สวัสดีครับ จะรบกวนขอแชร์ประสบการณ์ของผมนะครับ หลังจากที่ผ่านการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ ....อาจจะยาวหน่อยนะครับ เผื่อพอเป็นประโยชน์บ้าง
ปัจจุบันอายุ55 ได้ผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจมาเกือบ2ปีละ ปัจจุบันโดยรวมแข็งแรงดี ออกกำลังกายทุกวัน ทานยาสม่ำเสมอ ระวังเรื่องอาหารครับ..
ปกติเป็นคนที่ไม่ทานอาหารมันๆ แต่จะชอบทานแป้ง ทานข้าวเยอะ ของหวานก้อชอบทานแต่ไม่มาก...มีเวลาว่างจะชอบออกกำลังกายโดยการเดินวันละ45นาที 4-5วันต่อสัปดาห์ การทำงานค่อนข้างเครียด พักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ ตรวจสุขภาพประจำปี ไขมัน คลอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์และLDL จะเกินตลอดในรอบ 4-5ปีที่ผ่านมา ไขมันHDL จะคาบเส้น ส่วนBMI เกินมาตรฐานตลอด ความดันปกติ ไม่เป็นเบาหวาน
เมื่อ2ปีก่อน ขณะเดินออกกำลังรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ประมาณ1-2นาที แล้วก้อหายไป ผมคิดว่าเป็นเพราะเราไม่ฟิต เลยไม่ได้คิดอะไร
หลายวันต่อมา มีอาการเหมือนเดิมอีก คราวนี้เลยไปหาหมอ
หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจEKG ปกติ ตรวจเลือดเพื่อเช็คเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจก้อปกติ แต่ก้อพบว่าไขมันสูงจากการตรวจเลือด เลยจ่ายยาลดไขมัน
ผมกินยาประมาณ3เดือน พบหมอตามกำหนด พบว่าไขมันลงอยู่ในเกณฑ์แล้ว เลยไม่ได้กินยาต่อ คิดว่าเราแข็งแรงดีแล้ว เดินออกกำลังกายแทบทุกวัน คงไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ระหว่างนั้นจะมีอาการปวดร้าวที่แขนซ้ายบ่อยๆ แต่ไม่ได้สนใจคิดว่าคงนอนทับแขน
ผ่านมาถึงเมือเดือนพค.ที่ผ่านมา ขณะตื่นนอน รู้สึกเจ็บหน้าอก เหมือนอะไรมาทับ เจ็บแบบไม่เคยเจ็บมาก่อน เลยรีบขับรถไปรพ. หมอจับตรวจEKG พบกราฟผิดปกตินิดเดียว ตอนแรกคิดว่าเป็นที่กล้ามเนื้อ เพราะหลังจากนั่งพักอาการเจ็บก้อเบาลง หมอเกิดสังหรณ์ใจ เลยขอเจาะเลือดเพื่อตรวจเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจ พอผลออกหมอสั่งให้นอนรพ.เลย เพราะพบว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน
หมอให้ผมนอนICU เลย เพื่อจะได้ทำการฉีดสีเพื่อตรวจสอบหาตำแหน่งที่หลอดเลือดมีปัญหา ผมเลยทำเรื่องย้ายไปรพ.ประกันสังคมเพื่อsaveค่าใช้จ่าย
วันรุ่งขึ้นได้ไปฉีดสี จึงพบว่า มีหลอดเลือดตัน100% 1เส้น ตีบ80% และ60% ตามลำดับ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่สามารถรักษาโดยการทำบอลลูนได้ เนื่องจากตีบและตันมาก หลังจากนอนรพ.1คืน จึงกลับบ้าน เพื่อไปหาหมอหัวใจ เพื่อวางแผนการรักษาต่อ
วันต่อมาจึงไปหาหมอโรคหัวใจ หมอดีมากรีบติดต่อหาหมอที่จะทำการผ่าตัดให้ด่วน เพราะกรณีผม หมอว่ารุนแรงพร้อมน็อคได้ตลอดเวลา
ผมได้คิวผ่าหลังจากนั้นประมาณ2สัปดาห์ ระหว่างที่รอผ่า หมอจะให้ยาลดไขมัน ยาต้านเกร็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ยาลดความดันยาระบายในกรณีท้องผูก เนื่องจากคนเป็นโรคหัวใจ หมอไม่อยากให้ออกแรงเบ่งมาก ซึ่งจะทำให้กระทบกับหัวใจและห้ามรถขับรถ ระวังความเครียด
อย่าออกแรงมาก ให้ค่อยๆเดิน ๆ
