ชีวิตผู้น้อย เพจดัง เปิดภาพ มื้ออาหาร ทหารเกณฑ์ เน้นข้าว ไม่เน้นกับ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8214335
ชีวิตผู้น้อย เพจดัง เปิดภาพ มื้ออาหาร ทหารเกณฑ์ เน้นข้าว ไม่เน้นกับ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชาวเน็ตถามจะอิ่มมั้ย?
ยังเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่อง อาหารของทหารเกณฑ์ ซึ่งมีหลายๆต่อหลายครั้งที่สังคมออนไลน์ นำเรื่องราวมาเปิดเผยว่า ทหารได้รับประทานอาหารที่น้อยจนเกินไป ไม่เหมาะสม
แม้ช่วงหลังจะพบการประชาสัมพันธ์มื้ออาหารของทหารเกณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ก็ยังถูกตั้งคำถามว่าทหารได้รับประทานอาหารแบบนี้ทุกมื้อหรือไม่
ล่าสุด เพจ
ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน นำภาพมื้ออหารของทหารมาโพสต์ ซึ่งพบว่า ได้กับข้าวเพียงน้อยนิด ไม่เหมาะสมกับปริมาณข้าวที่มีอยู่เต็มจาน โดยเพจ เขียนระบุว่า
เน้นข้าว ไม่เน้นกับ
อาหารของทหารเกณฑ์ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน อ.กำแพงแสน นครปฐม ข้าวเน้นแน่น แต่กับข้าวมีน้อยเดียว สภาพเป็นแบบนี้แทบทุกวัน
ซึ่งหลังโพสต์มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า อาหารเพียงเท่านี้จะทำให้ทหารกินอิ่มหรือไม่ บางรายโพสต์ว่าเป็นเรื่องปกติ จะได้กินดียกเว้นวันที่นายมา
https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/pfbid02HSRfBE9Vfo1ScCqoP43LR1oTBBLcU4rnGVBGn9fjQeEXALqs863hGcZ6t664VwcRl
วิกฤตหนัก ในรอบ 50 ปี คาบสมุทรสทิงพระ ขาดแคลนน้ำ ชาวบ้านเดือดร้อน ฝนทิ้งช่วงยาว-น้ำทะเลสาบเค็ม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8214216
สงขลา วิกฤตหนักในรอบ 50 ปี คาบสมุทรสทิงพระ ฝนทิ้งช่วงยาว-น้ำทะเลสาบเค็ม ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค พื้นที่การเกษตรเสียหายหลายหมื่นไร่ พ่อเมือง สั่งแก้ปัญหาน้ำกินน้ำใช้อย่าให้ขาด
3 พ.ค. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ประกอบด้วย อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.ระโนด และ อ.กระแสสินธ์ พื้นที่ร้อยละ 80 ทำการเกษตร กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรอย่างหนัก ทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายหลายหมื่นไร่
สาเหตุเกิดจาก ฝนทิ้งช่วง 3-4 เดือน น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขวด น้ำในทะเลสาบสงขลาที่เคยสูบน้ำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีค่าความเค็มสูงจึงไม่สามารถสูบน้ำมาใช้หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรได้แล้งหนักในรอบ 50 ปี คลองพลเอกอาทิตย์ฯที่กักเก็บน้ำฝนกำลังขุดลอกอยู่
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก แจ้งว่า สถานการณ์ฝนในพื้นที่ จ.สงขลา ลักษณะของลมช่วงนี้ เป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ ที่พัดเข้ามาปกคลุม โอกาสที่จะเกิดฝน โดยเฉพาะ 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ ตั้งแต่ ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-8 พ.ค. 67 และจะกระจายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย หลังจากนั้นจะลดลง และฝนจะตกอีกครั้งประมาณวันที่ 14-16 พ.ค. 67 คาดว่า เพียงพอที่จะบรรเทาการขาดแคลนน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรของพี่น้องประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ตามที่ นาย
สมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้สั่งการให้ดำเนินการประเมิน สำรวจสถานการณ์ และวิธีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร พบว่า น้ำในลำคลองลดลงอย่างมากจนน้ำแห้ง ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร ซึ่งไม่สามารถสูบน้ำจากคลองในพื้นที่ได้เนื่องจากมีปริมาณค่าน้ำเค็มสูง
