ผลกระทบจากการใช้กฎหมายการศึกษา 2545: ปี 2568 ลำดับ 107 ต่ำกว่าลาว เนื่องจากเหลื่อมล้ำสูง ด้อยคุณภาพ และไม่ฟรีจริง

ผลกระทบจากการใช้กฎหมายการศึกษา 2545: ปี 2568 ลำดับ 107 ต่ำกว่าลาว เนื่องจากเหลื่อมล้ำสูง ด้อยคุณภาพ และไม่ฟรีจริง ๆ

1. เพิ่มความซับซ้อนในการบริหาร

การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายการศึกษา 2545 ทำให้ระบบการศึกษาต้องปรับตัวตามนโยบายใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาระในการบริหารและความไม่แน่นอนในระยะยาว การต้องรับมือกับการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งอาจส่งผลให้กระบวนการพัฒนาไม่มั่นคงและเกิดความไม่เสถียรในระบบการศึกษา
หาก ระบบการอภิวัฒน์การศึกษา 2538 ยังคงดำเนินต่อไป ระบบการศึกษาจะสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างมั่นคงและไม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน ส่งผลให้ระบบการศึกษามีความเสถียรและมีการพัฒนาที่ยั่งยืน


2. การรวบรวมงบประมาณและรวบอำนาจ

กฎหมายการศึกษา 2545 ทำให้กระบวนการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลมีการรวมศูนย์มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้บางพื้นที่หรือบางภูมิภาคไม่สามารถเข้าถึงงบประมาณหรือทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนาการศึกษาได้อย่างทั่วถึง
หาก ระบบการอภิวัฒน์การศึกษา 2538 ยังคงดำเนินต่อไป จะสามารถรักษาความยืดหยุ่นในการจัดสรรงบประมาณไปยังพื้นที่ที่ต้องการการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาการรวบอำนาจในศูนย์กลางมากเกินไป ซึ่งจะทำให้การพัฒนาการศึกษาสามารถกระจายไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด

3. ลดสิทธิ์การศึกษาพื้นฐาน (แค่ ม.ต้น)

การที่กฎหมายการศึกษา 2545 อาจนับอนุบาลเป็นการศึกษาแทนการศึกษาขั้นพื้นฐานบางกรณี จะทำให้เด็กในหลายพื้นที่ที่ยังขาดแคลนโอกาสในการศึกษามีการเข้าถึงการศึกษาที่น้อยลง
หากยังคงใช้ ระบบการอภิวัฒน์การศึกษา 2538 สิทธิในการศึกษาของเด็กจะได้รับการขยายอย่างครบถ้วนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับม.ต้น โดยไม่มีการจำกัดแค่ในช่วงม.ต้น และมุ่งเน้นการให้โอกาสการศึกษาแก่เด็กทุกคนอย่างแท้จริง

สรุป

หาก ระบบการอภิวัฒน์การศึกษา 2538 ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกขัดขวางหรือเปลี่ยนแปลงโดยกฎหมายการศึกษา 2545 ผลกระทบในระยะยาวจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประชาชนไทยสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงานและมีโอกาสในการเข้าถึงรายได้ที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนาการศึกษาในลักษณะนี้จะช่วยลดปัญหาความยากจน โดยการเสริมสร้างทักษะการทำงานและการเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายประชานิยมจากรัฐบาลใด ๆ


ใช้ข้อมูล จริงจากสำนักงานสถิติเเห่งชาติ(คำนวนด้วย ECONOMETRICS  สำหรับ ปี 2548




การอภิวัฒน์การศึกษา 2538: ความสำเร็จรูปธรรมของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 และรัฐธรรมนูญ 2540 ภายใต้กรอบ “Sukavichinomics”

1. ความสำเร็จเชิงรูปธรรมของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2539–2544)

ภายใต้กรอบแนวคิด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”

ประเทศไทยสามารถจัดบริการการศึกษาครอบคลุมเด็กและเยาวชนทุกคนที่มีอายุ 3–17 ปี จำนวน 16.68 ล้านคน ภายในเวลาเพียง 25 เดือน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ ได้แก่:

ปรับปรุงโรงเรียน จำนวน 29,845 โรง
สร้าง/ซ่อมแซมอาคารเรียน จำนวน 38,112 หลัง
อาคารอเนกประสงค์ จำนวน 12,227 หลัง
ห้องน้ำสุขลักษณะ จำนวน 11,257 หลัง

ยกระดับโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กทุกคน 16.68 ล้านคน ด้วยบริการ ครบวงจร ได้แก่:

เรียนฟรีจริง (ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง)
อาหารกลางวัน
อุปกรณ์การเรียนครบครัน
รถรับส่งนักเรียนหรือค่าพาหนะ


2. ความเชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 2540

ผู้ปกครองและประชาชนจำนวนมหาศาลที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการอภิวัฒน์การศึกษา กลายเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการผลักดัน รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ. 2540
ช่วงเวลา 11 เดือน ของวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย (Asian Financial Crisis) ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางสังคม นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญที่เปิดกว้างและมีการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สิทธิในการศึกษาได้รับการรับรองตามกฎหมายสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรก ได้แก่:

มาตรา 43: รับรองสิทธิของเด็กในการได้รับการศึกษา ไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
มาตรา 80: รัฐต้องจัดบริการพัฒนาเด็กตั้งแต่ ก่อนวัยเรียน (ตั้งแต่เกิดหรืออายุ 3–5 ปี) อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง

สรุป

การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ. 2538 ด้วย แผนแม่บทนโยบายปฏิรูปการศึกษายุคโลกาภิวัตน์ 2538 :“เพื่อเตรียมพร้อมพลเมืองไทยสำหรับศตวรรษที่ 21”
เป็น การปฏิรูปการศึกษาเชิงปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ไทย
และยังเป็นแรงผลักดันสำคัญทางสังคมที่นำไปสู่


การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
การบัญญัติสิทธิพื้นฐานด้านการศึกษาไว้ในรัฐธรรมนูญ
การสร้างรากฐานที่มั่นคงที่สุดในการจัดการศึกษาของประเทศ ผ่านระบบ 12+3 ปี (เรียนฟรีตั้งแต่อนุบาลถึง ม.6) อย่างเป็นระบบและเป็นธรรม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่