สวัสดีค่า หลังจากที่หนูตั้งกระทู้ไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน ตอนนี้ 11 พฤษภา ผ่านมาราว ๆ 2 อาทิตย์กว่า เริ่มทำใจได้แล้วนะคะ เอาคำแนะนำของพี่ ๆ ทุกคนไปปรับใช้ ก็เริ่มทำใจได้มากขึ้นค่ะ ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนเลยนะคะ ♥️🤸🏽♥️ วันนิ้เลยอยากมาแบ่งปันทริคสำหรับคนที่ท้อ คิดถึงบ้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานหรือวัยเรียนอะไรก็ตามคับ
อย่างอื่นขอบอกเลยนะคะว่าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนในจุดนี้มาก ๆ เพราะหนูเองก็ทรมานมากเหมือนกัน สู้ไปด้วยกันนะคะ 🙂↔️
อย่างแรกเลยนะคะ อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะที่จะรู้สึกแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่ที่ที่เราอยู่มาก่อน ไม่เหมือนบ้านเรา เพราะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันค่ะ จะให้มาคาดหวังว่าวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตจะเหมือนกันก็ไม่ได้ ช่วงแรก ๆ หนูก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่วัฒนธรรมบ้านเรา แต่ในเมื่อเรามาอยู่บ้านเขาแล้ว เราก็ต้องปรับตัวตามเขาค่ะ และอาการโฮมซิกก็ปกติมากมากเลยนะคะ ช่วงแรก ๆ ก็เป็นแบบนี้ พอซักพักเราจะชินไปเอง อาจจะใช้เวลา มากน้อย ขึ้นอยู่ที่ตัวเรานะคับ
1.message or call 📞👩🏼❤️💋👩🏻 / ช่วงแรก หนูร้องไห้หนักมาก ด้วยความที่ไม่เคยห่างพ่อแม่ แต่สมัยนี้มี social ทำให้ติดต่อพ่อแม่ได้ง่ายขึ้น เหงา คิดถึง ก็แค่โทรไปค่ะ เข้าใจนะคะว่าบางคนไม่กล้าโทรหาพ่อแม่เพราะกลัวเป็นห่วง หรือไม่ได้สนิทกับพ่อแม่ที่จะสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่อยากแนะนำให้โทรไปมาก ๆ ค่ะ ช่วงแรกหนูไม่กล้าโทรหาแม่ เพราะเห็นหน้าทีไรก็จะร้องไห้ ก็เลยพิมพ์คุยกันก่อน รอให้เราเข็มแข็งกว่านี้อีกนิดนึงก็ได้ค่ะ การคุยกับที่บ้านช่วยได้มากมากนะคะ เพราะยังไง พวกเขาก็คือครอบครัว หนูระบายทุกอย่างให้แม่ฟังค่ะ แม่ก็รับฟังและให้กำลังใจ ซึ่งมันช่วยได้เยอะมาก ๆ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้สู้อยู่คนเดียวนะคะ ยังมีคนรักและพร้อมรับฟังเราอยู่ อยากให้ลองเปิดใจทำข้อนี้ดูก่อนนะคะ เพราะหนูทำวิธีนี้เป็นวิธีแรก 🤚🏼
2.hangout / ออกไปทำกิจกรรมค่ะ หนูพึ่งยอมออกมาทำกิจกรรมก็หลัง 2 - 3 วันแรก รอให้เราทำใจได้ก่อนนะคะ ช่วงแรกที่มามันจะ jet lag หรือเวลาไม่ตรงกับที่บ้านทำให้เราง่วงในตอนกลางวันและกลางคืนจะนอนไม่หลับค่ะ เพราะเวลาแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน อย่าไปฝืนนะคะ ง่วงก็นอน อย่าเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนะคะ เพราะถ้าอยู่ในห้องคนเดียว มันจะฟุ้งซ่าน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำให้เราทำใจยากกว่าเดิมอีกค่ะ ทำเอาสุขภาพจิตเราเสียตามไปด้วย ลองออกไปทำอะไรใหม่ ๆ ดูเพื่อให้ลืมความรู้สึกนี้ค่ะ อย่าไปดูคลิปอะไรเศร้า ๆ หรือทำให้เราดิ่ง หาเกมเล่น ดูหนัง เล่นกีฬาอะไรก็ว่าไปค่ะ ลองดึงตัวเองออกจากห้องก่อนนะคะ ❤︎❤︎❤︎ วิธีนี้อาจจะใช้เวลานานกว่าจะยอมทำ แต่ก็ได้ผลแน่ ๆ ค่ะ