ในส่วนคลองพลเอกอาทิตย์ ซึ่งเป็นคลองสายหลักสำหรับใช้ในการเกษตรของพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ประสบปัญหาการเส้นทางน้ำไหล เนื่องจากอยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนประกอบกับมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ได้ประสานไปยังสำนักงานชลประทานที่ 16 ดำเนินการขุดลอกแล้ว ปรากฎว่า มีน้ำไหลบางส่วน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการทำภาคเกษตรของประชาชนที่ต้องใช้น้ำค่อนข้างมาก
โดยที่ประชุมได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือ และได้มอบหมายให้สำนักงานชลประทานที่ 16 เร่งขุดคูระบายน้ำ เพื่อเปิดเส้นทางน้ำสู่คลองพลเอกอาทิตย์ให้เพียงพอต่อในการใช้น้ำเพื่อการเกษตรของพี่น้องเกษตรกร พร้อมนำเครื่องสูบน้ำเพื่อเติมน้ำให้เพียงพอต่อการใช้สำหรับการทำเกษตร ได้แจ้งนายอำเภอประสานไปยังพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือให้ใช้น้ำตามความจำเป็นเพื่อจะได้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
นาย
สมนึก เน้นย้ำว่า น้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนต้องอย่าให้ขาด ส่วนน้ำสำหรับใช้เพื่อการเกษตร หากหมดต้องเอาน้ำจากที่อื่นไปเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้เร็วที่สุด
"จาตุรนต์" อัดระเบียบ "กกต." ทำให้เลือก " สว." แย่ยิ่งกว่าจับฉลาก
https://siamrath.co.th/n/533405
วันที่ 3 พ.ค.67 นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า...
ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่ออกมาเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา มีปัญหาอย่างมากทั้งไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา แต่ยิ่งไปกว่านั้นไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะจงใจปิดกั้นและจำกัดสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่าย ทั้งผู้สมัคร ผู้ที่จะช่วยเหลือผู้สมัคร ประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีส่วนร่วม รวมไปถึงสื่อมวลชน
ขัดต่อ “พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา” ได้แก่
➝ในมาตรา 21 ระบุว่า “ให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับอำเภอต้องประกาศรายชื่อผู้สมัครที่อย่างน้อยต้องระบุอาชีพและอายุของผู้สมัครให้ประชาชนทราบโดยทั่วไป…” จะเห็นเลยว่าเจตนาของกฎหมายต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร แต่ระเบียบกลับห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบ
➝ในมาตรา 37 และมาตรา 38 ที่กฎหมายจะระบุชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ไปหาเสียงกันในวันเลือกตั้ง แต่ตอนที่จะแนะนำตัวก่อนถึงช่วงเลือกนั้นได้ระบุไว้ในมาตรา 36 ว่า “ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด…” จะเห็นว่าในมาตรานี้ไม่ได้ระบุว่าห้ามทำสิ่งใดเหมือนในมาตรา37และ38 แต่ กกต.กลับออกระเบียบห้ามสารพัดจึงถือว่าการออกระเบียบนี้เกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้
ขัด “รัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย” ได้แก่
➝มาตรา 114 “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย…” : ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะหลักประชาธิปไตยถือว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ระเบียบกลับออกมาไม่ให้ประชาชนรับรู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
