King of Dragon Pass เปิดมหากาพย์ตำนานแห่ง Glorantha

กระทู้สนทนา
King of Dragon Pass เป็นเกมแนวบริหารชนเผ่าในโลกแฟนตาซียุคสำริดผสมกับเวทย์มนต์ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งกับจักรวาล Rune Quest หนึ่งในเกมแนว แฟนตาซีโรลเพลย์เกมแรกๆ คล้ายกับ Dungeon & Dragon) โดยตัวเกมจะพาเราดำดิ่งสู่การผจญภัยและนำพาชนเผ่าเพื่อเอาตัวรอดจากทั้ง อำนาจเหนือธรรมชาติ, สัตว์ประหลาด, ชนเผ่าคู่ปรับ และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่ตัวเกมจะโยนมาให้ โดยเรามีเป้าหมายสูงสุดคือ การรวบรวมชนเผ่ามนุษย์เข้าด้วยกัน แล้วตั้งตัวขึ้นเป็นจอมราชันย์แห่ง Dragon Pass ให้ได้นั้นเอง
 
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเกมนี้ ก็คือ ตำนาน (Lore) ของเกมนี้แหละ ที่น่าสนใจและสำคัญต่อเนื้อเรื่องและการผจญภัยที่เราจะได้เผชิญหน้าในเกม ซึ่งเรื่องราวกว่าจะกำเนิดเกิดเป็นโลกแห่ง Glorantha ได้นั้น มันเริ่มมาจาก..........

กำเนิดโลก
นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง โลกถูกสรรค์สร้างด้วยประสงค์ของเทพี Glorantha รวมกับเทพธาตุทั้ง 6 คือ ความมืด, น้ำ, ดิน,อากาศ และไฟ
ในแรกเริ่มนั้น ความมืดได้เข้ามาโอบอุ้มเป็นรากฐานก่อนเพื่อกั้นไม่ให้โลกตกลงสู่ ก้นบึ้งอันไร้ที่สิ้นสุด (The Great Nothing) ตามด้วยน้ำที่ไหลเข้ามาอยู่เหนือความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดจนเป็นมหาสมุทร จากนั้นดินก็เข้ามาทับถมจนเริ่มก่อตัวเป็นแผ่นดินขนาดมหึมาขี้นมา พร้อมตั้งมั่นยึดเหนี่ยวไว้กับที่ด้วยมหาบรรพต (The Spike) ที่ตั้งตระหง่าน ณ ใจกลางแผ่นดิน ก่อนที่อากาศกับไฟจะเข้ามาเพิ่มเติมเต็มจนเป็นท้องนภาให้โลกใบนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เมื่อโลกเสร็จสมบูรณ์เหล่าเทพต่างๆ ก็ได้เริ่มเข้ามาสถิตอยู่ ณ บริเวณโดยรอบมหาบรรบต ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นเทพีแห่งขุนเขา Kero Fin (ในขณะที่เทพี Glorantha กับเทพธาตุนั้นเลือกที่จะไม่สถิต ณ โลกใบนี้ เนื่องด้วย "ยิ่งใหญ่" และ "ห่างไกล" เกินไปที่จะเข้ามาได้ จึงมีแต่เหล่าเทพระดับล่างที่เข้ามาได้เท่านั้น) ในยุคนี้ เวลายังไม่มีอยู่ ไม่มีปัจจุบัน อดีต หรืออนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ต่อเนื่องกันในเวลาเดียวกัน บางสิ่งเกิดขึ้นจนจบไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ (มันเป็นคอนเซปต์ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ ตราบใดที่ยังยึดติดกับเวลาอยู่ แต่สำหรับพวกเทพ พวกเขาถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และยังทำให้มีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้อีกด้วย)
เหล่าเทพเริ่มสรรค์สร้างสิ่งต่างๆ ตามใจปรารถนา จนกระทั่ง Yelm เทพแห่งดวงตะวัน ได้ประกาศตั้งตัวเป็นจักรพรรดิ ขึ้นสถิตอยู่ ณ จุดสูงสุดแห่งยอดเขา Kero Fin พร้อมนำพาชนเผ่าแห่งไฟขึ้นปกครอง นำพามาซึ่งยุคทอง (Golden Age) อันรุ่งโรจน์
โลกในยุคแรกเริ่ม