3.positive mindset / มองทุกอย่างให้เป็นแง่ดี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแย่ ๆ สิ่งที่เราไม่เคยทำ ไม่เคยเจอ แต่เราก็ต้องทำใจยอมรับมันค่ะ ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้ เวลาที่เรามองย้อนกลับมา เราจะภูมิใจมากเลย อะไรที่ไม่เคยทำ อยากให้ “ลอง” ทำก่อนนะคะ ผลรับเป็นไงค่อยว่ากัน ส่วนปัญหาที่เข้ามา ก็อยากให้มองเป็นบททดสอบ ทุกปัญหา มีทางออกค่ะ เชื่อหนู มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องท้าทาย อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ทำเลยค่ะ ได้มาประเทศใหม่ ๆ ทั้งที ถ้าคิดแต่เรื่องแย่ ๆ คิดเล็ก คิดน้อย เวลาจะผ่านไปช้าค่ะ
เวลาผ่านไปไวจะตาย เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ จะปรับได้ หรือไม่ได้ ตัวเราเองต้องเป็นคนให้คำตอบค่ะ ต้องเปิดใจทำค่ะ เรื่องแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนที่เจอปัญหานี้ก็กำลังมีประสบการณ์ดีดีอยู่ ไม่ใช่ทุกคนนะคะที่จะมีโอกาสแบบเรา บางคนเขาอยากทำงาน / เรียนต่างประเทศจะตาย แต่เขาไม่มีโอกาส ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว อดทนนะคะ เรามาเพื่ออนาคตเราเอง ! 🩷 ถ้าเราผ่านไปได้ เราจะเป็นคนที่โครตเก่งเลย เจอกันกระทู้หน้าคับ
homesick * มาเรียนต่างประเทศแล้วคิดถึงบ้าน * 🎠🙂↕️
อย่างอื่นขอบอกเลยนะคะว่าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนในจุดนี้มาก ๆ เพราะหนูเองก็ทรมานมากเหมือนกัน สู้ไปด้วยกันนะคะ 🙂↔️
อย่างแรกเลยนะคะ อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะที่จะรู้สึกแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่ที่ที่เราอยู่มาก่อน ไม่เหมือนบ้านเรา เพราะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันค่ะ จะให้มาคาดหวังว่าวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตจะเหมือนกันก็ไม่ได้ ช่วงแรก ๆ หนูก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่วัฒนธรรมบ้านเรา แต่ในเมื่อเรามาอยู่บ้านเขาแล้ว เราก็ต้องปรับตัวตามเขาค่ะ และอาการโฮมซิกก็ปกติมากมากเลยนะคะ ช่วงแรก ๆ ก็เป็นแบบนี้ พอซักพักเราจะชินไปเอง อาจจะใช้เวลา มากน้อย ขึ้นอยู่ที่ตัวเรานะคับ