➝ สิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน โดยดูจากระเบียบ ข้อ 11 ที่จงใจไม่ให้สื่อมวลชนมาทำหน้าที่ แม้ไม่ได้ห้ามสื่อมวลชนโดยตรงเพราะในรัฐธรรมนูญจะถือว่าไปจำกัดการทำหน้าที่ของสื่อ แต่กกต.ไปพลิกแพลงห้ามผู้สมัครหรือผู้ช่วยผู้สมัครไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแทน รวมถึงห้ามแจกใบปลิว ห้ามติดป้ายประกาศ ห้ามลงสื่อออนไลน์ จึงเป็นการเลือกตั้งที่แปลกประหลาดมากที่ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆทั้งสิ้น แต่จำกัดข้อมูลอยู่แต่ผู้สมัครด้วยกัน ก็หมายความว่าผู้สมัครจะต้องส่งไลน์หรือสร้างไลน์กลุ่มขึ้นมาส่งประวัติเท่านั้น
ทั้งนี้ในระบบกติกาแบบนี้ต้องการให้สว.เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ แต่วิธีการเลือกแบบไขว้คือผู้ที่จะเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพที่ได้รับเลือกในขั้นตอนสุดท้ายจะมาจากการเลือกของผู้ที่อยู่ในอาชีพอื่นเป็นหลัก ดังนั้นการเลือกคนในกลุ่มอาชีพใดกลุ่มอาชีพหนึ่งนี้โดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย แล้วประชาชนก็ไม่ได้มามีส่วนเกี่ยวข้องเลย ก็หมายความว่าจะไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าผู้ที่ได้รับเลือกมีความเหมาะสมจะเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพได้จริง
การทำแบบนี้จะทำให้การเลือกตั้งแย่กว่าการจับฉลาก มันจะเลวร้ายกว่ามาก เพราะแทนที่ กกต.จะไปให้ความสำคัญ กับการป้องกันการทุจริต เช่น คนมีอำนาจ คนมีเครือข่าย คนมีเงินมากๆจะได้เปรียบมาก ที่สามารถจะจ้างคนจำนวนมากๆไปสมัคร แต่ กกต.กลับไม่เน้นเรื่องนี้
ที่แย่ไปกว่านั้น กกต.ไม่เข้าใจเลยว่าว่าการป้องกันการทุจริตเหล่านี้ที่ดีที่สุด คือการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนให้มากที่สุด ประชาชนถึงจะช่วยป้องกัน ช่วยกันตรวจสอบ เพราะฉะนั้นการแนะนำการเชิญชวน ให้มีการมาสมัครกันมากๆก็ดี การให้ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนให้มากๆก็ดี หรือการให้ผู้ที่สมัครหรือผู้ช่วยผู้สมัครสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องควรห้ามแต่เป็นเรื่องควรส่งเสริมอย่างจริงจัง
เปรียบเทียบได้จากเงื่อนไขการเลือกตั้งสส. ที่ห้ามจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะให้ ห้ามจัดมหรสพ หรือการข่มขู่ แต่สามารถจูงใจได้ถ้าทำโดยสุจริต ทั้งจูงใจให้ไปเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งจูงใจให้ไปเลือกผู้สมัครแต่ละคน ซึ่งตรงข้ามกับกฎระเบียบการเลือก สว. ที่ห้ามไม่ให้จูงใจให้คนไปสมัคร และห้ามไม่ให้ข้อมูลแก่ประชาชน และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้สมัครเป็นที่ยอมรับของคนในอาชีพนั้นหรือไม่ ผู้สมัครมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับป้องกันการไปทุจริตคอรัปชั่น มีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลให้ได้องค์กรอิสระ หรือเวลาจะรับรอง ประธานตุลาการ ศาลปกครอง อัยการ การไปทำหน้าที่สำคัญทั้งหลายเหล่านี้คนที่ไปสมัครมีความคิดอย่างไร จึงจะไม่มีใครรู้
ดังนั้นระเบียบของ กกต. นี้จึงขัดต่อหลักการสำคัญของประชาธิปไตยคือสิทธิเสรีภาพของประชาชน และหลักการที่สำคัญคือ “สมาชิกวุฒิสภาต้องเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย” แต่จะเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับพวกคุณเลย
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02whuKv3dEvcHM4oTMtGPBRHmJcfoB4J7bG6P2JcvG1VikZMtQCVjP7EYMDmv6kcGMl
JJNY : เพจดังเปิดภาพมื้ออาหารทหารเกณฑ์│วิกฤตหนักคาบสมุทรสทิงพระ│"จาตุรนต์"อัดระเบียบ"กกต."│มาครงยังไม่ล้มความคิดส่งทหาร
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8214335
ชีวิตผู้น้อย เพจดัง เปิดภาพ มื้ออาหาร ทหารเกณฑ์ เน้นข้าว ไม่เน้นกับ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชาวเน็ตถามจะอิ่มมั้ย?
ยังเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่อง อาหารของทหารเกณฑ์ ซึ่งมีหลายๆต่อหลายครั้งที่สังคมออนไลน์ นำเรื่องราวมาเปิดเผยว่า ทหารได้รับประทานอาหารที่น้อยจนเกินไป ไม่เหมาะสม
แม้ช่วงหลังจะพบการประชาสัมพันธ์มื้ออาหารของทหารเกณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ก็ยังถูกตั้งคำถามว่าทหารได้รับประทานอาหารแบบนี้ทุกมื้อหรือไม่
ล่าสุด เพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน นำภาพมื้ออหารของทหารมาโพสต์ ซึ่งพบว่า ได้กับข้าวเพียงน้อยนิด ไม่เหมาะสมกับปริมาณข้าวที่มีอยู่เต็มจาน โดยเพจ เขียนระบุว่า เน้นข้าว ไม่เน้นกับ
อาหารของทหารเกณฑ์ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ใน อ.กำแพงแสน นครปฐม ข้าวเน้นแน่น แต่กับข้าวมีน้อยเดียว สภาพเป็นแบบนี้แทบทุกวัน
ซึ่งหลังโพสต์มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า อาหารเพียงเท่านี้จะทำให้ทหารกินอิ่มหรือไม่ บางรายโพสต์ว่าเป็นเรื่องปกติ จะได้กินดียกเว้นวันที่นายมา
https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/pfbid02HSRfBE9Vfo1ScCqoP43LR1oTBBLcU4rnGVBGn9fjQeEXALqs863hGcZ6t664VwcRl
วิกฤตหนัก ในรอบ 50 ปี คาบสมุทรสทิงพระ ขาดแคลนน้ำ ชาวบ้านเดือดร้อน ฝนทิ้งช่วงยาว-น้ำทะเลสาบเค็ม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8214216
สงขลา วิกฤตหนักในรอบ 50 ปี คาบสมุทรสทิงพระ ฝนทิ้งช่วงยาว-น้ำทะเลสาบเค็ม ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค พื้นที่การเกษตรเสียหายหลายหมื่นไร่ พ่อเมือง สั่งแก้ปัญหาน้ำกินน้ำใช้อย่าให้ขาด
3 พ.ค. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ประกอบด้วย อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.ระโนด และ อ.กระแสสินธ์ พื้นที่ร้อยละ 80 ทำการเกษตร กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรอย่างหนัก ทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายหลายหมื่นไร่
สาเหตุเกิดจาก ฝนทิ้งช่วง 3-4 เดือน น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขวด น้ำในทะเลสาบสงขลาที่เคยสูบน้ำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีค่าความเค็มสูงจึงไม่สามารถสูบน้ำมาใช้หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรได้แล้งหนักในรอบ 50 ปี คลองพลเอกอาทิตย์ฯที่กักเก็บน้ำฝนกำลังขุดลอกอยู่
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก แจ้งว่า สถานการณ์ฝนในพื้นที่ จ.สงขลา ลักษณะของลมช่วงนี้ เป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ ที่พัดเข้ามาปกคลุม โอกาสที่จะเกิดฝน โดยเฉพาะ 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ ตั้งแต่ ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-8 พ.ค. 67 และจะกระจายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย หลังจากนั้นจะลดลง และฝนจะตกอีกครั้งประมาณวันที่ 14-16 พ.ค. 67 คาดว่า เพียงพอที่จะบรรเทาการขาดแคลนน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรของพี่น้องประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ตามที่ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้สั่งการให้ดำเนินการประเมิน สำรวจสถานการณ์ และวิธีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร พบว่า น้ำในลำคลองลดลงอย่างมากจนน้ำแห้ง ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร ซึ่งไม่สามารถสูบน้ำจากคลองในพื้นที่ได้เนื่องจากมีปริมาณค่าน้ำเค็มสูง