หลังจากนั้น พอมาถึงวันหมอนัดผ่า หมอนัดให้มานอนรพ.ก่อน2วัน เพื่อเตรียมตัว ตรวจร่างกาย เจาะเลือด เช็คความพร้อมของร่างกาย ในระหว่างนั้น จะมีเจ้าหน้าโภชนาการ นักกายภาพ และพยาบาล มาแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องปฏิบัติตัว เกี่ยวกับการผ่าตัด การฟื้นฟู การเลือกทานอาหาร
ในวันผ่าตัด หมอใช้เวลาผ่าประมาณ7-8ชม.ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยผ่าไป2เส้น โดยผ่าหลอดเลือดที่ขามาต่อเข้ากับหัวใจ ส่วนอีกเส้นซึ่งตีบ60%หมอให้ทานยาและปรับพฤติกรรมร่วม ผมรู้สึกตัวอีกที ตอน4ทุ่ม แล้วหลับต่อ ผมอยู่ในICU 6วัน ในระหว่างนั้น นักกายภาพจะมาพาเดินออกกำลังวันละ5นาที และให้เราออกกำลังกายปอดโดยใช้เครื่องเป่าเพื่อให้ปอดเราแข็งแรง เนื่องจากตอนผ่าตัด ปอดเราจะหยุดการทำงานไปชั่วขณะ
ระหว่างอยู่ในICU เป็นช่วงที่ลำบากมาก เจ็บแผลที่ผ่า คอแห้งมาก เพราะหมอจำกัดปริมาณให้ดื่มได้วันละ800cc. ทานอาหารไม่ได้เลย ทานได้มื้อละ4-5คำ
เบื่ออาหาร ขยับตัวลำบากเพราะหมอต่อท่อเพื่อดูดน้ำออกจากปอด
หลังจากครบ7วัน ผมถูกย้ายมานอนห้องพักฟื้นปกติอีก3วัน ระหว่างนั้น ทางนักกายภาพจะพาเราเดินมากขึ้น เดินขึ้นลง บันได เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวไว และปอด หัวใจ จะได้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ระหว่างเดินจะมีอาการเหนื่อยและหอบบ้าง
หลังจากครบ3วัน หมอให้กลับบ้านได้ น้ำหนักหายไปเกือบ4กก.
หลังจากกลับมาต้องดูแลแผลที่ผ่าตัด ห้ามให้โดนน้ำ ทำความสะอาดแผลทุกวัน
และออกกำลังกายตามคู่มือที่นักกายภาพให้มา แต่ในระหว่างนั้นจะไอหนักมาก จนไอจนเจ็บแผล นอนแทบไม่ได้
ระหว่างนั้นต้องระมัดเรื่องอาหาร งดเค็ม หวาน มัน ทานยาอย่างเคร่งครัด เดินทุกวันวันละ5นาที ระหว่างนั้น หมอจะนัด 1สัปดาห์ เพื่อดูแผล เจาะเลือด เอกเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และนัดห่างเรื่อยไป เป็น2สัปดาห์ 1เดือน 3เดือนตามลำดับ ผลตรวจทุกอย่างออกมาปกติดี ทั้งการทำงานหัวใจ ปอด ผลเลือด ส่วนการเดินก้อเดินมากขึ้นเป็น30นาทีต่อวัน
หลังจากผ่านมาถึงวันนี้ประมาณ 4เดือนครึ่ง ร่างกายผมดีขึ้นมากๆจนแทบปกติแล้ว สามารถเดินไว วิ่งเหยาะๆ วันละ6-7กม. ทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกอย่างตามปกติ
แต่ยังระวังเรื่องอาหาร หวาน มัน เค็ม นานๆทานที ทานยาสม่ำเสมอไม่ขาด ออกกำลังกายทุกวัน ปัจจุบันน้ำหนักหายไปประมาณ 8กก.
ผมปรึกษาหมอถึงสาเหตุ หมอว่ามาจากพฤติกรรมเรา และน่าจะเกิดจากกรรมพันธ์เนื่องจากพ่อผมเป็นโรคหัวใจตอนอายุยังไม่เยอะ ประมาณ50ปี ส่วนตัวเองไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สมัยหนุ่มๆเล่นกีฬาเยอะมากแต่คงเป็นพฤติกรรมการทานแป้งมาก ของหวาน ความเครียดสะสม หลอดเลือดเสื่อม ทำให้เกิดโรคนี้ขึ้นได้ แต่ยังโชคดีที่เขามาเตือนเราก่อนหลายครั้ง เพราะบางคนหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจากไปโดยไม่ได้ร่ำลาครอบครัวเลย ขอบคุณมากนะครับ
ประสบการณ์ผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ
ปัจจุบันอายุ55 ได้ผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจมาเกือบ2ปีละ ปัจจุบันโดยรวมแข็งแรงดี ออกกำลังกายทุกวัน ทานยาสม่ำเสมอ ระวังเรื่องอาหารครับ..