ยุคสมัยแห่งพายุ (Storm Age)
แต่ใช่ว่าจะมีแค่เทพ Yelm เท่านั้นที่เป็นใหญ่ปกครองโลกเพียงผู้เดียว ยังมีเทพแห่งพายุ Umath ผู้นำพาชนเผ่าแห่งพายุตระเวณไล่ตีและผูกมิตรกับแต่ละเผ่าที่พบเจอ ได้พยายามท้าทายอำนาจของ Yelm เพื่อชิงความเป็นใหญ่เหนือโลกใบนี้ แต่ในท้ายที่สุดก็ถูกปราบโดย Shargash หนึ่งในบุตรนับมากมายของ Yelm
ถึงกระนั้น Orlanth บุตรของ Umath และ Kero Fin (เทพีแห่งขุนเขา) ก็ยังคงสืบทอดเจตนาในการโค่นล้ม Yelm พร้อมได้รวบรวมชนเผ่าแห่งพายุให้เป็นหนึ่งเดียวเฉกเช่นดังชนเผ่าแห่งไฟ ของ Yelm และได้ดำเนินการต่อสู้กันมาอย่างยาวนานโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เพลี่ยงพล้ำไป
จนกระทั่ง เทพแห่งการหลอกลวง Eurmal ได้ค้นพบความตายที่แอบอยู่ภายใต้ความมืดมิด พร้อมได้ทดลองมันกับ บรรพชีวิต ผู้เป็นปู่ (Grandfather Mortal) จนถึงแก่ความตาย ทำให้คอนเซปต์ความตายได้ถือกำเนิดขึ้นมา
Eurmal ค้นพบความตาย

หลังจากประจักษ์ซึ่งอานุภาพของอาวุธใหม่ที่พบเจอ Eurmal จึงได้นำอาวุธนี้ไปโชว์ให้เทพแห่งสงคราม Humakt ผู้ซึ่งเป็นพี่น้องของ Orlanth ได้ประจักษ์ ซึ่ง Humakt ก็ได้รีบยึดอาวุธนี้จาก Eurmal ในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความตายแพร่กระจายไปมากกว่านี้ พร้อมตัดสัมพันธ์กับพี่น้องแห่งพายุเพื่อป้องกันไม่ให้ความตายถูกนำเอาไปใช้
เมื่อ Orlanth ทราบถึงอานุภาพของอาวุธที่เรียกว่าความตาย จึงได้ขอยืมเอาไปใช้เพื่อโค่น Yelm ในทันที จนในที่สุด Humakt ก็ได้ยอมให้ใช้ความตาย หลังจากที่ Orlanth ยอมรับและให้ความเคารพในตัว Humakt แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเผ่าแห่งพายุแล้ว
Humakt กับ Orlanth ปะทะกันเพื่อแย่งชิงความตาย

Orlanth ได้ทำการท้าทาย Yelm ในการประลองความสามารถต่างๆ ไม่ว่าจะการเต้น, เวทย์มนต์ และดนตรี แต่ทุกครั้งเหล่าเทพบรรพกาลผู้เป็นกรรมการก็จะตัดสินให้ Orlanth พ่ายแพ้ไปทุกที Orlanth จึงได้ท้าประลองด้านอาวุธ ซึ่งถึงแม้ว่า Yelm จะไม่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธเลย แต่ก็ได้แสดงแสนยานุภาพด้วยการแผลงศรไปยังสุดขอบโลก แต่เมื่อ Orlanth ได้หยิบความตายขึ้นมา ก็ทำให้เหล่าเทพบรรพกาลต่างเตลิดหนีด้วยหวั่นเกรงในอานุภาพของความตาย ส่วน Yelm ถูกฟาดฟันด้วยความตายจนดำดิ่งสุดโลกใต้ปฐพีในทันใด ทำให้ทั้งโลกตกอยู่ในความมืดมิด เข้าสู่ยุคสมัยแห่งพายุ (Storm Age) ภายใต้การปกครองของ Orlanth จอมเทพแห่งพายุ
Orlanth นำพามาซึ่งยุคสมัยแห่งพายุ

