รวมเวลาที่คบกันและแต่งงานกับสามีมา 20 ปี (ไม่มีลูก) ไม่ได้จดทะเบียน บ้านที่อยู่ด้วยกันก็เป็นเงินของพ่อเค้าที่ซื้อให้ และตัวแฟนเองก็มีเงินทองที่พ่อแม่เค้าให้ไว้เนื่องจากทางบ้านเค้ามีฐานะดีมาก แต่แฟนก็ทำงานมีเงินเดือนนะคะ ซึ่งดิฉันกับเค้าก็ร่วมกันสร้างบริษัทนี้มา แต่ดิฉันออกเงินลงทุนน้อยกว่าค่ะ สัดส่วน 80/20 และดิฉันก็คอยช่วยเหลืองานของเค้ามาตลอดแม้ดิฉันจะมีงานประจำทำก็ตาม เท่ากับว่าดิฉันทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด แต่รายได้จากบริษัทนี้ ดิฉันไม่เคยได้โดยที่สามีให้เหตุผลว่า เรายังไม่มีกำไร และบริษัทนี้จะทำไว้เพื่ออนาคตในวันที่เราเกษียณ ซึ่งดิฉันก็ยอมรับตรงนั้น ส่วนเรื่องบ้านและบริษัททั้งหมดก็เป็นชื่อของสามีดิฉันค่ะ
แต่หลายปีที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกว่าครอบครัวเราแปลกที่ต้องหารค่าใช้จ่ายกันทุกอย่าง ทุกๆเดือนดิฉันและสามีต้องเอาเงินมาวางไว้ที่กองกลางคนละ 20,000 บาท แล้วค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็หารกันจากเงินกองกลางนี้ เราอยู่กันเหมือนเพื่อนมากกว่าคู่แต่งงาน แม้กระทั้งวันไหนที่เค้าเอารถดิฉันไปใช้ เค้าก็มาเอาค่าทางด่วนที่ดิฉันแล้วมาหารกันตามใบเสร็จที่มีตอนสิ้นเดือน และบ่อยครั้งที่ดิฉันจะซื้อของใช้เข้าบ้านเองโดยไม่ได้หารเช่นแอร์ ปั๊มน้ำ ต้นไม้ในสวน เพราะเค้าไม่ยอมจ่าย บอกว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย สุดท้ายดิฉันก็ตัดรำคาญจ่ายไปเองเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านที่เราหารกันก็มีทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแม่บ้าน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่ากิน ค่าประกันรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าไปเที่ยว ค่าโรงแรม ไม่มีอะไรที่เราไม่หารกัน ยกเว้นเวลาไปกินข้าวกับพ่อแม่ของใครก็ออกเอง
ดิฉันรู้สึกแปลกๆและพอเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่าดิฉันโง่ แต่ดิฉันมองว่าเราเป็นสามีภรรยากันก็อาจจะคิดเล็กคิดน้อยเกินไปมั้ย แต่สุดท้ายดิฉันก็อดเอามาคิดไม่ได้ว่า สามีเอาเปรียบดิฉันอยู่รึเปล่า จนตอนนี้ดิฉันอยากย้ายออกมาอยู่เองเพราะรู้สึกว่าการทำงาน 7 วันของดิฉันมันเหนื่อยเกินไป แล้ว 20ปีที่ผ่านมา ดิฉันต้องอดทนกับครอบครัวของบ้านสามีมากๆ อยากพักผ่อน อยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เพราะถ้าย้ายออกมา ดิฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนค่าใช้จ่ายอะไร ไม่รู้ว่าคิดมากไปมั้ยคะ ลืมบอกไปว่า สามีให้บ้านดิฉันมา 1 หลังราคา 3 ล้านบาท แต่เค้าเคยบอกว่า ถ้าเราเลิกกัน คุณต้องคืนบ้านมาให้ผมเพราะมันเป็นของผม
ดิฉันคิดมากไปหรือว่าสามีกำลังเอาเปรียบดิฉันอยู่คะ
แต่หลายปีที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกว่าครอบครัวเราแปลกที่ต้องหารค่าใช้จ่ายกันทุกอย่าง ทุกๆเดือนดิฉันและสามีต้องเอาเงินมาวางไว้ที่กองกลางคนละ 20,000 บาท แล้วค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็หารกันจากเงินกองกลางนี้ เราอยู่กันเหมือนเพื่อนมากกว่าคู่แต่งงาน แม้กระทั้งวันไหนที่เค้าเอารถดิฉันไปใช้ เค้าก็มาเอาค่าทางด่วนที่ดิฉันแล้วมาหารกันตามใบเสร็จที่มีตอนสิ้นเดือน และบ่อยครั้งที่ดิฉันจะซื้อของใช้เข้าบ้านเองโดยไม่ได้หารเช่นแอร์ ปั๊มน้ำ ต้นไม้ในสวน เพราะเค้าไม่ยอมจ่าย บอกว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย สุดท้ายดิฉันก็ตัดรำคาญจ่ายไปเองเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านที่เราหารกันก็มีทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแม่บ้าน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่ากิน ค่าประกันรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าไปเที่ยว ค่าโรงแรม ไม่มีอะไรที่เราไม่หารกัน ยกเว้นเวลาไปกินข้าวกับพ่อแม่ของใครก็ออกเอง
ดิฉันรู้สึกแปลกๆและพอเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่าดิฉันโง่ แต่ดิฉันมองว่าเราเป็นสามีภรรยากันก็อาจจะคิดเล็กคิดน้อยเกินไปมั้ย แต่สุดท้ายดิฉันก็อดเอามาคิดไม่ได้ว่า สามีเอาเปรียบดิฉันอยู่รึเปล่า จนตอนนี้ดิฉันอยากย้ายออกมาอยู่เองเพราะรู้สึกว่าการทำงาน 7 วันของดิฉันมันเหนื่อยเกินไป แล้ว 20ปีที่ผ่านมา ดิฉันต้องอดทนกับครอบครัวของบ้านสามีมากๆ อยากพักผ่อน อยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เพราะถ้าย้ายออกมา ดิฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนค่าใช้จ่ายอะไร ไม่รู้ว่าคิดมากไปมั้ยคะ ลืมบอกไปว่า สามีให้บ้านดิฉันมา 1 หลังราคา 3 ล้านบาท แต่เค้าเคยบอกว่า ถ้าเราเลิกกัน คุณต้องคืนบ้านมาให้ผมเพราะมันเป็นของผม