ปกติเป็นคนที่ไม่ทานอาหารมันๆ แต่จะชอบทานแป้ง ทานข้าวเยอะ ของหวานก้อชอบทานแต่ไม่มาก...มีเวลาว่างจะชอบออกกำลังกายโดยการเดินวันละ45นาที 4-5วันต่อสัปดาห์ การทำงานค่อนข้างเครียด พักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ ตรวจสุขภาพประจำปี ไขมัน คลอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์และLDL จะเกินตลอดในรอบ 4-5ปีที่ผ่านมา ไขมันHDL จะคาบเส้น ส่วนBMI เกินมาตรฐานตลอด ความดันปกติ ไม่เป็นเบาหวาน
เมื่อ2ปีก่อน ขณะเดินออกกำลังรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ประมาณ1-2นาที แล้วก้อหายไป ผมคิดว่าเป็นเพราะเราไม่ฟิต เลยไม่ได้คิดอะไร
หลายวันต่อมา มีอาการเหมือนเดิมอีก คราวนี้เลยไปหาหมอ
หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจEKG ปกติ ตรวจเลือดเพื่อเช็คเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจก้อปกติ แต่ก้อพบว่าไขมันสูงจากการตรวจเลือด เลยจ่ายยาลดไขมัน
ผมกินยาประมาณ3เดือน พบหมอตามกำหนด พบว่าไขมันลงอยู่ในเกณฑ์แล้ว เลยไม่ได้กินยาต่อ คิดว่าเราแข็งแรงดีแล้ว เดินออกกำลังกายแทบทุกวัน คงไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ระหว่างนั้นจะมีอาการปวดร้าวที่แขนซ้ายบ่อยๆ แต่ไม่ได้สนใจคิดว่าคงนอนทับแขน
ผ่านมาถึงเมือเดือนพค.ที่ผ่านมา ขณะตื่นนอน รู้สึกเจ็บหน้าอก เหมือนอะไรมาทับ เจ็บแบบไม่เคยเจ็บมาก่อน เลยรีบขับรถไปรพ. หมอจับตรวจEKG พบกราฟผิดปกตินิดเดียว ตอนแรกคิดว่าเป็นที่กล้ามเนื้อ เพราะหลังจากนั่งพักอาการเจ็บก้อเบาลง หมอเกิดสังหรณ์ใจ เลยขอเจาะเลือดเพื่อตรวจเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจ พอผลออกหมอสั่งให้นอนรพ.เลย เพราะพบว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน
หมอให้ผมนอนICU เลย เพื่อจะได้ทำการฉีดสีเพื่อตรวจสอบหาตำแหน่งที่หลอดเลือดมีปัญหา ผมเลยทำเรื่องย้ายไปรพ.ประกันสังคมเพื่อsaveค่าใช้จ่าย
วันรุ่งขึ้นได้ไปฉีดสี จึงพบว่า มีหลอดเลือดตัน100% 1เส้น ตีบ80% และ60% ตามลำดับ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่สามารถรักษาโดยการทำบอลลูนได้ เนื่องจากตีบและตันมาก หลังจากนอนรพ.1คืน จึงกลับบ้าน เพื่อไปหาหมอหัวใจ เพื่อวางแผนการรักษาต่อ
วันต่อมาจึงไปหาหมอโรคหัวใจ หมอดีมากรีบติดต่อหาหมอที่จะทำการผ่าตัดให้ด่วน เพราะกรณีผม หมอว่ารุนแรงพร้อมน็อคได้ตลอดเวลา
ผมได้คิวผ่าหลังจากนั้นประมาณ2สัปดาห์ ระหว่างที่รอผ่า หมอจะให้ยาลดไขมัน ยาต้านเกร็ดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ยาลดความดันยาระบายในกรณีท้องผูก เนื่องจากคนเป็นโรคหัวใจ หมอไม่อยากให้ออกแรงเบ่งมาก ซึ่งจะทำให้กระทบกับหัวใจและห้ามรถขับรถ ระวังความเครียด
อย่าออกแรงมาก ให้ค่อยๆเดิน ๆ
