“เลห์ ลาดักห์”
สวยสมคำร่ำลือ จะเที่ยวทั้งที ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
🚥
ผมเดินทางช่วงสงกรานต์ของปี 2567 ก่อนไป...คิดว่า ทริปนี้ถือเป็นทริปที่สบายสุดในรอบหลายปีก็ว่าได้ เพราะโปรแกรมและโรงแรมก็มีคนจัดการให้ ไม่ต้องขับรถเองด้วย ชิลๆ 🥴 มาดูข้อมูลก่อนเดินทางกันก่อน
🍌 ที่เราเรียกว่ามาเที่ยว “เลห์ ลาดักห์” จริงๆ แล้วคือเที่ยว “แคว้นลาดักห์” (แปลว่า ดินแดนแห่งขุนเขา) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ Jammu and Kashmir ซึ่งมีเมืองหลวงของแคว้นคือ “เมือง เลห์”
🍌 มีรากฐานทางวัฒนธรรมจากทิเบต ประชาชนที่นี่จะหน้าตาไม่เหมือนกับชาวอินเดียทั่วไปที่เราคุ้นเคยกัน จะคล้ายๆ กับชาวทิเบตมากกว่า รวมไปถึงศาสนสถานต่างๆ ด้วย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ อัธยาศัยดี เป็นมิตร
🍌 อาหารเน้นผักและแป้ง เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่จะเป็นไก่และแกะ
🍌 เที่ยวในลาดักห์ (นอกเมืองเลห์) ต้องขอ permit (ไปทำเรื่องขอที่นู่น) เนื่องจากยังอยู่ในโซนที่มีความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน เขาจะมีจุดตรวจใบ permit เป็นระยะๆ ซึ่งถ้าไปเที่ยวเองต้องไปยื่นเรื่องที่เลห์เลย และรออย่างน้อยๆ ก็ครึ่งวัน (บางทีก็ต้องรับวันรุ่งขึ้น และดูรีวิวบางท่านบอกว่าถ้าเดินทางคนเดียวก็ขอ permit ไม่ได้) คนวันลาน้อยอย่างพวกเรา คงไม่สะดวกนัก ปล. จะเห็นว่าระหว่างทางมีค่ายทหารเยอะมาก และห้ามถ่ายรูป‼️ ค่ายทหาร/ทหาร/พาหนะทางการทหาร นะครับ
🍌 การเดินทางด้วยตัวเองก็ไม่สะดวกสบายนัก เพราะรถโดยสารที่จะไปบางที่ก็ไม่ได้มีทุกวัน และมีไม่กี่รอบ คงต้องมีเวลาเป็นสิบวันถึงจะเที่ยวได้หมด (แล้วก็เหนื่อยมาก) ดังนั้น สิ่งที่คนนิยมกันมากที่สุดคือ หา local tour พาไป (ถ้าเดินทางเอง ที่นี่ก็เป็นที่ยอดนิยมของคนรักการเดินทางด้วยบิ๊กไบค์ ก็เป็นทางเลือกนึงสำหรับคนที่ชื่นชอบครับ)
🍌 Local tour ก็มีหลากหลายครับ ไปหาที่นั่น หรือหาจากไทยไปก่อน ตกลงราคา สถานที่ โรงแรม แค่บินไปให้ถึงก็เริ่มทริปได้ ทัวร์จากเมืองไทยส่วนใหญ่ก็ดีลกับ local tour อีกทีครับ
🍌 ผมเลือกใช้บริการของ #LuckyteaminLadakh (
https://www.facebook.com/luckyteaminladakh ) การันตีว่าไม่ผิดหวังครับ คุณหนิงเจ้าของฝั่งไทยดูแลและให้คำปรึกษาได้อย่างดีมากครับ (ราคาทัวร์ = private tour, รถพร้อมคนขับ, ค่าโรงแรม, อาหารเช้าเย็น และความสะดวกอีกมากมาย คุ้มไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว) เราแค่ทำวีซ่าและกดซื้อตั๋วเครื่องบินแค่นั้น คนขับของเรา (Kesung) ก็บริการประทับใจและเอาใจใส่มาก ๆ ครับ เลือกทีม (ทัวร์) ดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ
🍌 ไฟลท์บิน ✈️ กรุงเทพ-เดลี (BKK-DEL) และต่อ เดลี-เลห์ (DEL-IXL) สายการบินจากเดลีไปเลห์ มี Air India (full service), Vistara (full service), Indigo, SpiceJet ฯลฯ จองได้ตามสะดวก แต่ให้ตรวจสอบเรื่องน้ำหนักกระเป๋าและ terminal ที่ลง (ถ้าให้ดีก็ terminal 3 ทั้ง 2 ขาจะสะดวกไม่ต้องเปลี่ยน terminal ครับ เพราะได้ยินมาว่าไกลและค่อนข้างเสียเวลา) **ของ Air india แนะนำจองประมาณไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทางครับเพราะราคาจะลงเยอะ ลองเช็คราคาดูทุกๆ วัน
🌸
ขาไปเลห์ นั่งฝั่งซ้าย ถ้านั่ง Air India (เครื่อง Airbus A320) แนะนำเลือกโซนหน้าก่อนแถว 9 (มักเสียเงิน) และโซนหลังแถวที่ 20 เป็นต้นไป (มักจะฟรี) จะถ่ายไม่ค่อยติดปีกเครื่องบิน (เช็ค seat map ของชนิดเครื่องบินด้วยครับ)
🍌 ที่พัก 🛖 Luckyteam หาให้หมดครับ 😋 สบายยย การันตี ดีทุกโรงแรม 🏨 รูปด้านล่างเป็นวิวจากหน้าต่างที่พักที่ Pangong Lake ตอนกลางคืน เดินจากหน้าห้องไม่ถึง 10 ก้าว ก็จับช้างได้หนึ่งเชือก
Nubra Valley (ประหนึ่ง รร. ห้าดาว วิวสิบดาว)
🍌 ช่วงเวลาเที่ยว 🏔️ หาข้อมูลไปมา สรุปว่าน่าเที่ยวทั้งปี 😂 แล้วแต่ว่าชอบวิวแบบไหน แต่แนะนำช่วง เม.ย.-ส.ค. (เริ่มหมดหนาว ดอกไม้ใบไม้เริ่มมา) ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีก็น่าจะช่วง ก.ย.-ต.ค. ครับ ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงสงกรานต์ จะเป็นรอยต่อของหน้าหนาวกะร้อน ก็จะเริ่มมีดอกไม้ (apricot) บานบ้างแล้วให้อารมณ์คล้าย cherry blossom ที่ญี่ปุ่น ผสมผสานกับวิวเทือกเขาแปลกตา แต่ก็ยังมีหิมะหลงเหลือบางพื้นที่ ผสมผสานกับวิวเทือกเขาแปลกตา มันสวยมากครับ อากาศหนาวถึงหนาวมากๆ ขึ้นกับความสูงที่ไป
🌸
วิวกลางเดือนเมษาปลายหนาว มีดอกไม้ น้ำในทะเลสาบยังมีน้ำแข็งเป็นบางส่วน (สวยสุดๆ)
วิวเทือกเขา มีให้ได้ว้าวกันตลอดเส้นทาง จนหลับไม่ลง (ถ้าไม่เมารถซะก่อน)
🍌 ไปกี่วันดี 📆 แนะนำ 6-7 วัน (ไม่รวมวันเดินทาง) ครับ เพราะจะได้เก็บครบ และมีเวลาปรับตัวกับความสูงด้วย
🍌 วีซ่า 📚 ทำ eVisa ไม่ยาก วันเดียวอนุมัติเหมือนเงินติดล้อ สนนราคา 25 USD (หลังอนุมัติต้องเดินทางภายใน 30 วัน และอยู่ได้ 30 วันนับจากวันที่เข้าอินเดีย) ทำเองง่ายๆ ไปตาม 👉
https://indianvisaonline.gov.in เท่านั้นครับ‼️ (ที่เห็นในอินเตอร์เนตหลายๆ ลิงค์นั่นเป็นพวกเอเจนซี่ จะบวกค่าทำเพิ่มอีกหรือไม่ก็เป็นมิจฉาชีพ) เตรียมอัพโหลดแค่สำเนาพาสปอร์ต (PDF) และไฟล์รูปถ่าย (จตุรัส พื้นหลังขาว)
🍌 เตรียมตัวเที่ยวที่สูง 💊 ที่เลห์จะสูงประมาณ 3,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งจะมีแรงดันออกซิเจนในอากาศแค่ 66% เทียบกับที่ระดับน้ำทะเล และที่เที่ยวสูงสุดนั้นสูงถึง 4,500-5,600 เมตรเลย ทำให้มีโอกาสเกิดโรคหรือความผิดปกติจากการเที่ยวที่สูงได้ ที่เรียกว่า high-altitude sickness ซึ่งอาจมีอาการได้ตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนเป็นเยอะได้ (เช่น acute mountain sickness (AMS), น้ำท่วมปอด (high altitude pulmonary edema, HAPE) หรือสมองบวม (high altitude cerebral edema, HACE) หรือเสียชีวิตได้) แนะนำให้มีการเตรียมตัวก่อนไป โดยเฉพาะการกินยา acetazolamide (diamox) ล่วงหน้าและกินต่อเนื่องช่วงที่ยังขึ้นที่สูงสุด ที่สำคัญคือ ยังไม่มีปัจจัยใดสามารถทำนายได้ว่า “ใครจะเกิดภาวะนี้” คนที่แข็งแรงดี ออกกำลังกายตลอด ก็สามารถเป็นได้ครับ ซึ่งอาจมีปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างมาเกี่ยวข้องด้วย (อ่านเพิ่มเติม 👉
https://breathemyworld.com/2016/07/23/ยิ่งสูง-ยิ่งเหนื่อย/ ) คนมีโรคประจำตัวหรือไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์ก่อนครับ
🍌 อินเตอร์เนต 🛜 ไม่มี 4G/5G ให้ใช้ที่เลห์ ใช้ได้แค่ wifi โรงแรม ซึ่งก็ไม่ได้แรงอะไร ติดๆ หลุดๆ ส่วนที่ทะเลสาบ Pangong และ Moriri โรงแรมไม่มี wifi ครับ ตัดขาดจากโลกอินเตอร์เนตเกือบ 3 วัน 2 คืน (จริงๆ SIM local นั้นมีอยู่ครับ คนขับก็ใช้ตลอด เน็ตก็ดูแรงดี แต่นักท่องเที่ยวน่าจะใช้ไม่ได้ เหมือนจะมีข้อกำหนดหรือรอเวลา activate SIM หลายวัน เลยทำให้ไม่ได้ใช้ อันนี้ไม่แน่ใจครับ)
[CR] แล-ลาดักห์ (EP. 1 เตรียมตัว เตรียมใจ) ปักหมุดเกือบสุดขอบอินเดีย
🍌 มีรากฐานทางวัฒนธรรมจากทิเบต ประชาชนที่นี่จะหน้าตาไม่เหมือนกับชาวอินเดียทั่วไปที่เราคุ้นเคยกัน จะคล้ายๆ กับชาวทิเบตมากกว่า รวมไปถึงศาสนสถานต่างๆ ด้วย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ อัธยาศัยดี เป็นมิตร
🍌 อาหารเน้นผักและแป้ง เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่จะเป็นไก่และแกะ
🍌 เที่ยวในลาดักห์ (นอกเมืองเลห์) ต้องขอ permit (ไปทำเรื่องขอที่นู่น) เนื่องจากยังอยู่ในโซนที่มีความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน เขาจะมีจุดตรวจใบ permit เป็นระยะๆ ซึ่งถ้าไปเที่ยวเองต้องไปยื่นเรื่องที่เลห์เลย และรออย่างน้อยๆ ก็ครึ่งวัน (บางทีก็ต้องรับวันรุ่งขึ้น และดูรีวิวบางท่านบอกว่าถ้าเดินทางคนเดียวก็ขอ permit ไม่ได้) คนวันลาน้อยอย่างพวกเรา คงไม่สะดวกนัก ปล. จะเห็นว่าระหว่างทางมีค่ายทหารเยอะมาก และห้ามถ่ายรูป‼️ ค่ายทหาร/ทหาร/พาหนะทางการทหาร นะครับ
🍌 การเดินทางด้วยตัวเองก็ไม่สะดวกสบายนัก เพราะรถโดยสารที่จะไปบางที่ก็ไม่ได้มีทุกวัน และมีไม่กี่รอบ คงต้องมีเวลาเป็นสิบวันถึงจะเที่ยวได้หมด (แล้วก็เหนื่อยมาก) ดังนั้น สิ่งที่คนนิยมกันมากที่สุดคือ หา local tour พาไป (ถ้าเดินทางเอง ที่นี่ก็เป็นที่ยอดนิยมของคนรักการเดินทางด้วยบิ๊กไบค์ ก็เป็นทางเลือกนึงสำหรับคนที่ชื่นชอบครับ)
🍌 Local tour ก็มีหลากหลายครับ ไปหาที่นั่น หรือหาจากไทยไปก่อน ตกลงราคา สถานที่ โรงแรม แค่บินไปให้ถึงก็เริ่มทริปได้ ทัวร์จากเมืองไทยส่วนใหญ่ก็ดีลกับ local tour อีกทีครับ
🍌 ผมเลือกใช้บริการของ #LuckyteaminLadakh ( https://www.facebook.com/luckyteaminladakh ) การันตีว่าไม่ผิดหวังครับ คุณหนิงเจ้าของฝั่งไทยดูแลและให้คำปรึกษาได้อย่างดีมากครับ (ราคาทัวร์ = private tour, รถพร้อมคนขับ, ค่าโรงแรม, อาหารเช้าเย็น และความสะดวกอีกมากมาย คุ้มไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว) เราแค่ทำวีซ่าและกดซื้อตั๋วเครื่องบินแค่นั้น คนขับของเรา (Kesung) ก็บริการประทับใจและเอาใจใส่มาก ๆ ครับ เลือกทีม (ทัวร์) ดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ
🍌 ไฟลท์บิน ✈️ กรุงเทพ-เดลี (BKK-DEL) และต่อ เดลี-เลห์ (DEL-IXL) สายการบินจากเดลีไปเลห์ มี Air India (full service), Vistara (full service), Indigo, SpiceJet ฯลฯ จองได้ตามสะดวก แต่ให้ตรวจสอบเรื่องน้ำหนักกระเป๋าและ terminal ที่ลง (ถ้าให้ดีก็ terminal 3 ทั้ง 2 ขาจะสะดวกไม่ต้องเปลี่ยน terminal ครับ เพราะได้ยินมาว่าไกลและค่อนข้างเสียเวลา) **ของ Air india แนะนำจองประมาณไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทางครับเพราะราคาจะลงเยอะ ลองเช็คราคาดูทุกๆ วัน
🍌 วีซ่า 📚 ทำ eVisa ไม่ยาก วันเดียวอนุมัติเหมือนเงินติดล้อ สนนราคา 25 USD (หลังอนุมัติต้องเดินทางภายใน 30 วัน และอยู่ได้ 30 วันนับจากวันที่เข้าอินเดีย) ทำเองง่ายๆ ไปตาม 👉 https://indianvisaonline.gov.in เท่านั้นครับ‼️ (ที่เห็นในอินเตอร์เนตหลายๆ ลิงค์นั่นเป็นพวกเอเจนซี่ จะบวกค่าทำเพิ่มอีกหรือไม่ก็เป็นมิจฉาชีพ) เตรียมอัพโหลดแค่สำเนาพาสปอร์ต (PDF) และไฟล์รูปถ่าย (จตุรัส พื้นหลังขาว)
🍌 เตรียมตัวเที่ยวที่สูง 💊 ที่เลห์จะสูงประมาณ 3,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งจะมีแรงดันออกซิเจนในอากาศแค่ 66% เทียบกับที่ระดับน้ำทะเล และที่เที่ยวสูงสุดนั้นสูงถึง 4,500-5,600 เมตรเลย ทำให้มีโอกาสเกิดโรคหรือความผิดปกติจากการเที่ยวที่สูงได้ ที่เรียกว่า high-altitude sickness ซึ่งอาจมีอาการได้ตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนเป็นเยอะได้ (เช่น acute mountain sickness (AMS), น้ำท่วมปอด (high altitude pulmonary edema, HAPE) หรือสมองบวม (high altitude cerebral edema, HACE) หรือเสียชีวิตได้) แนะนำให้มีการเตรียมตัวก่อนไป โดยเฉพาะการกินยา acetazolamide (diamox) ล่วงหน้าและกินต่อเนื่องช่วงที่ยังขึ้นที่สูงสุด ที่สำคัญคือ ยังไม่มีปัจจัยใดสามารถทำนายได้ว่า “ใครจะเกิดภาวะนี้” คนที่แข็งแรงดี ออกกำลังกายตลอด ก็สามารถเป็นได้ครับ ซึ่งอาจมีปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างมาเกี่ยวข้องด้วย (อ่านเพิ่มเติม 👉 https://breathemyworld.com/2016/07/23/ยิ่งสูง-ยิ่งเหนื่อย/ ) คนมีโรคประจำตัวหรือไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์ก่อนครับ
🍌 อินเตอร์เนต 🛜 ไม่มี 4G/5G ให้ใช้ที่เลห์ ใช้ได้แค่ wifi โรงแรม ซึ่งก็ไม่ได้แรงอะไร ติดๆ หลุดๆ ส่วนที่ทะเลสาบ Pangong และ Moriri โรงแรมไม่มี wifi ครับ ตัดขาดจากโลกอินเตอร์เนตเกือบ 3 วัน 2 คืน (จริงๆ SIM local นั้นมีอยู่ครับ คนขับก็ใช้ตลอด เน็ตก็ดูแรงดี แต่นักท่องเที่ยวน่าจะใช้ไม่ได้ เหมือนจะมีข้อกำหนดหรือรอเวลา activate SIM หลายวัน เลยทำให้ไม่ได้ใช้ อันนี้ไม่แน่ใจครับ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้