แต่จากการฟาดฟัน Yelm ด้วยความตาย ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความตายที่ได้แตกสลาย จนกระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก หรือเป็นเหล่าดวงอาทิตย์เทียมนับร้อยที่แยกออกมาจากตัว Yelm พร้อมพยายามอ้างสิทธิ์ในการขึ้นเป็นสุริยเทพแทน Yelm หรือแม้แต่การรุกรานของชนเผ่าแห่งทะเล ที่เริ่มรุกรานขึ้นมาบนแผ่นดินและท้องนภา (ทำให้เกิดเป็นแม่น้ำต่างๆ ที่ไหลผ่านบนพื้นทวีป)
ด้านเทพแห่งสงคราม Humakt เมื่อทราบถึงการที่ความตายได้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนทำให้ตอนนี้ความตายไร้ซึ่งการควบคุม ผู้ที่ตายไปแล้วได้พยายามหวนคืนกลับมา Humakt  จึงได้ตามเก็บรวบรวมชิ้นส่วนแห่งความตายให้ได้มากที่สุด ก่อนจะตีขึ้นมาใหม่เพื่อแบ่งแยกโลกแห่งชีวิตกับความตายออกจากกัน (แต่เศษส่วนแห่งความตายบางส่วนได้ตกไปอยู่ในมือของเทพระดับล่างบางองค์ จนมีอำนาจเปรียบดั่งเทพแห่งความตายเช่นกัน) ทำให้ในตอนนี้ Humakt จึงได้กลายเป็นเทพแห่งสงครามและความตายนั้นเอง

Humakt เข้าปะทะกับ เหล่า Undead ที่ไร้ซึ่งหนทางหลังความตาย เพื่อชักนำสู่โลกใต้พิภพ

ส่วนทางด้าน Orlanth เมื่อได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งจอมเทพหลังจากทำสงครามปราบเทพที่ต่อต้าน แล้วก็ได้ปกครองโลกอย่างผาสุก พร้อมได้ทำการต่อสู้ขับไล่ศัตรูมากมายตลอดการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นพวกโทรลล์, อมนุษย์, เอลฟ์, ชนเผ่า Prax (กลุ่มมนุษย์อีกเผ่าที่มีความสามารถในการคุมและขี่สัตว์ร้ายต่างๆ เป็นพาหนะ) เป็นต้น ทำให้มนุษย์ได้ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ได้ ในขณะนี้เหล่าเทพและเผ่าพันธ์ุอื่นล้วนหลบซ่อนไปจากสายฟ้าของ Orlanth ไม่ก็ยอมศิโรราบและเข้าร่วมในเวลาต่อมา
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าไร้ซึ่งดวงตะวัน แต่ก็ยังมีหัวหน้าเผ่าแห่งไฟ Elmal บุตรของ Yelm ที่ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่แทนบิดาของตนในการเฝ้าระวังหนทางสู่ตะวัน (หมายถึงเส้นทางที่ดวงอาทิตย์ขึ้น) จากเหล่าดวงอาทิตย์เทียมหรือเหล่าตะวันผู้อ้างสิทธิ์ โดย Elmal ก็ได้ทำหน้าที่นี้เป็นอย่างดี ทำให้โลกยังคงอยู่ได้โดยไม่ถูกความมืดปกคลุมไปเสียก่อน เพราะยังมีแสงจากกลุ่มดาวนับร้อยที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้านั่นเอง (ซึ่งนั้นก็คือเวลากลางคืนนั้นเอง)
Elmal ยืนหยัดเฝ้าระวังหนทางสู่ตะวันจนตาบอด ก่อนที่เทพีแห่งการรักษา Chalana Arroy จะได้ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นในเวลาต่อมา

