่รู้อะไรแบบกว้างๆ สมัยนั้น มีแค่ FB. ยูทูป และน่าจะทวิตเตอร์ ว่ามันยังมีอะไร อีกอย่างที่เราไม่รู้ ยังไม่มีใครแนะนำเราขนาดนั้น แม้แต่การซื้อเสื้อผ้าเราไม่รู้ว่าของมีคุณภาพดี คือแบบไหน มันดีแค่ไหน เช่น ยกทรงซื้อ ของตลาดนัดตัวละ100 ไม่ค่อยทนและใส่แล้วเจ็บ ตามราคา ไม่รู้ว่าในห้างมันมีของใช้และแบรนด์ดีๆเยอะลดราคาถูกสามารถซื้อได้ในงน้อยก็มีนะ ไม่กล้า เดินเข้าร้านh&m,Uniqlo,zara ราคาที่ราคาจับต้องได้ให้ตัวเอง
👧🏻ปวดท้องบ่อยมากไม่มีประกันเพราะทำไม่เป็นอยากทำอยู่นะเข้ารพ.เอกชนตลอดเดือนละ1-2ครั้ง เป็นเวลาหลายปีจนเราคบกับแฟนคนปัจจุบันที่คบกันล่าสุดนี้ เค้าพาเราทำประกันสุขภาพ
👧🏻เวลาสนใจอะไรอยู่เช่นศัลกรรม เราไม่ศึกษาให้ดีก่อน และใจร้อนร้อนทำเลย มีเพจตั้งเยอะแยะไม่เปรียบเทียบอะไรดูหลายๆอย่าง แถมยังไปทำไกลมาก โชคดีที่ออกมาโอเคไม่มีปัญหาอะไร 
👧🏻ใช้มอไซค์ไปขนของจากสวนจตุจักรมาขายต่อก็ขาดทุนเช่น ซื้อเหมามาตกชิ้นละ 40 เราขายปลีก45 เอากำไร5 บาท 🥲 ทำไปก็เหนื่อยฟรี พลาดมากๆ
👧🏻เวลาซื้อชิ้นใหญ่ เช่นจกย.เสือหมอบ15,000 ไม่เช็คให้ดีก่อนไม่กล้าถาม คนขายว่ายังไงก็ว่าตามนั้น ซื้อมาก็ขี่ไม่ได้เพราะใหญ่เกินตัว แล้วไม่ไปเปลี่ยนที่ร้านด้วยนะ ไม่กล้าบอก ทนขี่แบบนั้น ก็ล้ม2-3ครั้ง จนต้องยกให้ขึ้นอื่นไปฟรีๆ (ยกให้แฟนใหม่ ของแฟนเก่า)
👧🏻เวลาใครเอาเปรียบมักยอมๆคนอื่นเสมอ ไม่กล้าโต้ตอบ ส่วนนึงเป็นคนที่ใจดีมากๆด้วย และไม่ค่อยอยากมีปัญหากับใคร เพราะเวลาถ้าเรามีปัญหากับใครแพนิกจะกำเริบเรากลัวมากกลัวพูดไม่ออก
👧🏻อีกเรื่องที่เจ็บใจมาก ตอนเป็นลูกจ้างเขาโดนเจ้าของร้าน ให้เราและเพื่อนร่วมงาน รับผิดชอบของที่หายไปและได้เงินเราไปด้วยค่าแรงก็ไม่ได้ เหตุเกิดจาเพราะความมักง่ายของเจ้าของร้านเองวางชอบวางของทิ้งเรี่ยราดเราเก็บอุส่าห์ใจดี เก็บไว้ให้เพราะกลัวของเจ้านายหาย และบอกเค้าด้วยว่าเก็บให้ เพราะเรากลัวของเค้าหายพอเค้าโทษเราอย่างไม่ยุธรรม ทางออกสำหรับเรื่องนี้คือน่าจะต้องแจ้งความสืบหาความจริงว่าใครเอาไปแต่ไม่เลย ให้เรารับผิดชอบทั้งๆที่เราไม่ทำ ยืนยันว่าไม่ได้เอาไปถ้าเราจะทำจะบอกเขาเพื่ออะไรให้หลักฐานมัดตัวเอง พนง.มีกันแค่2 คน เราไม่เก็บใครจะเก็บ มันต้องมีคนใดคนนึงเก็บอยู่แล้ว /โดนเอาเปรียบเรื่องค่าแรงและการไม่รักษาคำพูดของนานจ้างหลายอย่างแต่ขอไม่บรรยายแล้วนะคะ พอเราลาออกเพราะ ไม่ไหวจริงๆ ขนาดจ่ายเงินให้แล้วเป็นหมื่นค่าแรงก็ไม่ได้เพราะออกเกือบปลายเดือน ยังคิดว่าเราออกเพราะเราหนีความผิด แย่มากๆ
ประสบการณ์ทำงานครั้งแรกก็เจอเลยนี่เป็นแค่ส่วนนึงนะคะ ยังมีอีกเยอะมากที่เราไม่สามารถเล่าได้  