1.message or call 📞👩🏼❤️💋👩🏻 / ช่วงแรก หนูร้องไห้หนักมาก ด้วยความที่ไม่เคยห่างพ่อแม่ แต่สมัยนี้มี social ทำให้ติดต่อพ่อแม่ได้ง่ายขึ้น เหงา คิดถึง ก็แค่โทรไปค่ะ เข้าใจนะคะว่าบางคนไม่กล้าโทรหาพ่อแม่เพราะกลัวเป็นห่วง หรือไม่ได้สนิทกับพ่อแม่ที่จะสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่อยากแนะนำให้โทรไปมาก ๆ ค่ะ ช่วงแรกหนูไม่กล้าโทรหาแม่ เพราะเห็นหน้าทีไรก็จะร้องไห้ ก็เลยพิมพ์คุยกันก่อน รอให้เราเข็มแข็งกว่านี้อีกนิดนึงก็ได้ค่ะ การคุยกับที่บ้านช่วยได้มากมากนะคะ เพราะยังไง พวกเขาก็คือครอบครัว หนูระบายทุกอย่างให้แม่ฟังค่ะ แม่ก็รับฟังและให้กำลังใจ ซึ่งมันช่วยได้เยอะมาก ๆ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้สู้อยู่คนเดียวนะคะ ยังมีคนรักและพร้อมรับฟังเราอยู่ อยากให้ลองเปิดใจทำข้อนี้ดูก่อนนะคะ เพราะหนูทำวิธีนี้เป็นวิธีแรก 🤚🏼
2.hangout / ออกไปทำกิจกรรมค่ะ หนูพึ่งยอมออกมาทำกิจกรรมก็หลัง 2 - 3 วันแรก รอให้เราทำใจได้ก่อนนะคะ ช่วงแรกที่มามันจะ jet lag หรือเวลาไม่ตรงกับที่บ้านทำให้เราง่วงในตอนกลางวันและกลางคืนจะนอนไม่หลับค่ะ เพราะเวลาแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน อย่าไปฝืนนะคะ ง่วงก็นอน อย่าเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนะคะ เพราะถ้าอยู่ในห้องคนเดียว มันจะฟุ้งซ่าน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำให้เราทำใจยากกว่าเดิมอีกค่ะ ทำเอาสุขภาพจิตเราเสียตามไปด้วย ลองออกไปทำอะไรใหม่ ๆ ดูเพื่อให้ลืมความรู้สึกนี้ค่ะ อย่าไปดูคลิปอะไรเศร้า ๆ หรือทำให้เราดิ่ง หาเกมเล่น ดูหนัง เล่นกีฬาอะไรก็ว่าไปค่ะ ลองดึงตัวเองออกจากห้องก่อนนะคะ ❤︎❤︎❤︎ วิธีนี้อาจจะใช้เวลานานกว่าจะยอมทำ แต่ก็ได้ผลแน่ ๆ ค่ะ
3.positive mindset / มองทุกอย่างให้เป็นแง่ดี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแย่ ๆ สิ่งที่เราไม่เคยทำ ไม่เคยเจอ แต่เราก็ต้องทำใจยอมรับมันค่ะ ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้ เวลาที่เรามองย้อนกลับมา เราจะภูมิใจมากเลย อะไรที่ไม่เคยทำ อยากให้ “ลอง” ทำก่อนนะคะ ผลรับเป็นไงค่อยว่ากัน ส่วนปัญหาที่เข้ามา ก็อยากให้มองเป็นบททดสอบ ทุกปัญหา มีทางออกค่ะ เชื่อหนู มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องท้าทาย อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ทำเลยค่ะ ได้มาประเทศใหม่ ๆ ทั้งที ถ้าคิดแต่เรื่องแย่ ๆ คิดเล็ก คิดน้อย เวลาจะผ่านไปช้าค่ะ
เวลาผ่านไปไวจะตาย เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ จะปรับได้ หรือไม่ได้ ตัวเราเองต้องเป็นคนให้คำตอบค่ะ ต้องเปิดใจทำค่ะ เรื่องแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนที่เจอปัญหานี้ก็กำลังมีประสบการณ์ดีดีอยู่ ไม่ใช่ทุกคนนะคะที่จะมีโอกาสแบบเรา บางคนเขาอยากทำงาน / เรียนต่างประเทศจะตาย แต่เขาไม่มีโอกาส ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว อดทนนะคะ เรามาเพื่ออนาคตเราเอง ! 🩷 ถ้าเราผ่านไปได้ เราจะเป็นคนที่โครตเก่งเลย เจอกันกระทู้หน้าคับ