สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผู้ชายคนนั้นเขาพร้อมมึคู่ชีวิตไหม เขาอยากได้ภรรยาคู่ชีวิต หรืออยากได้รูมเมทคะ
หารครึ่งมันใช้ได้แค่บางส่วนนะ บางส่วนก็ไม่ได้ เราเห็นพ่อแม่เราที่เลี้ยงเรากับพี่มาดีมากๆ ท่านใช้วิธีเจือจุนกันนะคะ ลูกอยากกินขนม ลูกอยู่กับพ่อ ก็พ่อจ่าย อยู่กับแม่ ก็แม่จ่าย เราไม่รู้ท่านแบ่งสัดส่วนค่ากินอยู่ น้ำไฟ ค่าเทอมเรากับพี่ยังไง แต่เราไม่เคยเห็นท่านมีปัญหาเรื่องเงินกัน และบ้านเราก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินด้วย
ถ้าเขาไม่พร้อมมีคู่ชีวิต แนะนำให้เขาไปหารูมเมทแชร์ห้องกัน รับหมามาเลี้ยงสักตัวแล้วหารค่าอาหาร ค่าหมอกันคนละครึ่งก็พอ อย่ามีเลยลูกเมียน่ะ
หารครึ่งมันใช้ได้แค่บางส่วนนะ บางส่วนก็ไม่ได้ เราเห็นพ่อแม่เราที่เลี้ยงเรากับพี่มาดีมากๆ ท่านใช้วิธีเจือจุนกันนะคะ ลูกอยากกินขนม ลูกอยู่กับพ่อ ก็พ่อจ่าย อยู่กับแม่ ก็แม่จ่าย เราไม่รู้ท่านแบ่งสัดส่วนค่ากินอยู่ น้ำไฟ ค่าเทอมเรากับพี่ยังไง แต่เราไม่เคยเห็นท่านมีปัญหาเรื่องเงินกัน และบ้านเราก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินด้วย
ถ้าเขาไม่พร้อมมีคู่ชีวิต แนะนำให้เขาไปหารูมเมทแชร์ห้องกัน รับหมามาเลี้ยงสักตัวแล้วหารค่าอาหาร ค่าหมอกันคนละครึ่งก็พอ อย่ามีเลยลูกเมียน่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
เราก็หารครึ่งกับแฟน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน จนทำงานจนแต่งงานเลยนะ ก็ทำแบบที่แฟนคุณเสนอน่ะแหล่ะ คือมีเงินกองกลาง อะไรที่ใช้จ่ายร่วมกัน ก็เอาเงินกองกลางออก เงินกองกลางเราก็เป็นคนบริหาร แต่เวลาจะใช้อะไรเราก็จะบอกแฟนก่อน เงินกองกลางตอนนั้นลงคนละ 3000 ทุกเดือน เอาไว้จ่ายค่าของใช้ประจำวัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดาวน์คอนโด ส่วนค่าผ่อนคอนโด ค่าเที่ยว คือจับหารครึ่งหมด
ส่วนเรื่องความเป็นผู้นำ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการหารครึ่ง ความเป็นผู้นำดูได้จากเวลาเจอปัญหา แล้วเขาสามารกแก้ปัญหาเชิงรุกได้โดยที่คุณไม่ต้องเป็นคนคิดต่างหาก ส่วนเรื่องเงินมันคือการบริหารจัดการเงิน ถ้าหากบริหารเงินเป็นทั้งคู่ การแยกกัน และมีกองกลางไว้จะทำให้เกิดอิสระในการใช้จ่ายเงินของทั้งสองฝ่ายมากกว่า
ปล. แฟนเรานี่แหล่ะ ตัวผู้นำขั้นเทพเลย แล้วเราก็หารครึ่งตั้งแต่สมัยคบกันตอนมหาลัย จนแต่งงานจนเราลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ตอนอายุ 39 เราก็ยังจะขอเขาหารครึ่งเลย แล้วเขาก็บอก "เมิงจะบ้าเหรอ ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ป่ะ" คู่เราถึงเพิ่งยกเลิกกองกลาง แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเราก็ยังออกเองอยู่เหมือนเดิม
ปล2. เราออกค่างานแต่งเองนะ ทั้งสินสอดไรคือเก็บเงินด้วยกัน บ้านเราสินสอดคือคืนหมด พ่อบอกบ้านมีอันจะกินแล้ว จะเอาเงินคนอื่นมาไม ส่วนงานแต่ง แฟนเราใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อน 2 แสน แล้วเอาซองจากแขกนี่แหล่ะมาจ่ายทีหลังค่ะ
ปล3. เรื่องพวกนี้อยู่ที่คุณตกลงกัน ถ้าคุณหารครึ่ีงแล้วไม่สบายใจ ก็ควรคุยกับแฟนให้เรียบร้อยก่อนแต่งค่ะ
ส่วนเรื่องความเป็นผู้นำ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการหารครึ่ง ความเป็นผู้นำดูได้จากเวลาเจอปัญหา แล้วเขาสามารกแก้ปัญหาเชิงรุกได้โดยที่คุณไม่ต้องเป็นคนคิดต่างหาก ส่วนเรื่องเงินมันคือการบริหารจัดการเงิน ถ้าหากบริหารเงินเป็นทั้งคู่ การแยกกัน และมีกองกลางไว้จะทำให้เกิดอิสระในการใช้จ่ายเงินของทั้งสองฝ่ายมากกว่า
ปล. แฟนเรานี่แหล่ะ ตัวผู้นำขั้นเทพเลย แล้วเราก็หารครึ่งตั้งแต่สมัยคบกันตอนมหาลัย จนแต่งงานจนเราลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ตอนอายุ 39 เราก็ยังจะขอเขาหารครึ่งเลย แล้วเขาก็บอก "เมิงจะบ้าเหรอ ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ป่ะ" คู่เราถึงเพิ่งยกเลิกกองกลาง แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเราก็ยังออกเองอยู่เหมือนเดิม
ปล2. เราออกค่างานแต่งเองนะ ทั้งสินสอดไรคือเก็บเงินด้วยกัน บ้านเราสินสอดคือคืนหมด พ่อบอกบ้านมีอันจะกินแล้ว จะเอาเงินคนอื่นมาไม ส่วนงานแต่ง แฟนเราใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อน 2 แสน แล้วเอาซองจากแขกนี่แหล่ะมาจ่ายทีหลังค่ะ
ปล3. เรื่องพวกนี้อยู่ที่คุณตกลงกัน ถ้าคุณหารครึ่ีงแล้วไม่สบายใจ ก็ควรคุยกับแฟนให้เรียบร้อยก่อนแต่งค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ตอนเป็นแฟนหารครึ่ง ตอนแต่งงานยังหารครึ่งกันต่อมั้ย
แต่ตอนนี้วัยที่เริ่มคิดเรื่องแต่งงานเราก็ถามเขาเกี่ยวกับค่างานแต่งว่าจะทำอย่างไร เขาตอบกลับมาว่าออกกันคนละครึ่ง หลังแต่งงานเอาเงินเดือนแบ่งเงินมาใส่กองกลางไว้ใช้จ่ายและเผื่อมีลูกเป็นค่าเทอมและทุกอย่าง
จู่ๆเราก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า เราควรไปต่อหรือไม่ดีการที่หารกันทุกอย่างแม้แต่ตอนที่เป็นสามีภรรยาทำให้เรารู้สึกเหมือนเพื่อนกันมากกว่าความรู้สึกว่าเป็นครอบครัว เราอยากได้สามีที่มีความเป็นผู้นำมากกว่านี้แต่มันก็ผูกพันธ์กันแล้วจากการที่อยู่ด้วยกันมาแทบไม่ทะเลาะกันเลย
ปล. ปกติแฟนจะเลี้ยงข้าวในวันเกิดและทั้งบ้านเราและบ้านแฟนฐานะปานกลางค่อนดี ญาติๆเราปกติฝ่ายชายออกค่าแต่งกันกันนะคะ
อยากถามว่า
เราเห็นแก่ตัวมั้ยที่เพิ่งมาคิดถึงอนาคตตอนนี้ที่อยากได้สามีที่ให้ความรู้สึกดูแลเราได้ เรากลัวว่าแต่งแล้วจะหย่าเพราะเหมือนคนเป็นเพื่อนกันมาแชร์บ้านกันอยู่มากกว่า แล้วถ้าเป็นคนอื่นจะตัดสินใจยังไงกันหรือมีประสบการณ์ยังไงกันบ้างคะ