JJNY : 5in1 พิธาจี้เปิดเวที│ศิริกัญญาจี้ แจงให้ชัด│กัณวีร์ชง 3 แนวทาง│รบ.ทหารเมียนมาเร่งหารือกับไทย│สงครามจ่อต.อ.กลาง

พิธา จี้ รบ.เปิดเวทีคุย 3 ปัญหา เมียนมา ชี้ ควรรับข้อมูลรอบด้าน ไม่ใช่ด้านใดด้านหนึ่ง.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4522793
 
 
“พิธา” จี้รัฐบาลเปิดเวทีคุย 3 ปัญหากับเมียนมา หลังได้รับเสียงสะท้อนเข้าถึงผู้นำไทยยาก ถ้ารัฐบาลอยากจะเข้าใจเมียนมามากขึ้น ควรรับข้อมูลให้รอบด้านไม่ใช่รับด้านใดด้านหนึ่ง

เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่เทศบาลตำบลอุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเมียนมา โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชิดประเทศไทย เช่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐคะเรนนี และรัฐฉาน เพราะต่อสู้และสะท้อนให้กับตนเองฟังเมื่อตอนไปประชุมที่เจนีวา ว่าเข้าถึงรัฐบาลไทยยาก ถ้ารัฐบาลอยากจะเข้าใจเมียนมามากขึ้น ก็ควรจะรับข้อมูลให้รอบด้านไม่ใช่รับด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม NUG หรือ ERO นอกจากที่จะเป็น SAC ของรัฐบาลอย่างเดียว และถ้ารัฐบาลไทยมีความตั้งใจจะแก้ไขปัญหาสามปัญหาคือ PM2.5 ออนไลน์สแกม และยาเสพติด ความร่วมมือจากกลุ่มชนชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่อยู่รอบประเทศไทย คงจะแก้ไขปัญหาต้นตอ ไม่ได้คิดว่าถึงเวลาแล้วซึ่งได้พูดเรื่องนี้กับนายนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวที 152 ไปรอบหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ จึงได้ฝากไปว่าถึงเวลาที่ต้องเข้าใจเรื่องในพม่ามี 14-15 เจ้า ซึ่งหลายครั้งมาติดต่อรัฐบาล แต่ก็ไม่มีใครสนใจ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสนใจเมียนมามากขึ้น... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_4522793



ศิริกัญญา จี้รบ.แจงให้ชัด ยืมเงินธกส.ทำดิจิทัล จ่ายคืนเมื่อไหร่ หนี้เก่าค้าง 8 แสนล.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8184473

‘ศิริกัญญา’ มอง รบ.ยืมเงินธกส.ทำดิจิทัลวอลเล็ต ควรแจงกรอบเวลาใช้หนี้คืนให้ชัด เหตุหนี้เก่ายังค้าง 8 แสนล้าน อัด อย่าคิดประหนึ่งใช้เงินรัฐวิสาหกิจเหมือนเงินตัวเอง ลั่น หากกฤษฎีกาปัดตก ทำงบไม่พอ 5 แสนล้าน โครงการเป็นหมันแน่
 
เมื่อวันที่ 12 เมษายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลจะยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ว่า มีเรื่องน่ากังวลสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรก กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธกส. ระบุวัตถุประสงค์ของธกส. ไว้ชัดเจน แล้วตกลงว่าจะตีความได้อย่างไร ต้องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ แม้ว่าตอนแถลงข่าว ปลัดกระทรวงการคลังยืนยันว่า กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วและถูกต้องตามกฎหมาย และวันนี้นายกรัฐมนตรี ก็รับลูกในสิ่งที่ตนได้เสนอแนะไป ว่าควรส่งให้กฤษฎีกาตีความก่อน เพื่อความถูกต้องในการทำโครงการ เพราะหากเป็นคนทั่วไปตีความ ก็อาจจะทำให้โครงการไปต่อไม่ได้
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องที่สอง ความพร้อมของธกส. ที่ต้องเตรียมเงินเพื่อรองรับโครงการ แม้ทางรัฐบาลมีการยืนยันสภาพคล่องว่ามีเพียงพอ แต่อาจจะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลข ว่าตัวเลขสภาพคล่องอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ แล้วธกส. จะมีความสามารถนำเงินในสภาพคล่องนั้นมาใช้ได้หรือไม่ ในเมื่อรัฐบาลก็ได้หยิบยืมเงินธกส. ไปจำนวน 8 แสนล้านบาทแล้ว หากรวมก้อนใหม่ที่จะใช้ทำโครงการต่อ ก็จะทะลุ 1 ล้านล้านบาท ตนขอเรียกร้องแทนธกส. เจ้าของเงินฝากและเจ้าของสลากธกส. ทั่วประเทศ ว่าขอให้รัฐบาลเปิดเผยแผนการชำระหนี้ ว่าจะใช้หนี้ก้อนนี้อย่างไร จะใช้หมดภายในกี่ปี และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายมีจำนวนเท่าไหร่ อย่าใช้เงินของรัฐวิสาหกิจ โดยคิดประหนึ่งว่าเป็นเงินของรัฐบาลเอง เพราะมีหลายภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือได้รับผลกระทบจากการที่ใช้เงินของธกส. เป็นจำนวนมาก และไม่ชำระหนี้คืนให้ตรงต่อเวลา
 
เมื่อถามว่า ประเมินคำตอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไว้อย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า คิดว่าทางกฤษฎีกาคงจะมีคำตอบที่ดีกว่านี้ เพราะวานนี้ (11 เม.ย.) เรายังไม่ได้รับคำตอบ ว่าจะตีความอย่างไร ซึ่งกฤษฎีกาอาจจะเห็นด้วยกับรัฐบาลว่าสามารถใช้ได้ อาจจะตีความให้เข้ากับวัตถุประสงค์ได้ แต่อย่างน้อยก็อาจจะช่วยเพิ่มความชัดเจนให้กับประชาชน ว่าสรุปแล้วคุณตีความทางกฎหมายแบบไหน ถึงจะสามารถใช้เงินได้ แต่อีกทาง หากกฤษฎีกาตีความว่าใช้ไม่ได้ รัฐบาลจะได้เตรียมแหล่งเงินใหม่ เพราะหากมีเงินไม่เพียงพอ 5 แสนล้านบาท รับรองว่าทำโครงการนี้ต่อไม่ได้แน่ๆ
 


กัณวีร์ ชง 3 แนวทาง รัฐบาลรับมือทหารพม่าหนีทัพ หวั่นกระทบชายแดนไทย.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8184374

กัณวีร์ มอง 3 แนวทาง รัฐบาลรับมือทหารเมียนมาหนีทัพ หลบหนีอยู่ด่านเมียวดี 2 หวั่นการปะทะ กระทบชายแดนไทย ถ้ารับเป็นผู้ลี้ภัยจะต้องไม่ส่งกลับ
 
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2567 ที่ด่านพรมแดนแม่สอด 2 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา จ.ตาก นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า กรณีเร่งด่วนที่รัฐบาลไทยต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหา กรณีทหารเมียนมาแตกทัพประมาณ 200 คน ซึ่งกว่า 100 คน อยู่ตรงข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 และอีก 100 คนอยู่ไม่ไกลออกไป หากมีการเข้ามาในไทย ต้องถูกส่งกลับไปประเทศต้นทาง
 
ทางทหารเมียนมาอาจไม่อยากส่งกลับ และหากกองทัพเมียนมา ส่งกำลังเสริมมาโจมตีที่เมียวดี อาจเกิดการปะทะกัน ซึ่งทาง KNU ไม่ยอมเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้จะกระทบเศรษฐกิจชายแดนและประชาชนไทย
 
จึงเป็นความเร่งด่วนของรัฐบาลไทยที่จัดการในสถานการณ์ที่เปราะบาง ก็ให้กำลังใจ แต่เป็นสถานการณ์พิเศษที่มีการปะทะของกองกำลัง 2 ฝ่ายแล้วแตกหัก ประเทศไทยต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
 
นายกัณวีร์ กล่าวว่า มี 3 แนวทางที่จะเกิดขึ้นจากสถานการณ์นี้ คือ 

1. หากทหารเมียนมาหนีทัพมาแล้วแต่เกรงกลัวการถูกประหัตประหารถ้าถูกส่งกลับ ประเทศไทยจะสามารถให้พวกเขาลี้ภัยได้หรือไม่ ถ้าลี้ภัยได้ สามารถปฏิบัติตามหลักการไม่ส่งกลับ ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้
 
2. ต้องแก้ไขปัญหาภายในระหว่างกลุ่มต่อต้านกับรัฐบาล เช่นการเจรจามอบตัวเป็นเชลยศึกในการดูแลของฝ่ายต่อต้าน ซึ่งภายในเจรจาได้ หรือจะใช้พูดคุยในส่วนคณะกรรมการชายแดน TBC ซึ่งเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ ถ้ากองกำลังเมียนมา SAC ที่หนีทัพอยู่ ยอมจำนน อยู่ในฝ่ายต่อต้าน แล้วทำตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป ก็เป็นไปได้
 
3. ถ้ายังจัดการปัญหาไม่ได้ ก็จะมีการปะทะของสองฝ่ายในเมืองเมียวดี ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจะกระทบประชาชนทั้งสองฝ่าย
 
หากมีกองกำลังหนุนเสริมมาวันนี้ ทางเมียนมาจะส่งเฮลิคอปเตอร์พร้อมทหารราบ จะกระทบในเมืองเมียวดี และอ.แม่สอด ถ้ามีการปะทะก็จะกระทบทั้งหมด ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้น และคาดหวังว่าการลงพื้นที่ของ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศในวันนี้ จะมีการตัดสินใจทางนโยบายที่เร่งด่วนและเด็ดขาด ซึ่งยินดีให้การสนับสนุนตามแนวทางที่ดีที่สุด รวมถึงข้อเสนอการให้เมืองเมียวดีและแม่สอดเป็น Safety Zone แล้วก็อยากให้เป็นพื้นที่ระเบียงมนุษยธรรมด้วย จึงอยากให้รัฐบาลไทยตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานหลักมนุษยธรรม



รัฐบาลทหารเมียนมาเร่งหารือกับไทย หลังยืนยัน “ถอนทหาร” ออกจากเมียวดี
https://www.dailynews.co.th/news/3338683/

โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวว่า "ทหารจำนวนหนึ่ง" ถอนกำลังออกจากเมืองเมียวดี และกำลังมีการพูดคุยกับไทย เกี่ยวกับสถานะของทหารเหล่านี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่า พล.ต.จอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า ทหารเมียนมา “จำนวนหนึ่ง” ถอนกำลังออกจากฐานที่มั่น ในเมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว และฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเมียนมากำลังหารือกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับทหารเหล่านั้น แต่ปฏิเสธให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าหมายถึงทหารกี่นาย และการถอนกำลังเกิดขึ้นที่ฐานทัพแห่งใด

ขณะเดียวกัน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวว่า นักรบจำนวนหนึ่งของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) เดินทางเข้ามาในเมืองเมียวดี โดยยังไม่มีการกล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เคเอ็นยูประกาศการยึดค่ายผาซอง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นขนาดใหญ่ของกองทัพเมียนมาในรัฐกะเหรี่ยง และเป็นที่ตั้งของกองพันทหารราบที่ 275 ตั้งแต่เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา และกดดันให้ทหารเมียนมาราว 200 นาย ถอยร่นไปยังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ซึ่งอยู่ห่างจากตำบลบ้านท่าสายลวด อำเภอแม่สอด ในจังหวัดตาก ทางตะวันตกของไทย ประมาณ 2 กิโลเมตร.

https://twitter.com/AFP/status/1778635754195009941
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่