.

 .

อีกเพียง 3 วัน ก็จะถึงวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา บรรยากาศของการหาเสียงผู้สมัครต่างก็เร่งฝีเท้า ลงพื้นที่ให้ครบทั้ง 98 ชุมชนรวมทั้งใช้กลยุทธหาเสียงผ่านโชเชียลและรถแห่

 .

โดยแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้สมัครนายกเทศมนตรี หมายเลข 2 และผู้สมัคร สท.หมายเลข 7-12 จากกลุ่มโคราชชาติพัฒนาได้ไปเดินพบปะ พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่าย ซื้อของที่ตลาดประตูผี เขตเทศบาลฯ มีการแจกแผ่นพับชูนโยบาย”โคราชเมืองมหานครแห่งโอกาสและอนาคต” โดยจะเร่งแก้ไขปัญหาระบบน้ำประปาให้สะอาดและไม่ขาดแคลน ป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำเสีย ขยะจะต้องไม่ตกค้างและได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีไม่มีมลภาวะ เร่งรัดโครงการขนส่งมวลชนสาธารณะ โคราชต้องเป็นเมืองอัจฉริยะและทันสมัย ตลอดจนขยายให้บริการสุขภาพถึงบ้าน

 .

ด้านนายพงษ์ยุทธ สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีหมายเลข 1 และผู้สมัคร สท.หมายเลข 1-6 จากพรรคประชาชน ได้ไปยืนหาเสียงผ่านโทรโข่ง ที่แยกไอทีพลาซ่า พร้อมชูนโยบาย คุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจดี และสิ่งแวดล้อมดี พร้อมยืนยันว่าถ้าชาวโคราชเลือกผู้สมัครพรรคประชาชนเข้าไปบริหารเทศบาลงบทุกบาท ทุกสตางค์จะต้องถึงมือประชาชนไม่มีระบบเงินทอนอย่างแน่นอน โดยสิ่งแรกที่จะเร่งคือปัญหาน้ำประปาที่ขาดแคลน ไหลอ่อน และท่อแตกรายวันต้องหมดไป

 .

นายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครนายกเทศมนตรีหมายเลข 3 จากกลุ่มพัฒนาเมืองโคราช ได้ขึ้นรถสองแถวหาเสียงกับประชาชนที่ใช้รถสาธารณะในการสัญจรไปมา โดยชูนโยบาย การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมภายเขตเทศบาลจะต้องเริ่มทันทีและทำให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน การทำงานจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกโครงการ

ความคืบหน้าคดีฮั้วเลือก สว. หลัง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนกรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันด์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ร่วมกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. มีการสอบสวนรวบรวมพยานเหลักฐานและสอบคำให้การพยาน เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน

.

ล่าสุดวันนี้ (7 พฤษภาคม) มีรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธาน เตรียมออกหนังสือเรียก สว. ล็อตแรก ประมาณ 60 คน ให้ทยอยเข้ารับทราบข้อหา และนำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา การกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561

.

ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นล็อตที่ 2 อย่างไรก็ตาม การสืบสวนและไต่สวนของ กกต. แตกต่างจากการดำเนินคดีอาญาของดีเอสไอ ซึ่งจะเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อมีพยานหลักฐานที่รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย ขณะที่ กกต. จะเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เมื่อปรากฎพยานหลักฐานน่าเชื่อว่ามีการกระทำที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง หรือการได้มาซึ่ง สว.

.

ล่าสุดมีเสียงลือสะพัดว่าบรรดา 138 สว. พูดกันว่ามีการเคลียร์กันแล้ว  หลังรู้ตัวว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะถูกเจ้าหน้าที่ กกต.เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561

อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต. และดีเอสไอ รวม 7 ราย ได้ดำเนินการเก็บพยานหลักฐานสำคัญเข้มข้นมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดรอบคอบ ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำให้การของพยานและหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์

.

ดังนั้น กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว. ล็อตแรกจำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สว.คนดัง ตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ประกอบด้วย
มาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77

รายงานข่าว ระบุว่า บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็นสว.โดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือ มาโดยการฮั้ว ซึ่งกระบวนการหลังจากนั้น วุฒิสภาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต. เป็นระบบไต่สวน

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชนให้มีความเข้มงวดเส้นทางเข้าออกพรมแดนไทย-มาเลเซีย ป้องกันการแอบแฝงเดินทางเข้ามาพร้อมสิ่งผิดกฎหมายของกลุ่มผู้ไม่หวังดีและในย่านชุมชน รวมทั้งการเข้าตรวจจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ทุกกรณีให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหลังกลุ่มก่อความไม่สงบปรับแผนหลอกล่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุแล้วกดระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

.

ขณะเดียวกันมีรายงานจากหน่วยข่าวชุดติดตามความเคลื่อนไหว เปิดเผยว่า มีรายงานจากแหล่งข่าวพบการเตรียมก่อเหตุในการวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ อ.เมืองยะลา ประกอบกับสถานการณ์ด้านการข่าวกลุ่มผู้ก่อการร้ายชำนาญการประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาเคลื่อนไหว พบปะกับเครือข่ายในพื้นที่บ่อยครั้ง พร้อมทั้งขนย้ายอาวุธและวัตถุระเบิดเข้ามาพักคอยเพื่อเตรียมใช้ก่อเหตุ คาดว่าอาจมีการเตรียมไว้เพื่อประกอบกับรถจยย.พ่วงข้าง (โชเล่ย์บอมบ์) เฝ้าระวังสถานที่ที่มีการรวมตัวของเจ้าหน้าที่ เช่น อาคารพักอาศัยทางราชการ พื้นที่รวมพลก่อนออกปฏิบัติภารกิจ หรือชุมชน สถานที่การจัดกิจกรรมของประชาชน เช่น ตลาดเดินเท้า ย่านเศรษฐกิจการค้า การจัดกิจกรรมทางศาสนา เพ่งเล็งในพื้นที่ ต.ลำใหม่, ต.ยุโป, ต.หน้าถ้ำ, ต.สะเตง, ต.สะเตงนอก และตลาดเดินเท้าในเขตเทศบาลนครยะลา เช่น ตลาดพิมลชัย ตลาดหลังโอเชี่ยน โดยมีปัจจัยเร่งเพื่อตอบโต้กรณีการลอบยิงอุสตาซ และจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดห้วงที่ผ่านมา ห้วงเฝ้าระวังตั้งแต่ 5-14 พ.ค. 68