🤝ประสบการณ์ชีวิตสอนให้เราเก่งขึ้น ปัจจุบันเวลาคิดจะทำอะไร จะศึกษาหาข้อมูลเยอะพอสมควร บางครั้งศึกษามาแล้วอาจจะพลาดไปบ้างแต่เราก็ภูมิใจในตัวเอง ภูมิใจในชีวิตที่เราใช้ได้สักทีเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองจริงๆ  และไม่เป็นภาระของใครด้วย คำดูถูกที่ครอบครัวด่าเราว่าไปไหนไม่รอด ด่าว่าเราอ่อนแอ ด่าเราสารพัดคำดูถูก เราไม่ได้ทำเพื่อลบคำดูถูกใครเพราะเราไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่ดี ส่วนเค้าไม่เคยภูมิใจในตัวเราหรือชื่นชมไม่ว่าเราจะเป็นยังไง

🪴แต่สิ่งที่ไม่ผิดพลาดตอนมาอยู่กทม.คือ ไม่เคยอยากลองในสิ่งที่มีผลกระทบต่อชีวิตแบบที่ไม่มีประโยชน์(คหสต.ความต้องการแต่ละคนไม่เท่ากัน)
⛳️ไม่สนเรื่องที่ไม่ดีเลยแม้แต่บุหรี่หรือสิ่งอื่นเคยเจอคนอยากให้ลอง ต่อให้บังคับขนาดไหนก็ไม่เอาไม่ใช่แนวและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันแม้แต่ หวยเอกชน อย่างมากนานๆซื้อลอตตาลี่เฉพาะมีเหตุลางสังหรณ์แปลกๆ พึ่งพาตัวเองมากกว่าหาโชค ไม่เคยยืมเงินใครเลย ลำบากแค่ไหนก็ไม่ทำ ถ้าจะทำเราจะเป็นคนชอบแลกเปลี่ยน ไม่เคยขอใครให้ช่วยฟรีๆ มีความรับผิดชอบสูง
⛳️มีเป้าหมายในชีวิตเพราะเรามีเวลาที่ขาดหายไป19ปีเพิ่ง เริ่มต้นอายุ19ไม่ใช่การเริ่มทำงานเพียงอย่างเดียว เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่หมดเลย พร้อมกับทำงานสิ่งที่สำคัญที่สุด คืองานและเงินและความรักสำหรับเรา และเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนเลยมีเงินเก็บ1ล้านแรกภายใน5ปี เราภูมิใจและการที่เราหารายได้เองเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตที่แท้จริงชีวิตมันต้องใช้เงิน จากนั้นเรามีความรักที่อบอุ่นจากแฟนที่เป็นคนดีมากด้วย ชีวิตเราตอนนี้เริ่มมีความสุขขึ้นมา แต่แผลเป็นในใจเราไม่มีวันหาย ยังเจ็บอยู่ทุกครั้งที่นึกถึง

 💌มีอีกหลายเรื่องที่อยากเล่า แต่ต้องแยกภาคเพราะยาวค่ะ เช่น เราเคยเจอคนนึงดูแลเราในช่วงแรกตอนมากทม. แค่ไม่ถึง7วัน
แต่เหมือนทวงบุญคุณเป็น10ปี ทั้งที่เราดีกับเค้าตอบแทนเค้าไม่จบสิ้น ** ต่อภาคหน้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่