ธ.กรุงไทย ประกาศไตรมาส 1/67 กวาดกำไรกว่า 1.1 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 10% กด NPL เหลือ 3.14%
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขับเคลื่อนโดยการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อการผลิตและการส่งออก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการขยายวงและต่อเนื่อง และสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน รวมถึงแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจ SME บางส่วนเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นจึงฟื้นตัวได้ช้า
ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้
ไตรมาสที่ 1/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 15.4 จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง
มุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 43.6 โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง
ธ.กรุงไทย ประกาศไตรมาส 1/67 กวาดกำไรกว่า 1.1 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 10% กด NPL เหลือ 3.14%
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขับเคลื่อนโดยการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อการผลิตและการส่งออก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการขยายวงและต่อเนื่อง และสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน รวมถึงแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจ SME บางส่วนเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นจึงฟื้นตัวได้ช้า
ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้
ไตรมาสที่ 1/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 15.4 จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง
มุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 43.6 โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง