สามียังรักเรามั้ยคะ

สวัสดีค่ะ เราเพิ่งได้postในpantipครั้งแรกเลย หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ เราเป็นเภสัช ที่ย้ายมาหลายโรงพยาบาลเพื่อให้ใกล้บ้านที่สุด เราคบกับแฟนมา7ปี เพิ่งแต่งงานได้3ปีกว่ากับรุ่นพี่เป็นหมอแต่เมีปัญหาเรื่องซึมเศร้ากับปวดท้องประจำเดือนมาก จนไต้องฉีดmorphineทุกครั้งเลยค่ะแล้วมีบางเดือนที่มา2ครั้ง ซึ่งเราคบกับแฟน7ปีนั้น แฟนก็รับรู้ดี  รู้ว่าเราฉีดยาอะไร กินยาอะไ คือเราต้องกินยาแก้ปวดที่ทำให้เสพติดบ่อยมาก จนตอนนี้เราว่าเราคงติดยาแล้วล่ะ แล้วพอแต่งงาน แฟนอยากมีลูกมาก แต่เรายังมีลูกให้ไม่ได้เพราะกินยาซึมเศร้าอยู่ กับยาแกปวด เค้าบอกว่าควรเลืกยาแก้ปวด ให้ทนปวดเอา เค้าบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเรา เราก็พยายามแล้ว แต่ทำไม่ได้ ซึ่งตอนแรกแต่งงานเราถามว่าถ้าเรามีลูกให้ไม่ได้ เธอจะทำยังไง แฟนตอบว่าก็อยู่กันแบบนี้แหล่ะ เลี้ยงสุนัขกันไป แล้วตอนแรกแกก็พยายามทำการบ้านแต่ไม่เคยสำเร็จเลย(ตอนนี้ยังว่าเราเป็นเวอร์จิ้นได้นะ55 ที่ไม่สำเร็จเพราะเราเป็นเนื้องอกที่ติดกับผนังมดลูก ถ้าจะรักษาให้หายคือ ต้องตัดมดลูกออก แล้วที่เรามีอะไรกันเค้า เราเจ็บมาก สอดใส่ไม่ได้เลย แค่สอดนิดเดียวก็เจ็บแล้ว และเค้าก็เหนื่อยง่าย พอทำแค่พยายามสอดใส่นิดเดียวแต่ใช้เวลานาน เค้าก็ไม่ทำแล้ว เป็นแบบนี้ทุกครั้ง แล้วเรา2คนก็ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนในชีวิต30นิดๆ(คือแม่เราถือเรื่องเวอร์จิ้น หัวโบราณมาก อันนี้เราไม่ได้พูดอวดว่าเราดีนะคะ มันก็แล้วแต่ละคู่กัน เราเข้าใจ)เแต่เค้าก็ยังชวนอาบน้ำด้วยกัน จูบกันหลายครั้ง เรารู้สึกดีนะ ตอนนั้นที่ทำการบ้านเค้ากับเราลืมไปว่ายังกินยาซึมเศร้าและยาแก้ปวดออยู่ แฟนเลยจะทำicsi มัดจำหมอไว้แล้วด้วย แต่มีปัญหาเรื่องยา แค่นั้นจริงๆ ซึ่งเค้าตั้งกฎว่าเลิกยาแก้ปวดได้แล้ว เธอจะกินแบบนี้ตลอดไปเหรอ ที่เค้าพูดทุกอย่าง ก็เพื่อเรานั่นแหล่ะ แต่เรายังทำไม่ได้ (ตอนนี้พยายามอยู่ ดีขึ้นนิดนึง แต่ก็ยังกิน)จนพอเราซื้อยามาเค้าเห็น เค้าก็อารมณ์เสียใส่ ซึ่งตอนนี้ทะเลาะกันบ่อย จนจะเซ็นใบหย่าแล้ว (เค้าบอกว่าถ้าเราไม่เลิกกินยาแก้ปวด เค้าจะหย่า)
    ชีวิตเค้า เค้าทำงานหนักมาก จนไม่มีเวลาให้เราเลย อยู่บ้านที่เพิ่งซื้อมา เค้าอยู่แค่วันพุธ พฤหัส ศุกร์  ทุกครั้งที่เค้าทำงานเสร็จ เค้าจะกลับบ้านไม่ต่ำกว่า3ทุ่มทุกครั้ง แต่เราก็เชื่อใจเค้าว่าเค้าไม่ได้คบกับคนอื่น เค้าไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เรามั่นใจ ส่วนวันที่เหลือเค้าไปรับjobที่ต่างหวัด ซึ่งรายได้ดีเลยหล่ะ ตอนแรกเค้าให้เงืนเดือนเราแค่3พัน ส่วนแม่เราได้7พัน ค่าน้ำ ค่าไฟ เค้าออกเองทุกอย่าง แต่พอเราอยากได้อะไร ก็อ้อนจนเค้าซื้อให้ หลังๆมาเราเลยขอขึ้นเป็น7500บาท เค้าบอกดูงบก่อน ก็ไ้ด้มา จนถึงช่วงหลังนี้เค้าไม่เคยซื้ออะไรให้เลย บอกว่าไม่มีเงิน แต่บางครั้งถ้าอ้อนหนักๆเค้าจะซื้อให้ ทั้งๆที่ภาษีที่เค้าต้องจ่ายเกือบสามแสนบาทต่อปี นั่นแสดงว่ารายได้เค้าเยอะ แต่เค้าชอบเอาเงินที่ได้มาทำประกันลดหย่อนภาษี  เค้าเคยสัญญากับเราว่าจะพาไปนอน รร เรือ marina bay sand แต่นี่แต่งมา3ปี ไม่เคยพาไปไหนเลย นอกจากประชุมตามต่างจังหวัด เราก็ได้แต่นอนอยู่ในห้อง ซึ่งนั้นเราก็พอรับได้ เพราะมันสบายกว่าที่บ้าน พอประชุมเสร็จ ก็พาเราไปเดินห้างกินข้าว
   ตั้งแต่คบกันมา7ปีตอนยังไม่แต่งงานกัน เค้าไม่เคยพาเราไปแนะนำให้พ่อแม่เค้ารู้จักเลย เราก็น้อยใจบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เป็นประเด็นที่เอามาทะเลาะ ซึ่งช่วง7ปีมานี้ มีหมอที่รู้จักเค้ามาจีบเราอีกคน ถามว่าชอบกินอะไร อยากได้อะไร แต่เราก็ไม่เคยขอ เพราะเราบอกไปแล้วว่าเรามีแฟนแล้ว แต่เค้าจีบแบบรุกหนักมาก เช่นชอบกินไข่เค็ม แกก็ซื้อมาโดยที่ไม่บอก ให้maskตอนที่covidระบาดหนัก ตอนนั้นแม่ก็ลังเลว่าจะเอาใครดี เพราะแฟนไม่มีทีท่าว่าจะมาสู่ขอเราเลย จนลุงเป็นตัวแทนของพ่อ (พ่อเสียมานานแล้ว) มาพูดว่าผู้หญิงรอนานมันเสียเปรียบนะ เหมือนดอกไม้ที่กำลังจะเหี่ยวถ้าอายุเยอะ ตอนนั้นที่พูดเราอายุ30ได้ละเค้าบอกว่าขอเรียนเฉพาะทางให้จบก่อนแล้วจะมาขอ ส่วนหมออีกคนนึงเค้ากินเหล้ามาก แต่แฟนเราไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ บูชาพระ(มีพระเป็นร้อยๆองค์) แม่บอกว่าให้รอแฟนมาขอดีกว่า เราก็โอเค ซึ่งตอนที่เค้าเรียนเฉพาะทาง ตอนนั้นเราอยากได้pandoraมาก แต่ขอเค้ายังไงเค้าบอกไม่เอา ไม่ซื้อ เราจึงบ่นใกล้วันเกิด ซื้อเองก็ได้วะ คือคู่เราพูดไม่หวานเลย จนเค้าบอก อย่าซื้อนะ เราก็งงเพราะใช้เงินตัวเอง สุดท้ายจับเซอร์ไพร้สเค้าได้ เค้าซื้อให้เราแล้ว มีอีกครั้งนึงที่ตลก คือเค้าเข้าใจเวลาขึ้นเครื่องผิด มัวแต่เลือกpandoraให้เรา (ตอนนั้นเราไม่ขอเลย)เราก็ดีใจมาก แต่เค้าตกเครื่องบิน ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่
 
      ที่เราตัดสินใจแต่งกับคนนี้เพราะเราซึ้งตอนที่เราผ่าตัดชอคโแลตซีสต์ เค้าก็ลาเรียนมาแล้วบินมาหาเราช่วยเฝ้าไข้กับแม่เรา เค้าดูแลอย่างดี ซึ่งตอนนั้นพอรู้ว่าเค้าจะมา เราดีใจมาก แม่เราจึงจองห้องสูทที่มีเตียงอีกห้องของ รพ.กรุงเทพ แล้วต่อมาเราก็ล้มจากบรรไดจนดั้งจมูกหัก เค้าบอกว่าลาไม่ได้ แต่เค้าน้ำตาไหล เราก็ประทับใจว่าเค้าเป็นห่วงเราจริงๆ
   
      ตอนคบกันมา7ปีในสถานะแฟน เราเจอเค้าแค่4ชั่วโมง ซึ่งเราพาแม่ไปด้วยตลอดแล้วแม่ก็ค่อนข้างอายุเยอะแล้ว เค้าก็ดีนะที่ไม่เคยรำคาญ พอกินข้าวเย็นเสร็จกัน3คน เราบอกแม่ว่าให้ขึ้นbtsฝั่งไหนๆ จากนั้น ก็ไปดูหนังที่ละ1,200บาท ที่นั่งเป็นคู่ ที่พารากอนหรือเอมควอเทียร์ (ตอนเป็นแฟนเปย์ให้เยอะ)เราก็ดูหนังห่มผ้าดูหนังแบบสบายใจ พอดูหนังเสร็จ เค้าก็นั่งbtsไปส่งที่พัก แค่นั้นเองกับการคบกันของเรา อ่อเค้าเคยมาเพื่อไปเที่ยวด้วยกันอีก แล้วพาแม่ไปด้วยอยู่ดี ที่เราเอาแม่ไปกับเราทุกรอบเพราะแม่มีอายุเยอะแล้วเราก็ไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียว แต่ก็โชคดีที่แฟนเข้าใจ ไม่เคยบ่น ต่อว่าอะไรเลย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจของเรา แล้วเราบอกว่าถ้าแต่งงานกันเราต้องพาแม่มาอยู่ด้วย เค้าก็โอเค ไม่เถียงหรือทะเลาะอะไร
 จนกระทั่งมาแต่งงานกัน อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่าเรากินยาแก้ปวดบ่อยทแต่พอเค้าเห็นเราซื้อยามาเค้าจะไม่สบอารมณ์ทุกทีแล้วด่าเรา ซึ่งคำด่าของแกเป็นแบบพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ค่อนข้างรุนแรง มันทำร้ายจิตใจเราที่กำลังเป็นซึมเศร้า เค้าบอกว่าถ้ารู้ว่าใช้ยาบ่อยแบบนี้เค้าไม่แต่งด้วยนะ เราก็ด่ากลับไปว่า เราก็จะไม่แต่งถ้ารู้ว่าเค้าทำงานหนัก เห็นเงินดีกว่าครอบครัว ทำประกันลดหย่อนภาษีทุกครั้ง จนอ้างว่าไม่มีเงิน ไม่เคยไปเที่ยวตามสัญญา หรือซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเหมือนหมอคู่อื่นเลย ไม่มีซักใบ มีอย่างเดียวคือซื้อแหวนcartierให้ เพราะไม่อยากให้แหวนแต่งงานตก หาย เลยซื้อให้เป็นแหวนคู่กัน(ที่จริงก็ไม่ได้เป็นแหวนคู่ซะทีเดียว เราชอบcartier แต่เค้าชอบbvlgari เลยซื้อมาต่างbrandกัน เราบอกว่าหมอคนอื่นเค้าก็เสียภาษีเหมือนกัน ยังพาลูกเมียเที่ยวต่างประเทศได้เลย แต่เค้าเป็นแบบนี้ ไม่มีเวลาให้ ไม่มีเงิน กลับบ้านดึกทุกครั้งกับรับjob คือทั้งปีมี365วัน ไม่เคยลาซักครั้ง
 
     พอช่วงหลังๆเราก็ทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย จนไปงานประชุมครั้งนี้ เราถามว่าจะหย่ากับเรามั้ยถ้าไม่มีลูก เค้าบอกว่าไม่รู้สิ ทั้งๆที่แตอนแรกตอนแต่งงานบอกว่าเลี้ยงหมาแทนก็ได้ แล้วเราก็ถามอีกว่า ยังรักเราเท่าเดืมรึป่าว เค้าก็ตอบว่าไม่รู้อีก แต่เค้าบอกว่าถ้าเค้าไม่รักคนอย่างเค้าคงไม่อยู่กับเราแล้ว ซึ่งเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยก็เพราะกินยาแก้ปวด ให้พาไปฉีดยาให้ จนสิ่งที่เราน้อยใจมากๆคือ เราขอจูบ เค้าบอกไม่เอา ปากเหม็น ต้องไปขูดหินปูนก่อน พอจะขออาบน้ำด้วยถูหลังให้เค้าบอกไม่เอา จะรีบอาบให้เสร็จๆ ทั้งๆที่แต่งงานใหม่ๆ เค้าชวนเราอาบน้ำด้วยกัน เราก็ถามว่าถ้าเราลดยาหรือไม่กินยาเลยเค้าจะกลับมาเหือนเดิมไหม เพราะตอนนี้เห็นกินยาตอนเมนมาเค้าก็สึกเซ็ง หมดอารมณ์แล้ว ตอนนี้เราจึงพยายามลดยาให้น้อยที่สุด แต่ก็ใช่ว่าถ้าเราลดยาแก้ปวด ภาวะซึมเศร้าของเราก็ไม่หายอยู่ดี เค้าบอกเลิกยาแก้ปวดเป็นผลดีต่อตัวเราเอง เค้าไม่ได้อะไรเลยนะ เค้าว่าเราจะเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตเหรอ ปล.นี้ก็ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มา2ปีแล้ว เค้าบอกถ้าท้องขึ้นมา ลูกจะได้รับยาไปด้วย เราก็บอกว่ากินยาคุมสิ เค้าบอกไม่เอา เค้าอยากได้ความชัวร์
   
   เรื่องที่เราต้องเสียสละจากข้าราชการเปลี่ยนมาเปิดร้านยาแล้วมาอยู่ที่ไกลจากบ้านมากๆ เพื่อมาอยู่กับเค้า เรารู้สึกเสียใจที่เค้าทำแบบนี้กับเรา แล้วบ้านหลังนี้ที่ซื้อ แม่เราออก5ล้านกว่าบาท(จ่ายแบบไม่ต้องกู้) ส่วนเค้าออกแค่สองล้านกว่า แล้วที่บอกว่าไม่มีเงินก็เพราะประกันกับผ่อนบ้านนี่ล่ะ มีหลายครั้งที่เราเสียน้ำตาจากคำพูด ทั้งๆที่เค้าก็รู้ว่าเราเป็นซึมเศร้า แม่เราบอกว่าให้อดทนไว้ก่อน จนมีครั้งนึงที่เค้าพูดแรงไป แม่ก็เห็นด้วย เราบอกว่าถ้าไม่มีแม่แล้วถ้าหย่าจะเอายังไงกับบ้านหลังนี้ เพราะเราเคยพูดตอนทะเลาะกันว่า หย่าได้เลย แต่เราขอให้เค้าคืนค่าบ้านที่แม่เราออกมาให้หมดภายใน3ปี(อันนี้เราไม่รู้ว่ากฎหมายทำได้ไหม) เทอจะไปกู้ยืมยังไงเราไม่สน แต่ถ้ายังบอกว่าไม่มีเงินอีก เราจะฟ้อง
 
  

    ที่เล่ามาทั้งหมดจากการเป็นแฟนกับตอนแต่งงานแล้ว เพื่อนๆคิดว่าเค้ายังรักเราอยู่หรือเปล่า เพราะสิ่งที่เรากลัวคือถ้าหย่าขึ้นมา เราต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง แม่ก็แก่ขึ้นทุกวัน เรากลัวว่าวันๆนั้นจะมาถึง เราไม่ได้เก่งที่หาเงินเก่งเหมือนแม่ ที่แม่บอกแม่แฟนว่าไปยุโรป คนละแสน ไป2ครั้ง แม่หารายได้แค่3เดือนก็ได้มาแล้ว แต่ตอนนี้แม่เลิกกิจการแล้วด้วยอายุที่มากเลยต้องประหยัดหน่อย  แต่เราไม่เข้มแข็ง และยังคิดว่ายืนด้วยตัวเองไม่ได้เหมือนแม่ที่เก่งกว่า หารายได้ส่งเสียเภสัชจนจบ แถมยังให้โอกาสเราไปฝึกงานที่สิงคโปร์3เดือน รายจ่ายสองแสนกว่า เราคิดเรื่องนี้ทีไรว่าถ้าแม่ไม่อยู่เราต้องตายแน่ๆกับความรู้สึกผิดที่เคยทำสิ่งไม่ดีให้แม่ต้องเสียใจ เราเคยบอกว่าถ้าแม่ไม่อยู่ เราจะตามแม่ไปด้วย แฟนเราบอกว่าอย่าทำอย่างนั้น 