หลังจากนั้น พอมาถึงวันหมอนัดผ่า หมอนัดให้มานอนรพ.ก่อน2วัน เพื่อเตรียมตัว ตรวจร่างกาย เจาะเลือด เช็คความพร้อมของร่างกาย ในระหว่างนั้น จะมีเจ้าหน้าโภชนาการ นักกายภาพ และพยาบาล มาแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องปฏิบัติตัว เกี่ยวกับการผ่าตัด การฟื้นฟู การเลือกทานอาหาร
ในวันผ่าตัด หมอใช้เวลาผ่าประมาณ7-8ชม.ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยผ่าไป2เส้น โดยผ่าหลอดเลือดที่ขามาต่อเข้ากับหัวใจ ส่วนอีกเส้นซึ่งตีบ60%หมอให้ทานยาและปรับพฤติกรรมร่วม ผมรู้สึกตัวอีกที ตอน4ทุ่ม แล้วหลับต่อ ผมอยู่ในICU 6วัน ในระหว่างนั้น นักกายภาพจะมาพาเดินออกกำลังวันละ5นาที และให้เราออกกำลังกายปอดโดยใช้เครื่องเป่าเพื่อให้ปอดเราแข็งแรง เนื่องจากตอนผ่าตัด ปอดเราจะหยุดการทำงานไปชั่วขณะ
ระหว่างอยู่ในICU เป็นช่วงที่ลำบากมาก เจ็บแผลที่ผ่า คอแห้งมาก เพราะหมอจำกัดปริมาณให้ดื่มได้วันละ800cc. ทานอาหารไม่ได้เลย ทานได้มื้อละ4-5คำ
เบื่ออาหาร ขยับตัวลำบากเพราะหมอต่อท่อเพื่อดูดน้ำออกจากปอด
หลังจากครบ7วัน ผมถูกย้ายมานอนห้องพักฟื้นปกติอีก3วัน ระหว่างนั้น ทางนักกายภาพจะพาเราเดินมากขึ้น เดินขึ้นลง บันได เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวไว และปอด หัวใจ จะได้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ระหว่างเดินจะมีอาการเหนื่อยและหอบบ้าง
หลังจากครบ3วัน หมอให้กลับบ้านได้ น้ำหนักหายไปเกือบ4กก.
หลังจากกลับมาต้องดูแลแผลที่ผ่าตัด ห้ามให้โดนน้ำ ทำความสะอาดแผลทุกวัน
และออกกำลังกายตามคู่มือที่นักกายภาพให้มา แต่ในระหว่างนั้นจะไอหนักมาก จนไอจนเจ็บแผล นอนแทบไม่ได้
ระหว่างนั้นต้องระมัดเรื่องอาหาร งดเค็ม หวาน มัน ทานยาอย่างเคร่งครัด เดินทุกวันวันละ5นาที ระหว่างนั้น หมอจะนัด 1สัปดาห์ เพื่อดูแผล เจาะเลือด เอกเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และนัดห่างเรื่อยไป เป็น2สัปดาห์ 1เดือน 3เดือนตามลำดับ ผลตรวจทุกอย่างออกมาปกติดี ทั้งการทำงานหัวใจ ปอด ผลเลือด ส่วนการเดินก้อเดินมากขึ้นเป็น30นาทีต่อวัน
หลังจากผ่านมาถึงวันนี้ประมาณ 4เดือนครึ่ง ร่างกายผมดีขึ้นมากๆจนแทบปกติแล้ว สามารถเดินไว วิ่งเหยาะๆ วันละ6-7กม. ทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกอย่างตามปกติ
แต่ยังระวังเรื่องอาหาร หวาน มัน เค็ม นานๆทานที ทานยาสม่ำเสมอไม่ขาด ออกกำลังกายทุกวัน ปัจจุบันน้ำหนักหายไปประมาณ 8กก.
ผมปรึกษาหมอถึงสาเหตุ หมอว่ามาจากพฤติกรรมเรา และน่าจะเกิดจากกรรมพันธ์เนื่องจากพ่อผมเป็นโรคหัวใจตอนอายุยังไม่เยอะ ประมาณ50ปี ส่วนตัวเองไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สมัยหนุ่มๆเล่นกีฬาเยอะมากแต่คงเป็นพฤติกรรมการทานแป้งมาก ของหวาน ความเครียดสะสม หลอดเลือดเสื่อม ทำให้เกิดโรคนี้ขึ้นได้ แต่ยังโชคดีที่เขามาเตือนเราก่อนหลายครั้ง เพราะบางคนหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจากไปโดยไม่ได้ร่ำลาครอบครัวเลย ขอบคุณมากนะครับ