ผมเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งมาใช้ชีวิตใน กทม. ค่าหอ ค่ารถ ค่ากิน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ รวม ๆ ก็เกือบ 60% ของเงินเดือนไปแล้ว และเป็นอีกปีเลยที่ผมไม่ได้กลับบ้านสงกรานต์ เพราะดูแล้วค่าใช้จ่ายไม่พอแน่ ๆ (ปีก่อนทำงานอีกจังหวัดที่อยู่คนละภาคก็ไม่ได้กลับ) แต่ผมก็ไม่เคยละเลยครอบครัวแบบถึงกับตัดขาดอะไร มีไลน์หากันบ้าง โทรบ้าง ไปหานอกเทศกาลบ้าง (และส่วนมากผมไปครั้งหนึ่งก็ไม่นาน 2-3 วันก็กลับแล้ว อยู่นานกว่านั้นมักจะมีเรื่องต้องทะเลาะกัน)
ล่าสุดผมก็บอกไปตามตรงกับที่บ้านว่าไม่ได้กลับนะ ค่าใช้จ่ายมันสูง แบกรับไม่ไหว ก็โดนตัดพ้อจากปลายสายมาว่าบอกแล้วว่าอย่าย้ายไปทำงานที่นั่น บอกแล้วว่าอย่าไปเที่ยวเยอะ (เขาส่องเฟซบุ๊กงานเลี้ยงที่เพื่อนแท็กผมมา ซึ่งปกติผมก็มีสังสรรค์บ้าง ไม่ได้บ่อยเลย นับครั้งได้) อายุป่านนี้แล้ว ถ้ายังทำตัวแบบนี้อีก ระวังไม่มีอนาคต
ผมได้แต่ครับ ครับ เพราะขี้คร้านจะอธิบายอีกว่าที่ต้องมาทำงานไกลบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีงานให้ทำ และที่นี่มีโอกาสที่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งไปสูง ๆ ผมพยายามกัดฟันเอาตัวรอดให้ได้อยู่ แต่มาโดนพูดแบบนี้ใส่ บอกตรง ๆ ครับ เหนื่อยหัวใจ
ผมแค่จะเอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวัน แต่ละเดือนไปก่อน มันผิดมากหรอครับ มันดูไม่มีอนาคตขนาดนั้นเลยหรอครับ ทั้งที่ผมก็มีเป้าหมายของผมอยู่ในใจแล้วนะ แล้วก็บอกเขาไปแล้วหลายหนด้วยว่าไม่ได้นึกจะมาก็มาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เลย
ภาระเยอะจนไม่มีเงินเก็บ คือคนไม่มีอนาคต?
ล่าสุดผมก็บอกไปตามตรงกับที่บ้านว่าไม่ได้กลับนะ ค่าใช้จ่ายมันสูง แบกรับไม่ไหว ก็โดนตัดพ้อจากปลายสายมาว่าบอกแล้วว่าอย่าย้ายไปทำงานที่นั่น บอกแล้วว่าอย่าไปเที่ยวเยอะ (เขาส่องเฟซบุ๊กงานเลี้ยงที่เพื่อนแท็กผมมา ซึ่งปกติผมก็มีสังสรรค์บ้าง ไม่ได้บ่อยเลย นับครั้งได้) อายุป่านนี้แล้ว ถ้ายังทำตัวแบบนี้อีก ระวังไม่มีอนาคต
ผมได้แต่ครับ ครับ เพราะขี้คร้านจะอธิบายอีกว่าที่ต้องมาทำงานไกลบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีงานให้ทำ และที่นี่มีโอกาสที่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งไปสูง ๆ ผมพยายามกัดฟันเอาตัวรอดให้ได้อยู่ แต่มาโดนพูดแบบนี้ใส่ บอกตรง ๆ ครับ เหนื่อยหัวใจ
ผมแค่จะเอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวัน แต่ละเดือนไปก่อน มันผิดมากหรอครับ มันดูไม่มีอนาคตขนาดนั้นเลยหรอครับ ทั้งที่ผมก็มีเป้าหมายของผมอยู่ในใจแล้วนะ แล้วก็บอกเขาไปแล้วหลายหนด้วยว่าไม่ได้นึกจะมาก็มาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เลย