   แต่ข้อดีเค้าก็มีเยอะนะ เช่นวันไหนวันพิเศษเช่นวันแม่ เค้าก็ตื่นแต่เช้าซื้อพวงมาลัยมาสอนให้เราด้วยไปกราบแม่เพราะตอนที่เราอยู่กับแม่2คน เราไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งมันรู้สึกดีจริง  เล่นด้วยกันเหมือนเด็กๆ สร้างเสียงหัวเราะให้กันทุกวัน(ถ้าวันไหนที่ไม่ทะเลาะ)แต่นิสัยเค้าตรงๆ เวลาใช้ทำอะไรก็ทำให้ ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้ หอมก่อนนอนทุกคืน แม่เราพึ่งพาได้ด้วย เป็นคนสบายๆ ไม่บังคับให้ทำอะไรยกเว้นเรื่องยา  แม่เราล้มแขนหักเค้าพาไป รพ.เลยไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ให้เงินเราชอปปิ้งเพิ่มถึงแม้ว่าจะไม่เยอะก็ตาม พูดตรงๆไม่เคยโกหก จริงใจปากไม่หวานแต่พูดตรงแบบคล้ายๆด่าจนทำให้กระทบจิตใจ แต่เราก็ได้ข้อคิด เค้าบอกถ้าเเค้าสามารถทำให้เราเลิกยาได้ เค้าคงทำแทนให้ไปแล้ว แล้วเค้าสอนให้เวลาเราทำผิดอะไรไปกราบขอโทษแม่ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่เคยทำเลย แต่เค้าก็บอกให้ทำ นอกจากนี้เราใช้ให้ทำอะไร ถ้าเค้าทำให้ได้เค้าก็ทำให้ ไม่เคยใช้ให้เราทำงานบ้านเช่น ซักผ้า หุงข้าว กวาดบ้าน เค้าจะจ้างแม่บ้านมาให้ ไม่เคยบังคับให้เราต้องไปเปิดร้านยาที่แกฝันว่าถ้ารุ่งๆเค้าอยากซื้อพระอีก แล้วไม่ต้องไปรับjob ไม่สบายเค้าก็บอกว่านอนนะ  หายามาให้กินเคยเสี่ยงสั่งยาแก้ปวดแบบฉีด ซึ่งเป็นคนละแผนกกัน ซึ่งมันทำไม่ได้ เค้าแสามารพึ่งพิงได้ เวลามีเค้าแล้ว เรารู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย ตอนกอดกัน หอมแก้มกันทุกคืน ไม่ว่าจะทะเลาะก็จะสลับกันขอโทษแล้วหอมกัน เวลาเราล้มในห้องน้ำ เค้าตกใจรีบเปืดประตูออกมา ตอนนั้นเราหมดสติไปพักนึง พอเราฟื้นเค้าก็รีบพาไป รพ. ตอนดึกอย่างไม่มีอิดออดาหรือตามใจเราถ้าเค้าอารมณ์ดี คอยพาเราไปหาหมอเรื่องปวดท้องเมนที่ กทม ซึ่งออกแต่เช้า กลับมาเที่ยงคืน ไม่เคยบ่นอะไรเลย

 แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมในตอนนี้คือ 
1เค้าเคยบอกว่าจะไปเรียนต่ออีก1ปีตอนช่วงแรก เราก็บอกว่าไปสิ เค้าบอกไม่เอาอ่ะเผื่อเราปวดเมนขึ้นมา เราก็รู้สึกประทับใจ แต่ล่าสุดบอกว่าปีหน้าจะไปเรียนต่อโดยไม่สนใจเรื่องเราแล้ว 
2ไม่จูบ บอกว่าให้ไปขูดหินปูนก่อน ปากเหม็น บ่ายเบี่ยงทุกครั้งๆ ทั้งๆที่ตอนแต่งงานเราก็ไม่ได้ขูดหินปูนเลย แล้วเต้าก็เป็นคนชวน
3ไม่เคยชวนอาบน้ำด้วยกันอีกเลย บ่ายเบี่ยงว่ารีบอาบรีบเสร็จ ตอนแรกแต่งงานเค้าเป็นคนขอเราอาบน้ำด้วย4ไม่มีเวลาให้กันเลย ไม่เที่ยว แต่ตอนกลางคืนเดี๋ยวมาต่อนะคะ แสดงความเห็นก่อนได้เลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่