ข้อมูลจาก UNESCO ออสเตรเลีย ปี 1995 แสดงให้เห็นว่า สถานะทางการศึกษาของประเทศไทยก่อนการอภิวัฒน์การศึกษา 2538 อยู่ในระดับต่ำมาก การศึกษาในประเทศยังคงประสบปัญหาในการเข้าถึงและคุณภาพ โดยประชากรส่วนใหญ่ยังไม่มีการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาทักษะแรงงาน และทำให้เกิดปัญหาความยากจนและการขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
สถานะการศึกษาของประชากรไทยในปี 1995:
79.1% ไม่มีการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ
8.0% เรียนถึงระดับมัธยมต้น
3.3% เรียนถึงระดับมัธยมปลาย
3.2% เรียนในระดับอาชีวะ
6.4% มีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า
ผลกระทบจากข้อมูลการศึกษา:
การศึกษาต่ำกว่าระดับประถม (79.1%): การขาดการศึกษาขั้นพื้นฐานทำให้ประชากรจำนวนมากขาดทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพและการมีรายได้ที่ยั่งยืน
การศึกษาระดับมัธยมต้นและปลาย (8% และ 3.3%): จำนวนที่สามารถศึกษาต่อในระดับมัธยมต่ำสะท้อนถึงปัญหาโครงสร้างระบบการศึกษาที่ไม่สามารถรองรับเด็กและเยาวชนให้เรียนต่อจนจบการศึกษาได้
การศึกษาระดับอาชีวะ (3.2%): ตัวเลขนี้บ่งชี้ถึงการขาดการพัฒนาทักษะเฉพาะทางในสาขาวิชาชีพที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน
การศึกษาระดับปริญญาตรี (6.4%): ขาดบุคลากรที่มีการศึกษาสูงเพียงพอในการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
การอภิวัฒน์การศึกษา 2538 โดยคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและผลักดันการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ โดยมีการดำเนินการหลายด้านเพื่อยกระดับการศึกษาในประเทศไทย:
การจัดการเรียนฟรี 15 ปี: ทุกคนตั้งแต่ 3-17 ปี จะได้รับการศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้การเข้าถึงการศึกษามีความเท่าเทียมมากขึ้น
การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการศึกษา: สร้างโรงเรียนใหม่, อาคารเรียน, และห้องน้ำที่ถูกสุขอนามัย
การขยายโอกาสการศึกษานอกระบบ: การศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่ได้รับการบริการจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะจากครอบครัวเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ห่างไกล
การพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน: การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย เช่น การเพิ่มวิชาคอมพิวเตอร์และภาษาอังกฤษ รวมถึงการเน้นการพัฒนาทักษะวิชาชีพ
การขยายการศึกษาด้านอาชีวะ: เพิ่มศูนย์อาชีวศึกษา 278 แห่ง และส่งเสริมการเรียนสายอาชีวะเพื่อรองรับแรงงานฝีมือ
ผลลัพธ์หลังการอภิวัฒน์การศึกษา 2538:
อัตราการเข้าเรียนระดับมัธยมปลาย: เพิ่มขึ้นจาก 3.3% เป็นกว่า 50% ภายในทศวรรษ
อัตราการเข้าเรียนระดับปริญญาตรี: เพิ่มขึ้นจาก 6.4% เป็น 20%
การศึกษาสายอาชีวะ: ได้รับการพัฒนาเป็นเสาหลักในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ช่วยให้คุณภาพการศึกษาโดยรวมดีขึ้น
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม:
การลงทุนในการศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการศึกษาไม่เพียงแค่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มี รายได้เพิ่มขึ้น 46% ระหว่างปี 2538-2543/1996 ถึง 2000 แม้ว่าจะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งก็ตาม
การปฏิรูปการศึกษายังช่วยลดความยากจนจาก 21.3% เป็น 11.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาการศึกษาและการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสรุป:
การอภิวัฒน์การศึกษา 2538 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในระบบการศึกษาของประเทศไทย ทำให้การศึกษาเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการศึกษาและการพัฒนาทักษะของประชากรในทุกระดับ.
การอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538 เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ด้วยการบริการ การศึกษาทุกคน เท่าเทียม ทั่วถึง ทั่วไทย