จุดจบของยุดสมัยแห่งพายุ.....จุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งความมืด
 แม้ว่า Orlanth จะทำการสู้รบขับไล่ศัตรูและเทพคู่อริจนสามารถปกครองโลกได้โดยเบ็ดเสร็จ แต่การรบราฆ่าฟันนี้ก็ได้นำพาความวุ่นวายและโกลาหลที่ก่อตัวขึ้น ทำให้สมดุลย์อำนาจแห่งกฏเกณฑ์ (Orders of Law) เริ่มสั่นคลอน ก่อนจะนำมาซึ่งการปรากฏตัวของตรีเทพ ผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง คือ
1. เทพ Ragnaglar ผู้เป็นพี่น้องของ Orlanth ที่เกิดลุ่มหลงในกามารมย์จนไล่สมสู่สิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทำให้เกิดเป็นสัตว์ร้ายและอสูรกายมากมาย ได้กลายเป็นเทพแห่งความชั่วร้าย (God of Evil)
2. เทพี Malia ผู้ค้นพบโรคระบาด ทั้งยังได้พยายามตักเตือนเทพองค์อื่นๆ ถึงภัยร้ายของมันแต่ก็ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งโรคระบาดได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เธอจึงได้กลายเป็นเทพีแห่งโรคระบาด (Goddess of Disease)
3. เทพี Thed ผู้ถูกเทพ Ragnaglar กระทำชำเรา จนได้ไปร้องเรียนกับ Orlanth ผู้เป็นจอมเทพ เพื่อขอความเป็นธรรม แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นเทพีแห่งการถูกกระทำชำเรา (Goddess of Rape)
ทั้งสามได้ร่วมมือกัน จนกลายเป็น ตรีเทพผู้ชั่วร้าย (Unholy Trio)

เหล่าตรีเทพผู้ชั่วร้ายได้ร่วมมือกันนำพาความวุ่นวายและหายนะมาสู่โลกใบนี้ โดยการปลดปล่อยความชั่วร้ายต่างๆ มายังโลกใบนี้ โรคภัยไข้เจ็บได้ระบาดและคร่าทุกชีวิตที่มันสัมผัส อสุรกายต่างๆ ที่เกิดจากกามารมณ์ของ Ragnaglar ได้ตระเวณไล่ตระเวณกัดกินทุกชีวิตที่มันพบเจอ และเมื่อ Thed ได้ให้กำเนิดชีวิตที่มาจากสายเลือดของ Ragnaglar ซึ่งมันก็ได้ถือกำเนิดเป็น Wakboth สิ่งมีชีวิตสุดชั่วร้ายที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายโลกใบนี้
ยุคสมัยแห่งความมืด (Great Darkness) ได้เริ่มขึ้นแล้ว..........
 
เหล่าอสุรกายแห่งความโกลาหล (Chaos)

คณะผู้นำพาแสงสว่าง (The Lightbringers)
เมื่อความมืดเข้าครอบงำ Orlanth ก็ไม่รอช้า เขาได้พยายามรวบรวมเหล่าเทพเพื่อต่อต้านแต่ก็ล้มเหลว ตราบใดที่ความมืดยังคงอยู่ ตัวเขาก็ไม่อาจหยุดยุคสมัยแห่งความมืดได้ Orlanth จึงได้รวบรวมคณะเทพทั้ง 7 เพื่อทำภารกิจในการกอบกู้แสงสว่าง อันประกอบไปด้วย
1. Orlanth จอมเทพแห่งพายุ ผู้นำคณะ
2. Chalana Arroy เทพีแห่งการรักษา ผู้เมตตาและช่วยเหลือทุกชีวิตโดยไม่คิดแบ่งแยก (แม้แต่สิ่งชีวิตจำพวก Chaos ก็ยังช่วยรักษา) เดิมเคยเป็นเทพบริวารของเทพ Yelm มาก่อน ก่อนจะเข้าร่วมเผ่าพายุ พร้อมกับเทพ Elmal ที่ได้รับการรักษาจากอาการตาบอด
3. Eurmal เทพแห่งการหลอกหลวง ผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อ Orlanth หลังจากได้รับการช่วยเหลือ
4. Ginna Jar เทพีลึกลับที่ไม่มีใครทราบประวัติ บางก็ว่าเป็นเทพีที่มีหลายตัวตน แต่ก็ได้เข้าร่วมในภารกิจนี้ด้วย
5. Lhankor Mhy เทพแห่งความรู้ 
6. Issaries เทพแห่งการเจรจาและการเดินทาง
7. Flesh Man บุรุษธรรมดาผู้ได้โอกาสร่วมเดินทางในภารกิจนี้ แต่สุดท้ายก็สิ้นชีพไปในระหว่างเดินทาง
คณะผู้นำพาแสงสว่าง (The Lightbringers) ระหว่างเดินทางสู่โลกใต้พิภพ

ต่อในคอมเมนต์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่