ในส่วนคลองพลเอกอาทิตย์ ซึ่งเป็นคลองสายหลักสำหรับใช้ในการเกษตรของพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ประสบปัญหาการเส้นทางน้ำไหล เนื่องจากอยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนประกอบกับมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ได้ประสานไปยังสำนักงานชลประทานที่ 16 ดำเนินการขุดลอกแล้ว ปรากฎว่า มีน้ำไหลบางส่วน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการทำภาคเกษตรของประชาชนที่ต้องใช้น้ำค่อนข้างมาก
โดยที่ประชุมได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือ และได้มอบหมายให้สำนักงานชลประทานที่ 16 เร่งขุดคูระบายน้ำ เพื่อเปิดเส้นทางน้ำสู่คลองพลเอกอาทิตย์ให้เพียงพอต่อในการใช้น้ำเพื่อการเกษตรของพี่น้องเกษตรกร พร้อมนำเครื่องสูบน้ำเพื่อเติมน้ำให้เพียงพอต่อการใช้สำหรับการทำเกษตร ได้แจ้งนายอำเภอประสานไปยังพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือให้ใช้น้ำตามความจำเป็นเพื่อจะได้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมนึก เน้นย้ำว่า น้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนต้องอย่าให้ขาด ส่วนน้ำสำหรับใช้เพื่อการเกษตร หากหมดต้องเอาน้ำจากที่อื่นไปเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้เร็วที่สุด
"จาตุรนต์" อัดระเบียบ "กกต." ทำให้เลือก " สว." แย่ยิ่งกว่าจับฉลาก
https://siamrath.co.th/n/533405
วันที่ 3 พ.ค.67 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า...
ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่ออกมาเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา มีปัญหาอย่างมากทั้งไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา แต่ยิ่งไปกว่านั้นไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะจงใจปิดกั้นและจำกัดสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่าย ทั้งผู้สมัคร ผู้ที่จะช่วยเหลือผู้สมัคร ประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีส่วนร่วม รวมไปถึงสื่อมวลชน
ขัดต่อ “พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา” ได้แก่
➝ในมาตรา 21 ระบุว่า “ให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับอำเภอต้องประกาศรายชื่อผู้สมัครที่อย่างน้อยต้องระบุอาชีพและอายุของผู้สมัครให้ประชาชนทราบโดยทั่วไป…” จะเห็นเลยว่าเจตนาของกฎหมายต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร แต่ระเบียบกลับห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบ
➝ในมาตรา 37 และมาตรา 38 ที่กฎหมายจะระบุชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ไปหาเสียงกันในวันเลือกตั้ง แต่ตอนที่จะแนะนำตัวก่อนถึงช่วงเลือกนั้นได้ระบุไว้ในมาตรา 36 ว่า “ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด…” จะเห็นว่าในมาตรานี้ไม่ได้ระบุว่าห้ามทำสิ่งใดเหมือนในมาตรา37และ38 แต่ กกต.กลับออกระเบียบห้ามสารพัดจึงถือว่าการออกระเบียบนี้เกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้
ขัด “รัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย” ได้แก่
➝มาตรา 114 “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย…” : ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะหลักประชาธิปไตยถือว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ระเบียบกลับออกมาไม่ให้ประชาชนรับรู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
➝ สิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน โดยดูจากระเบียบ ข้อ 11 ที่จงใจไม่ให้สื่อมวลชนมาทำหน้าที่ แม้ไม่ได้ห้ามสื่อมวลชนโดยตรงเพราะในรัฐธรรมนูญจะถือว่าไปจำกัดการทำหน้าที่ของสื่อ แต่กกต.ไปพลิกแพลงห้ามผู้สมัครหรือผู้ช่วยผู้สมัครไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อแทน รวมถึงห้ามแจกใบปลิว ห้ามติดป้ายประกาศ ห้ามลงสื่อออนไลน์ จึงเป็นการเลือกตั้งที่แปลกประหลาดมากที่ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆทั้งสิ้น แต่จำกัดข้อมูลอยู่แต่ผู้สมัครด้วยกัน ก็หมายความว่าผู้สมัครจะต้องส่งไลน์หรือสร้างไลน์กลุ่มขึ้นมาส่งประวัติเท่านั้น
ทั้งนี้ในระบบกติกาแบบนี้ต้องการให้สว.เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ แต่วิธีการเลือกแบบไขว้คือผู้ที่จะเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพที่ได้รับเลือกในขั้นตอนสุดท้ายจะมาจากการเลือกของผู้ที่อยู่ในอาชีพอื่นเป็นหลัก ดังนั้นการเลือกคนในกลุ่มอาชีพใดกลุ่มอาชีพหนึ่งนี้โดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย แล้วประชาชนก็ไม่ได้มามีส่วนเกี่ยวข้องเลย ก็หมายความว่าจะไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าผู้ที่ได้รับเลือกมีความเหมาะสมจะเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพได้จริง
การทำแบบนี้จะทำให้การเลือกตั้งแย่กว่าการจับฉลาก มันจะเลวร้ายกว่ามาก เพราะแทนที่ กกต.จะไปให้ความสำคัญ กับการป้องกันการทุจริต เช่น คนมีอำนาจ คนมีเครือข่าย คนมีเงินมากๆจะได้เปรียบมาก ที่สามารถจะจ้างคนจำนวนมากๆไปสมัคร แต่ กกต.กลับไม่เน้นเรื่องนี้
ที่แย่ไปกว่านั้น กกต.ไม่เข้าใจเลยว่าว่าการป้องกันการทุจริตเหล่านี้ที่ดีที่สุด คือการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนให้มากที่สุด ประชาชนถึงจะช่วยป้องกัน ช่วยกันตรวจสอบ เพราะฉะนั้นการแนะนำการเชิญชวน ให้มีการมาสมัครกันมากๆก็ดี การให้ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชนให้มากๆก็ดี หรือการให้ผู้ที่สมัครหรือผู้ช่วยผู้สมัครสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องควรห้ามแต่เป็นเรื่องควรส่งเสริมอย่างจริงจัง
เปรียบเทียบได้จากเงื่อนไขการเลือกตั้งสส. ที่ห้ามจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะให้ ห้ามจัดมหรสพ หรือการข่มขู่ แต่สามารถจูงใจได้ถ้าทำโดยสุจริต ทั้งจูงใจให้ไปเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งจูงใจให้ไปเลือกผู้สมัครแต่ละคน ซึ่งตรงข้ามกับกฎระเบียบการเลือก สว. ที่ห้ามไม่ให้จูงใจให้คนไปสมัคร และห้ามไม่ให้ข้อมูลแก่ประชาชน และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้สมัครเป็นที่ยอมรับของคนในอาชีพนั้นหรือไม่ ผู้สมัครมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับป้องกันการไปทุจริตคอรัปชั่น มีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลให้ได้องค์กรอิสระ หรือเวลาจะรับรอง ประธานตุลาการ ศาลปกครอง อัยการ การไปทำหน้าที่สำคัญทั้งหลายเหล่านี้คนที่ไปสมัครมีความคิดอย่างไร จึงจะไม่มีใครรู้
ดังนั้นระเบียบของ กกต. นี้จึงขัดต่อหลักการสำคัญของประชาธิปไตยคือสิทธิเสรีภาพของประชาชน และหลักการที่สำคัญคือ “สมาชิกวุฒิสภาต้องเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย” แต่จะเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับพวกคุณเลย
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/pfbid02whuKv3dEvcHM4oTMtGPBRHmJcfoB4J7bG6P2JcvG1VikZMtQCVjP7EYMDmv6kcGMl